กระทรวงพลังงานชี้ราคาน้ำมันตลาดโลกที่ผันผวนไร้ปัญหา กองทุนน้ำมันฯยังบริหารได้ชี้ราคาดีเซลยังห่างไกลแตะ 30 บาทต่อลิตร เหตุปัจจุบันเฉลี่ยที่ 25-26 บาทต่อลิตรเท่านั้น แต่ยอมรับปลายปีดีเซลมีโอกาสปรับขึ้นเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเปิดเผยถึงกรณีที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ที่ตลาดนิวยอร์กส่งมอบต.ค.ปรับขึ้น 3.08 เหรียญสหรัฐฯปิดที่ 71.10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเนื่องจากค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าสุดในรอบปีว่า ราคาน้ำมันมีความผันผวนหลังจากที่ได้ปรับลดลงไปจึงมีแรงเก็งกำไรเข้ามาประกอบกับกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันโลก(โอเปก)ต้องการเห็นระดับราคา 70-75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลแนวโน้มจึงทำให้ราคาน้ำมันจะทรงตัวระดับสูง อย่างไรก็ตามรัฐบาลที่รัฐใช้กลไกจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในปัจจุบันเพื่อเข้ามาดูแลไม่ให้ดีเซลเกินระดับ 30บาทต่อลิตรยังเป็นมาตรการที่พอเพียงที่จะดูแลได้อยู่
“ดีเซลขณะนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 25-26 บาทต่อลิตรเท่านั้นหากพิจารณาแล้วการลดเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯที่ผ่านมาก็ถือว่าเป็นมาตรการดูแลไม่ให้น้ำมันดีเซลขยับไปแตะระดับ 30 บาทต่อลิตรได้และคิดว่าคงจะไม่มีปัญหาอะไรหากน้ำมันตลาดโลกจะขยับขึ้นอีกแต่คงจะต้องติดตามช่วงปลายปีเพราะเข้าฤดูหนาวราคาดีเซลตลาดโลกอาจปรับขึ้นสูงเพราะความต้องการจะมากขึ้นเป็นปกติทุกปี”รมว.พลังงานกล่าว
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านน้ำมันกล่าวว่า ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นสูงเกิดจากแรงเก็งกำไรและค่าเงินสหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโรถึง 0.02 เหรียญสหรัฐฯต่อยูโร ที่ 1.4535 ซึ่งเป็นการอ่อนค่าที่สุดในปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนโยกย้ายการลงทุนไปถือครองสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น หลังตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดในปีนี้ ซึ่งถือเป็นการปรับฐานราคามาอยู่ที่ 68-69 เหรียญต่อบาร์เรลดังนั้นระยะสั้นนี้ราคาน้ำมันคงจะเฉลี่ยที่ไม่เกิน 73 เหรียญต่อบาร์เรลเนื่องจากปัจจัยอื่นๆไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนักโดยเฉพาะความต้องการใช้
รายงานข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน แจ้งว่า ปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเดือนสิงหาคม 2552 มีปริมาณการใช้น้ำมันดีเซล 46.8 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่ปริมาณการใช้เดือนกรกฎาคม อยู่ที่ 47.5 ล้านลิตรต่อวัน ส่วนปริมาณการใช้น้ำมันไบโอดีเซลบี 5 อยู่ที่ 22.292 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งมียอดการใช้ลดลงเมื่อเทียบกับปริมาณการใช้ในเดือนกรกฎาคม ที่มีปริมาณการใช้จำนวน 23.514 ล้านลิตรต่อวัน
สำหรับปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินโดยรวมเดือนสิงหาคม 2552 อยู่ที่ 19.4 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งมีปริมาณการใช้ลดลงจากเดือนกรกฎาคม ที่มียอดใช้ 20.4 ล้านลิตร โดยปริมาณการใช้น้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ 7.5 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่เดือนกรกฎาคม มีปริมาณการใช้ 7.8 ล้านลิตรต่อวัน สำหรับน้ำมันเบนซิน 91 มีปริมาณการใช้ 0.4 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งลดลงจากเดือนกรกฎาคมเล็กน้อย ที่มียอดใช้ 0.5 ล้านลิตรต่อวัน
ส่วนปริมาณการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลโดยรวมเดือนสิงหาคม อยู่ที่ 11.5 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่ปริมาณการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล เดือนกรกฎาคม อยู่ที่ 12.1 ล้านลิตรต่อวัน โดยปริมาณการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 (E10) อยู่ที่ 3.79 ล้านลิตรต่อวันขณะที่ปริมาณการใช้เดือนกรกฎาคม อยู่ที่ 3.85 ล้านลิตรต่อวัน ส่วนน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 (E10) มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 7.46 ล้านลิตรต่อวัน
โดยมีปริมาณการใช้เดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 7.96 ล้านลิตรต่อวัน และแก๊สโซฮอล 95 (E20) มีปริมาณการใช้ 0.25 ล้านลิตรต่อวัน โดยปริมาณการใช้ขยับขึ้นจากเดือนกรกฎาคม เล็กน้อย จากปริมาณการใช้อยู่ที่ 0.24 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งสาเหตุการใช้ที่ลดลงเนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนการขนส่งและการท่องเที่ยวลดลงทำให้ยอดการใช้น้ำมันภาพรวมเดือนนี้ปรับลดตาม
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเปิดเผยถึงกรณีที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ที่ตลาดนิวยอร์กส่งมอบต.ค.ปรับขึ้น 3.08 เหรียญสหรัฐฯปิดที่ 71.10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเนื่องจากค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าสุดในรอบปีว่า ราคาน้ำมันมีความผันผวนหลังจากที่ได้ปรับลดลงไปจึงมีแรงเก็งกำไรเข้ามาประกอบกับกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันโลก(โอเปก)ต้องการเห็นระดับราคา 70-75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลแนวโน้มจึงทำให้ราคาน้ำมันจะทรงตัวระดับสูง อย่างไรก็ตามรัฐบาลที่รัฐใช้กลไกจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในปัจจุบันเพื่อเข้ามาดูแลไม่ให้ดีเซลเกินระดับ 30บาทต่อลิตรยังเป็นมาตรการที่พอเพียงที่จะดูแลได้อยู่
“ดีเซลขณะนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 25-26 บาทต่อลิตรเท่านั้นหากพิจารณาแล้วการลดเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯที่ผ่านมาก็ถือว่าเป็นมาตรการดูแลไม่ให้น้ำมันดีเซลขยับไปแตะระดับ 30 บาทต่อลิตรได้และคิดว่าคงจะไม่มีปัญหาอะไรหากน้ำมันตลาดโลกจะขยับขึ้นอีกแต่คงจะต้องติดตามช่วงปลายปีเพราะเข้าฤดูหนาวราคาดีเซลตลาดโลกอาจปรับขึ้นสูงเพราะความต้องการจะมากขึ้นเป็นปกติทุกปี”รมว.พลังงานกล่าว
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านน้ำมันกล่าวว่า ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นสูงเกิดจากแรงเก็งกำไรและค่าเงินสหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโรถึง 0.02 เหรียญสหรัฐฯต่อยูโร ที่ 1.4535 ซึ่งเป็นการอ่อนค่าที่สุดในปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนโยกย้ายการลงทุนไปถือครองสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น หลังตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดในปีนี้ ซึ่งถือเป็นการปรับฐานราคามาอยู่ที่ 68-69 เหรียญต่อบาร์เรลดังนั้นระยะสั้นนี้ราคาน้ำมันคงจะเฉลี่ยที่ไม่เกิน 73 เหรียญต่อบาร์เรลเนื่องจากปัจจัยอื่นๆไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนักโดยเฉพาะความต้องการใช้
รายงานข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน แจ้งว่า ปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเดือนสิงหาคม 2552 มีปริมาณการใช้น้ำมันดีเซล 46.8 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่ปริมาณการใช้เดือนกรกฎาคม อยู่ที่ 47.5 ล้านลิตรต่อวัน ส่วนปริมาณการใช้น้ำมันไบโอดีเซลบี 5 อยู่ที่ 22.292 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งมียอดการใช้ลดลงเมื่อเทียบกับปริมาณการใช้ในเดือนกรกฎาคม ที่มีปริมาณการใช้จำนวน 23.514 ล้านลิตรต่อวัน
สำหรับปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินโดยรวมเดือนสิงหาคม 2552 อยู่ที่ 19.4 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งมีปริมาณการใช้ลดลงจากเดือนกรกฎาคม ที่มียอดใช้ 20.4 ล้านลิตร โดยปริมาณการใช้น้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ 7.5 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่เดือนกรกฎาคม มีปริมาณการใช้ 7.8 ล้านลิตรต่อวัน สำหรับน้ำมันเบนซิน 91 มีปริมาณการใช้ 0.4 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งลดลงจากเดือนกรกฎาคมเล็กน้อย ที่มียอดใช้ 0.5 ล้านลิตรต่อวัน
ส่วนปริมาณการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลโดยรวมเดือนสิงหาคม อยู่ที่ 11.5 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่ปริมาณการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล เดือนกรกฎาคม อยู่ที่ 12.1 ล้านลิตรต่อวัน โดยปริมาณการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 (E10) อยู่ที่ 3.79 ล้านลิตรต่อวันขณะที่ปริมาณการใช้เดือนกรกฎาคม อยู่ที่ 3.85 ล้านลิตรต่อวัน ส่วนน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 (E10) มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 7.46 ล้านลิตรต่อวัน
โดยมีปริมาณการใช้เดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 7.96 ล้านลิตรต่อวัน และแก๊สโซฮอล 95 (E20) มีปริมาณการใช้ 0.25 ล้านลิตรต่อวัน โดยปริมาณการใช้ขยับขึ้นจากเดือนกรกฎาคม เล็กน้อย จากปริมาณการใช้อยู่ที่ 0.24 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งสาเหตุการใช้ที่ลดลงเนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนการขนส่งและการท่องเที่ยวลดลงทำให้ยอดการใช้น้ำมันภาพรวมเดือนนี้ปรับลดตาม