ASTVผู้จัดการรายวัน- ไทยนำเข้าแอลพีจีทะลุแสนตันต่อเดือนแล้ว แถมราคาวิ่งแตะ 660 เหรียญต่อตัน แนวโน้มยังพุ่งต่อตามทิศทางราคาน้ำมันพุ่ง “วรรณรัตน์”หวั่นโรงแยก 6 ปตท.ถูกระงับจากกรณีมาบตาพุด ปีหน้าอาจนำเข้ากระฉูด สั่งรับมือต้องไม่ขาดแคลน นักวิชาการติงตรึงราคาแอลพีจีถึงส.ค.คนใช้เบนซินจ่ายหนัก
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังการเป็นประธานการลงนามระหว่างกระทรวงพลังงานกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อความร่วมมือโครงการวัด-มัสยิด ประหยัดไฟ รวมใจสมานฉันท์ วานนี้(19พ.ย.) ว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้การนำเข้าก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)ของไทยเดือน พ.ย.เกินระดับแสนตันจึงได้สั่งการให้ บมจ.ปตท.ติดตามการนำเข้าเพื่อไม่ให้ขาดแคลน
อย่างไรก็ตาม ราคาแอลพีจีตลาดโลกล่าสุดอยู่ที่ 660 เหรียญต่อตันซึ่งขยับสูงตามราคาน้ำมันดังนั้นการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.)เร็วๆ นี้ จะขยายเพดานการจ่ายชดเชยของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากที่กำหนดไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อเดือนเป็น 800 -1,000 บาทต่อเดือน
“ ที่นำเข้าสูงเพราะมีการใช้ในภาคอุตสาหกรรมและปิโตรเคมีเพราะเศรษฐกิจฟื้นตัว และผลพวงจากกรณีมาบตาพุดทำให้โรงแยกก๊าซที่ 6 ที่จะผลิตแอลพีจีเพิ่มขึ้นในสิ้นปีหากมีการเลื่อนออกไปก็จะส่งผลให้การนำเข้าสูงขึ้นกว่าแสนตันไปจนถึงตลอดปีหน้าได้ดังนั้นปตท.จะต้องเตรียมแผนการนำเข้าที่จะต้องไม่ขาดแคลนซึ่งอาจใช้วิธีการลอยเรือในทะเลแม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น”รมว.พลังงานกล่าว
สำหรับการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ลงนามความร่วมมือโครงการวัด-มัสยิด...ประหยัดไฟ. .รวมใจสมานฉันท์ ด้วยการนำนักศึกษาอาชีวศึกษาทั่วประเทศ เปลี่ยนหลอดประหยัดพลังงานเบอร์ 5 ในศาสนสถาน 600 แห่งทั่วประเทศ คาดว่าจะสามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้กว่า 35 ล้านหน่วยต่อปี หรือปีละ 106 ล้านบาท พร้อมลดคาร์บอนไดออกไซด์ กว่า 17,800 ตันต่อปี
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านพลังงานกล่าวว่า การนำเข้าแอลพีจีที่ระดับเกินแสนตันนั้นกระทรวงพลังงานจะต้องบริหารจัดการให้ดีเพื่อป้องกันปัญหาการจัดส่งไม่ทันทำให้สะดุดเช่นอดีตที่ผ่านมาได้ ซึ่งการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องแท้จริงคือการสะท้อนราคาตลาดโลกเมื่อรัฐบาลส่งสัญญาณตรึงไปถึง ส.ค. 2553 ก็ทำให้มองได้ว่าโอกาสการปรับขึ้นแอลพีจีไม่มีก็จะยิ่งเป็นการส่งเสริมการใช้มากขึ้นโดยเฉพาะในภาคขนส่งและการนำเงินกองทุนฯไปอุดหนุนแอลพีจีก็ไม่เป็นธรรมสำหรับผู้ใช้น้ำมันโดยเฉพาะกลุ่มเบนซินที่จ่ายเงินเข้ากองทุนฯ มากสุด
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังการเป็นประธานการลงนามระหว่างกระทรวงพลังงานกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อความร่วมมือโครงการวัด-มัสยิด ประหยัดไฟ รวมใจสมานฉันท์ วานนี้(19พ.ย.) ว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้การนำเข้าก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)ของไทยเดือน พ.ย.เกินระดับแสนตันจึงได้สั่งการให้ บมจ.ปตท.ติดตามการนำเข้าเพื่อไม่ให้ขาดแคลน
อย่างไรก็ตาม ราคาแอลพีจีตลาดโลกล่าสุดอยู่ที่ 660 เหรียญต่อตันซึ่งขยับสูงตามราคาน้ำมันดังนั้นการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.)เร็วๆ นี้ จะขยายเพดานการจ่ายชดเชยของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากที่กำหนดไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อเดือนเป็น 800 -1,000 บาทต่อเดือน
“ ที่นำเข้าสูงเพราะมีการใช้ในภาคอุตสาหกรรมและปิโตรเคมีเพราะเศรษฐกิจฟื้นตัว และผลพวงจากกรณีมาบตาพุดทำให้โรงแยกก๊าซที่ 6 ที่จะผลิตแอลพีจีเพิ่มขึ้นในสิ้นปีหากมีการเลื่อนออกไปก็จะส่งผลให้การนำเข้าสูงขึ้นกว่าแสนตันไปจนถึงตลอดปีหน้าได้ดังนั้นปตท.จะต้องเตรียมแผนการนำเข้าที่จะต้องไม่ขาดแคลนซึ่งอาจใช้วิธีการลอยเรือในทะเลแม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น”รมว.พลังงานกล่าว
สำหรับการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ลงนามความร่วมมือโครงการวัด-มัสยิด...ประหยัดไฟ. .รวมใจสมานฉันท์ ด้วยการนำนักศึกษาอาชีวศึกษาทั่วประเทศ เปลี่ยนหลอดประหยัดพลังงานเบอร์ 5 ในศาสนสถาน 600 แห่งทั่วประเทศ คาดว่าจะสามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้กว่า 35 ล้านหน่วยต่อปี หรือปีละ 106 ล้านบาท พร้อมลดคาร์บอนไดออกไซด์ กว่า 17,800 ตันต่อปี
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านพลังงานกล่าวว่า การนำเข้าแอลพีจีที่ระดับเกินแสนตันนั้นกระทรวงพลังงานจะต้องบริหารจัดการให้ดีเพื่อป้องกันปัญหาการจัดส่งไม่ทันทำให้สะดุดเช่นอดีตที่ผ่านมาได้ ซึ่งการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องแท้จริงคือการสะท้อนราคาตลาดโลกเมื่อรัฐบาลส่งสัญญาณตรึงไปถึง ส.ค. 2553 ก็ทำให้มองได้ว่าโอกาสการปรับขึ้นแอลพีจีไม่มีก็จะยิ่งเป็นการส่งเสริมการใช้มากขึ้นโดยเฉพาะในภาคขนส่งและการนำเงินกองทุนฯไปอุดหนุนแอลพีจีก็ไม่เป็นธรรมสำหรับผู้ใช้น้ำมันโดยเฉพาะกลุ่มเบนซินที่จ่ายเงินเข้ากองทุนฯ มากสุด
