นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกระบุว่า นายสุเทพ จ้างพยาน 30 ล้าน ให้กล่าวเท็จในคดียุบพรรคไทยรักไทยว่า นี่เป็นตัวอย่างที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ชี้ให้เห็นธาตุแท้ของคนในพรรคไทยรักไทย หรือพรรคเพื่อไทย ตลบ ตะแลง บิดเบือน สร้างหลักฐานเท็จกันมาตลอด ใช้เวลาตั้ง 3 ปีสุ่มหัวกันคิดได้แค่นี้ พี่น้องประชาชนติดตามเรื่องนี้มาตลอด เห็นได้ชัดเจนว่า เขาได้จงใจกระทำผิดกฎหมาย จำนนด้วยหลักฐาน พยาน ทุกอย่าง ถูกคำพิพากษาของศาล มาวันนี้เลยเวลามา 3 ปี ก็พยายามรวบรวมปั้นเรื่องขึ้นมาใหม่ เพื่อมาหลักล้าง เป้าหมายไม่มีอะไร เขาพูดชัดเจน ต้องการให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และบริวารเป็นคนดี มีเพียงเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะที่มีการอ้างว่าเมื่อว่าจ้างวานให้ล้ม ขณะเดียวกันไปสัญญาจะช่วยเรื่องคดี นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้จะได้รับการพิสูจน์ อย่ากังวลใจ ตนมีหน้าที่จะต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ชัด ซึ่งขณะนี้จะให้เจ้าหน้าที่ทางกฎหมายได้ดูประเด็น แล้วจะได้ดำเนินการตามกฎหมาย พวกตนเคารพกฎหมาย และจะได้ดำเนินการตามกฎหมาย ไม่เหมือนข้างเขาหรอก ถ้าเมื่อไรกฎหมายไม่เข้าข้างตัวเองก็จะต่อต้าน
"ผมยืนยันว่า ตลอดเวลา 31 ปีเศษๆ ที่ทำงานการเมืองมาคือ 1. ผมไม่พูดความเท็จในทางการเมือง ไม่โกหกหลอกลวงประชาชน 2. ทุกอย่างที่ดำเนินการเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ ไม่ว่าเรื่องจะอภิปรายในสภา หรือเรื่องที่ได้ดำเนินการอื่นๆ เพราะฉะนั้นผมไม่กังวลใจกับคนเหล่านี้เลย" นายสุเทพกล่าว
ต่อข้อถามว่า จะให้เป็นตามกระบวนการตามกฎหมาย หมายถึงเราจะฟ้องกลับใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เดี๋ยวคอยดูแล้วกัน เมื่อถามต่อว่า มองอย่างไรที่พยานกลับคำให้การ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่าท่านคงตอบคำถามนี้ได้เอง ว่าเพราะอะไร เพราะชีวิตการเมืองของตนไม่เคยหักหลังใคร ไม่เหมือนกับพวกเขาที่ประพฤติกันอยู่
"เคยประกาศต่อสู้คุณทักษิณ เอาเป็นเอาตาย ยืนคนละข้าง เผลอแป๊ปเดียว ไปเป็นบริวารรับใช้ ออกมาทำความผิด บิดเบือนข้อเท็จจริง เห็นกันชัดเจน" นายสุเทพกล่าว
เมื่อถามว่ามีการประเมินหรือไม่ว่า ทำไมคนเหล่านี้ต้องออกมาเปิดเผยข้อมูลในช่วงนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า คงให้สอดคล้องกับเกมการเมืองที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กับเสื้อแดง และพวกพรรคเพื่อไทยได้ประกาศเอาไว้ จึงจำเป็นต้องเร่งเกมการเมืองให้เสร็จโดยเร็ว เพราะถ้ายิ่งอยู่นานไปจะมีความผิดอื่นชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วนหลักฐานที่นำมาเปิดเผยครั้งนี้ จะส่งผลยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่าไม่มีหรอกครับ หลักฐานนี้จะมัดตัวเขาเอง ทำงานยุ่งทั้งวัน ไม่มีโอกาสได้ดูซีดี แต่ว่าตอนดึกได้กลับไปเห็นข่าว คำพูด คำจา สิ่งที่เขามาแถลงแล้วตนคิดว่า อันนั้นมัดคอเขาแท้ๆ ไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า ในฐานะเป็นผู้จัดการรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เล่นเกมรุก โค่นรัฐบาล เราจะประคับประคองสถานการณ์ได้อีกนานแค่ไหน นายสุเทพกล่าวว่า คุณทักษิณ ดำเนินการที่จะโค่นล้มรัฐบาล ทำลายขนบธรรมเนียมที่ดีงามทางการเมืองด้วยวิธีการทุกวิถีทาง สิ่งที่ตนจะดำเนินการคือ การสู้ตามกฎกติกา หลักการของกฎหมายทุกอย่าง
"ผมเชื่อว่า สิ่งที่เราดำเนินการโดยถูกต้องนี้ชนะในที่สุด คุณทักษิณ ไม่มีวันชนะหรอกครับ ถ้าใช้วิธีการต่อสู้ที่ไม่คำนึงถึงศีลธรรม คุณธรรม ความถูกต้อง กฎเกณฑ์กติกาของบ้านเมือง"
เมื่อถามว่าเป้าหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะล้มรัฐบาลเร็วที่สุดพ.ย. และอย่างช้าก.พ.ปีหน้า จะรับมือไหวหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวอย่างมั่นใจว่า "ผมรับมือไหว ผมต้องรับมือให้ได้"
** "ชวน"กรีด"พัลลภ"แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ต้องย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ตอนนั้นแล้วจะรู้ดี เพราะคนที่ไม่ได้ติดตามเหตุการณ์ตอนนั้นจะสับสนว่า เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างไร สมัยนั้นใครมีอำนาจ ใครเป็นรัฐบาลอยู่ก็รู้กันอยู่ การวิ่งเต้นคดี การจ่ายเงิน มีเรื่องตอนที่มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ออกมาเปิดเผยเองว่า มีการวิ่งเต้นคดีราว 30 ล้านบาทโดยนายตำรวจ แต่ผู้พิพากษากับตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับ มาถึงวันนี้คดีดังกล่าวยังไม่จบ ยังอยู๋ในกระบวนการยุติธรรม หลายคนคงจะลืมไปแล้วว่า สมัยนั้นมีการวิ่งเต้นเพื่อล้มคดีแต่ไม่สำเร็จ จึงกลายเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนกลุ่มนี้ด่าศาล เพราะวิ่งเต้นคดีไม่สำเร็จ แต่กรณีที่พล.อ.พัลลภ นำพยานบุคคลออกมาแถลงข่าวส่วนตัวคิดว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้รู้เรื้องดี ข้อเท็จจริงอยู่ที่ นายสุเทพ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ หลักของพรรคคือเราไม่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อย่าลืมว่า ขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน เราสู้เพื่อรักษาความเป็นธรรมด้วยความยากลำบากมาก เพราะอิทธิพลของรัฐบาลยุคนั้นครอบงำไปทุกองค์กร
"ผมเพิ่งจะได้อ่านข้อมูลที่เขาพูดวันนี้เอง( 17 พ.ย.) ก็เห็นเจตนาของเขาชัดเจนว่า ทำเพื่ออะไร แต่ผมคิดว่าเขาคงต้องการทำทุกอย่าง ซึ่งไม่ใช่ของแปลกอะไร เพราะเป้าหมายเขาได้พูดชัดเจนในช่วงเวลาเกือบปีที่ผ่านมาว่า เขาจะต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้รัฐบาลนี้อยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นในสภา หรือนอกสภา หรือด้วยวิธีใดก็ตาม คือไม่ให้บริหารงานได้ ไม่ให้ทำงานได้ ฉะนั้นรัฐบาลเองก็รู้อยู่ และต้องติดตามดูต่อไป แต่ข้อกล่าวหาอะไรก็ตาม เมื่อมีการกล่าวหาเกิดขึ้นก็ต้องตั้งต้นเพื่อดูข้อเท็จจริงกันต่อไป เมื่อใครพูดเท็จก็ต้องรับผิดชอบ" นายชวนกล่าว
**เตรียมฟ้อง"พัลลภ"ฐานใส่ร้าย
นพ. บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า พรรคยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความเท็จ พรรคไม่มี ไม่เคย และจะไม่มีวันใช้วิธีการดังกล่าวเหมือนบางพรรคและบางบุคคลที่กระทำมาในอดีต ซึ่งเรื่องนี้ชัดเจนแล้วว่าพรรคการเมืองนั้นได้มีการพิจารณาคดีสิ้นสุดจนมีการยุบพรรคไปแล้ว และพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง นอกจากเป็นผู้ให้การ ซึ่งการดำเนินการที่ผ่านมาเป็นเรื่องของกกต.
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้เป็นเรื่องความผิดของบุคคล ที่เป็นอดีต กก.บห.พรรคไทยรักไทยขณะนี้คดีอยู่ในชั้นรออัยการสั่งฟ้องต่อศาลอาญา ทั้งในเรื่องการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และการปลอมแปลงฐานข้อมูลของกกต. ทางพรรคประเมินว่า การออกมาเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเป็นการกระทำให้ตนเองพ้นผิด และเพื่อให้หลุดพ้นข้อกล่าวหาด้วยการโกหกใส่ร้าย พาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาดูว่าจะใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเพื่อพิจารณาดำเนินคดีหรือไม่
"ในฐานะที่พล.อ.พัลลภเป็นชายชาติทหาร และในอดีตได้ปฏิญาณตนว่าจะยอมพลีชีพเพื่อชาตินั้น ผมคิดว่าการทำงานในวันนี้ พล.อ.พัลลภ ควรจะมีความชัดเจนว่าทำงานให้ใคร เกียรติภูมิที่มีอยู่นั้นควรค่าหรือไม่ กับการออกมายืนยันข้อมูลที่ไม่มีหลักฐาน ไม่อยากให้เหมือนกับกรณีคาร์บอมบ์ ต้องถามกลับไปยังผู้นำข้อมูลมาเปิดเผย หากกล้าใช้ข้อมูลที่ไม่มีหลักฐาน ก็ควรที่จะเตรียมกล้ารับผลของการกระทำและรับผิดชอบด้วย" นพ.บุรณัชย์ กล่าว
**"พัลลภ"ไม่หวั่นถูกฟ้อง คุยหลักฐานแน่น
ด้านพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี กล่าวว่า การที่ตนออกมาเปิดเผยครั้งนี้ เป็นเพราะพยานในคดียุบพรรคไทยรักไทยทั้ง 2 คน สำนึกผิด และต้องการเปิดเผยข้อเท็จจริงให้สาธารณชนได้รับทราบ โดยได้รับการว่าจ้างเป็นเงิน 15 ล้านบาท ซึ่งไม่แน่ใจว่า จะมีผลต่อคดียุบพรรคไทยรักไทยหรือไม่ เพราะศาลได้ตัดสินไปแล้ว และเป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมายที่จะต้องว่ากันต่อไป แต่ส่วนตัวคิดว่าน่าจะพอมีประโยชน์ต่อรูปคดีของ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา รวมทั้งสถานะของอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คนด้วย
พล.อ.พัลลภ กล่าวด้วยว่า ยืนยันว่าไม่หวั่นไหว หากนายสุเทพ จะฟ้องหมิ่นประมาท เพราะมีหลักฐานชัดเจนในเรื่องของการโอนเงิน จึงพร้อมที่จะต่อสู้คดีในชั้นศาล
**"เพื่อแม้ว"ขู่ฟ้องยุบพรรคปชป.
ส่วนที่พรรคเพื่อไทย นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นายวิเชียร ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา และนายพีระพันธ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร ซึ่งทั้งหมดเป็นอดีตส.ส.พรรคไทยรักไทยได้ร่วมกันแถลงภายหลังการประชุมส.ส. เพื่อเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ หลังจากพล.อ.พัลลภได้รายงานเรื่องนี้ต่อที่ประชุม แกนนำของพรรคได้มอบหมายให้ทีมกฎหมายของพรรค เดินหน้าเต็มที่ โดยจะตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมารื้อฟื้นคดียุบพรรคขึ้นใหม่ เพราะได้พยานหลักฐานใหม่ที่แตกต่างจากหลักฐานในช่วงพิจารณาคดีพิพากษา ทั้งนี้ เราจะดำเนินการตามกฎหมายทั้งด้านอาญา พ.ร.บ.พรรคการเมืองที่ใส่ร้ายป้ายสีพรรคการเมืองอื่น ซึ่งให้ได้มาซึ่งอำนาจ
"เราจะยื่นหนังสือต่อประธานสภาฯ เพื่อให้ตรวจสอบจริยธรรม และจะฟ้องนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ฐานสร้างพยานเท็จ นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยยังมอบให้ให้ร้องต่อ กกต. เพื่อยุบพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง"นายไพจิตรกล่าว
**หาช่องปลุก 111ซากเน่าการเมือง
แหล่งข่าวจากที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมพรรค พล.อ.พัลลภ ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่าการนำพยาน 2 ราย ที่เคยให้การต่อตุลาการรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคไทยรักไทย ออกมาเปิดเผย เพื่อให้สังคมรับรู้ว่ามีการกระบวนการทำลายพรรคไทยรักไทย จะทำให้สังคมเห็นธาตุแท้ของพรรคประชาธิปัตย์ จึงขอฝากให้ส.ส.และฝ่ายกฎหมายนำไปดูว่าจะมีช่องทางใดที่สามารถทำให้สังคมเห็นกระบวนการปั้นข้อมูลใส่ร้ายดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องร้ายแรง และมีช่องทางที่จะฟื้นคดีเพื่อคืนสิทธิ์ให้กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คนหรือไม่
หลังจากที่พล.อ.พัลลภพูดจบ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ต่างลุกขึ้นเสนอว่าพรรคต้องดำเนินการฟ้องร้องพรรคประชาธิปัตย์ และยื่นกกต.ให้รื้อคดีสอบพยานใหม่อีกครั้ง เพื่อคืนสิทธิ์ให้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และนำไปสู่การยุบพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป
**กกต.ยันคดีสิ้นสุดรื้อฟื้นไม่ได้แล้ว
ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ได้ผ่านพ้นขันตอนการดำเนินการของกกต.ไปหมดแล้ว ผลของคดีศาลรัฐธรรมนูญก็ได้มีคำสั่งยุบพรรคไปแล้ว ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองก็ไม่ได้เขียนไว้ว่า สามารถรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ได้ ไม่เหมือนคดีอาญา หากมีหลักฐานใหม่ที่สามารถนำมาพิสูจน์ได้หากผู้ต้องหาถูกจำคุกก็สามารถปล่อยตัวออกมาได้
"กฎหมายการยุบพรรคไม่ได้เขียนไว้ว่า หากมีหลักฐานใหม่ก็สามารถร้องเข้ามาให้พิจารณาใหม่ได้ ไม่มี และหากร้องเข้ามาในเรื่องเดียวกัน กกต.ก็คงไม่รับพิจารณาแล้ว ถือว่าเรื่องดังกล่าวได้ผ่านพ้นจนเป็นที่ยุติและได้ผลทางคดีออกมาแล้ว หากจะมีการต่อสู้หรือดำเนินคดีกันก็ต้องไปว่ากันในศาล ซึ่งเป็นคดีอาญา ที่ต้องเข้าไปสู่กระบวนการในการพิสูจน์ ซึ่งเรื่องนี้ก็ยังไม่จบเพราะเท่าที่ทราบก็กำลังอยู่ระหว่างที่ กกต.ต้องการดำเนินการคดีอาญากับ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ใครคิดว่ามีหลักฐานที่คิดว่าจะหักล้าง ก็ต้องไปว่ากันในกระบวนการนั้น และใครคิดว่าเสียหาย ก็ต้องไปว่ากันตามกระบวนการ แต่ในส่วนของ กกต.ได้ผ่านพ้นไปแล้ว" นายประพันธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า หากทางพรรคเพื่อไทย จะนำสาเหตุดังกล่าวมาร้องเพื่อยุบพรรคประชาธิปัตย์จะได้หรือไม่ นายประพันธ์ กล่าวว่า ยังไม่รู้ว่าจะมีหลักฐานแค่ไหน อย่างไร แต่ตอนนั้นในขณะที่กกต. ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณานั้น ไม่มีหลักฐานอื่น ซึ่งก็มีหลักฐานเท่าที่ปรากฏ ก็ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ก็ได้มีการสู้กันไปตามกระบวนการ ซึ่งขณะนั้นเขาก็ให้การอย่างนั้น อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวคงไม่กระทบต่อผลการพิจารณาของ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะที่มีการอ้างว่าเมื่อว่าจ้างวานให้ล้ม ขณะเดียวกันไปสัญญาจะช่วยเรื่องคดี นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้จะได้รับการพิสูจน์ อย่ากังวลใจ ตนมีหน้าที่จะต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ชัด ซึ่งขณะนี้จะให้เจ้าหน้าที่ทางกฎหมายได้ดูประเด็น แล้วจะได้ดำเนินการตามกฎหมาย พวกตนเคารพกฎหมาย และจะได้ดำเนินการตามกฎหมาย ไม่เหมือนข้างเขาหรอก ถ้าเมื่อไรกฎหมายไม่เข้าข้างตัวเองก็จะต่อต้าน
"ผมยืนยันว่า ตลอดเวลา 31 ปีเศษๆ ที่ทำงานการเมืองมาคือ 1. ผมไม่พูดความเท็จในทางการเมือง ไม่โกหกหลอกลวงประชาชน 2. ทุกอย่างที่ดำเนินการเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ ไม่ว่าเรื่องจะอภิปรายในสภา หรือเรื่องที่ได้ดำเนินการอื่นๆ เพราะฉะนั้นผมไม่กังวลใจกับคนเหล่านี้เลย" นายสุเทพกล่าว
ต่อข้อถามว่า จะให้เป็นตามกระบวนการตามกฎหมาย หมายถึงเราจะฟ้องกลับใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เดี๋ยวคอยดูแล้วกัน เมื่อถามต่อว่า มองอย่างไรที่พยานกลับคำให้การ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่าท่านคงตอบคำถามนี้ได้เอง ว่าเพราะอะไร เพราะชีวิตการเมืองของตนไม่เคยหักหลังใคร ไม่เหมือนกับพวกเขาที่ประพฤติกันอยู่
"เคยประกาศต่อสู้คุณทักษิณ เอาเป็นเอาตาย ยืนคนละข้าง เผลอแป๊ปเดียว ไปเป็นบริวารรับใช้ ออกมาทำความผิด บิดเบือนข้อเท็จจริง เห็นกันชัดเจน" นายสุเทพกล่าว
เมื่อถามว่ามีการประเมินหรือไม่ว่า ทำไมคนเหล่านี้ต้องออกมาเปิดเผยข้อมูลในช่วงนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า คงให้สอดคล้องกับเกมการเมืองที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กับเสื้อแดง และพวกพรรคเพื่อไทยได้ประกาศเอาไว้ จึงจำเป็นต้องเร่งเกมการเมืองให้เสร็จโดยเร็ว เพราะถ้ายิ่งอยู่นานไปจะมีความผิดอื่นชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วนหลักฐานที่นำมาเปิดเผยครั้งนี้ จะส่งผลยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่าไม่มีหรอกครับ หลักฐานนี้จะมัดตัวเขาเอง ทำงานยุ่งทั้งวัน ไม่มีโอกาสได้ดูซีดี แต่ว่าตอนดึกได้กลับไปเห็นข่าว คำพูด คำจา สิ่งที่เขามาแถลงแล้วตนคิดว่า อันนั้นมัดคอเขาแท้ๆ ไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า ในฐานะเป็นผู้จัดการรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เล่นเกมรุก โค่นรัฐบาล เราจะประคับประคองสถานการณ์ได้อีกนานแค่ไหน นายสุเทพกล่าวว่า คุณทักษิณ ดำเนินการที่จะโค่นล้มรัฐบาล ทำลายขนบธรรมเนียมที่ดีงามทางการเมืองด้วยวิธีการทุกวิถีทาง สิ่งที่ตนจะดำเนินการคือ การสู้ตามกฎกติกา หลักการของกฎหมายทุกอย่าง
"ผมเชื่อว่า สิ่งที่เราดำเนินการโดยถูกต้องนี้ชนะในที่สุด คุณทักษิณ ไม่มีวันชนะหรอกครับ ถ้าใช้วิธีการต่อสู้ที่ไม่คำนึงถึงศีลธรรม คุณธรรม ความถูกต้อง กฎเกณฑ์กติกาของบ้านเมือง"
เมื่อถามว่าเป้าหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะล้มรัฐบาลเร็วที่สุดพ.ย. และอย่างช้าก.พ.ปีหน้า จะรับมือไหวหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวอย่างมั่นใจว่า "ผมรับมือไหว ผมต้องรับมือให้ได้"
** "ชวน"กรีด"พัลลภ"แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ต้องย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ตอนนั้นแล้วจะรู้ดี เพราะคนที่ไม่ได้ติดตามเหตุการณ์ตอนนั้นจะสับสนว่า เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างไร สมัยนั้นใครมีอำนาจ ใครเป็นรัฐบาลอยู่ก็รู้กันอยู่ การวิ่งเต้นคดี การจ่ายเงิน มีเรื่องตอนที่มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ออกมาเปิดเผยเองว่า มีการวิ่งเต้นคดีราว 30 ล้านบาทโดยนายตำรวจ แต่ผู้พิพากษากับตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับ มาถึงวันนี้คดีดังกล่าวยังไม่จบ ยังอยู๋ในกระบวนการยุติธรรม หลายคนคงจะลืมไปแล้วว่า สมัยนั้นมีการวิ่งเต้นเพื่อล้มคดีแต่ไม่สำเร็จ จึงกลายเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนกลุ่มนี้ด่าศาล เพราะวิ่งเต้นคดีไม่สำเร็จ แต่กรณีที่พล.อ.พัลลภ นำพยานบุคคลออกมาแถลงข่าวส่วนตัวคิดว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้รู้เรื้องดี ข้อเท็จจริงอยู่ที่ นายสุเทพ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ หลักของพรรคคือเราไม่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อย่าลืมว่า ขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน เราสู้เพื่อรักษาความเป็นธรรมด้วยความยากลำบากมาก เพราะอิทธิพลของรัฐบาลยุคนั้นครอบงำไปทุกองค์กร
"ผมเพิ่งจะได้อ่านข้อมูลที่เขาพูดวันนี้เอง( 17 พ.ย.) ก็เห็นเจตนาของเขาชัดเจนว่า ทำเพื่ออะไร แต่ผมคิดว่าเขาคงต้องการทำทุกอย่าง ซึ่งไม่ใช่ของแปลกอะไร เพราะเป้าหมายเขาได้พูดชัดเจนในช่วงเวลาเกือบปีที่ผ่านมาว่า เขาจะต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้รัฐบาลนี้อยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นในสภา หรือนอกสภา หรือด้วยวิธีใดก็ตาม คือไม่ให้บริหารงานได้ ไม่ให้ทำงานได้ ฉะนั้นรัฐบาลเองก็รู้อยู่ และต้องติดตามดูต่อไป แต่ข้อกล่าวหาอะไรก็ตาม เมื่อมีการกล่าวหาเกิดขึ้นก็ต้องตั้งต้นเพื่อดูข้อเท็จจริงกันต่อไป เมื่อใครพูดเท็จก็ต้องรับผิดชอบ" นายชวนกล่าว
**เตรียมฟ้อง"พัลลภ"ฐานใส่ร้าย
นพ. บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า พรรคยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความเท็จ พรรคไม่มี ไม่เคย และจะไม่มีวันใช้วิธีการดังกล่าวเหมือนบางพรรคและบางบุคคลที่กระทำมาในอดีต ซึ่งเรื่องนี้ชัดเจนแล้วว่าพรรคการเมืองนั้นได้มีการพิจารณาคดีสิ้นสุดจนมีการยุบพรรคไปแล้ว และพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง นอกจากเป็นผู้ให้การ ซึ่งการดำเนินการที่ผ่านมาเป็นเรื่องของกกต.
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้เป็นเรื่องความผิดของบุคคล ที่เป็นอดีต กก.บห.พรรคไทยรักไทยขณะนี้คดีอยู่ในชั้นรออัยการสั่งฟ้องต่อศาลอาญา ทั้งในเรื่องการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และการปลอมแปลงฐานข้อมูลของกกต. ทางพรรคประเมินว่า การออกมาเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเป็นการกระทำให้ตนเองพ้นผิด และเพื่อให้หลุดพ้นข้อกล่าวหาด้วยการโกหกใส่ร้าย พาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาดูว่าจะใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเพื่อพิจารณาดำเนินคดีหรือไม่
"ในฐานะที่พล.อ.พัลลภเป็นชายชาติทหาร และในอดีตได้ปฏิญาณตนว่าจะยอมพลีชีพเพื่อชาตินั้น ผมคิดว่าการทำงานในวันนี้ พล.อ.พัลลภ ควรจะมีความชัดเจนว่าทำงานให้ใคร เกียรติภูมิที่มีอยู่นั้นควรค่าหรือไม่ กับการออกมายืนยันข้อมูลที่ไม่มีหลักฐาน ไม่อยากให้เหมือนกับกรณีคาร์บอมบ์ ต้องถามกลับไปยังผู้นำข้อมูลมาเปิดเผย หากกล้าใช้ข้อมูลที่ไม่มีหลักฐาน ก็ควรที่จะเตรียมกล้ารับผลของการกระทำและรับผิดชอบด้วย" นพ.บุรณัชย์ กล่าว
**"พัลลภ"ไม่หวั่นถูกฟ้อง คุยหลักฐานแน่น
ด้านพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี กล่าวว่า การที่ตนออกมาเปิดเผยครั้งนี้ เป็นเพราะพยานในคดียุบพรรคไทยรักไทยทั้ง 2 คน สำนึกผิด และต้องการเปิดเผยข้อเท็จจริงให้สาธารณชนได้รับทราบ โดยได้รับการว่าจ้างเป็นเงิน 15 ล้านบาท ซึ่งไม่แน่ใจว่า จะมีผลต่อคดียุบพรรคไทยรักไทยหรือไม่ เพราะศาลได้ตัดสินไปแล้ว และเป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมายที่จะต้องว่ากันต่อไป แต่ส่วนตัวคิดว่าน่าจะพอมีประโยชน์ต่อรูปคดีของ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา รวมทั้งสถานะของอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คนด้วย
พล.อ.พัลลภ กล่าวด้วยว่า ยืนยันว่าไม่หวั่นไหว หากนายสุเทพ จะฟ้องหมิ่นประมาท เพราะมีหลักฐานชัดเจนในเรื่องของการโอนเงิน จึงพร้อมที่จะต่อสู้คดีในชั้นศาล
**"เพื่อแม้ว"ขู่ฟ้องยุบพรรคปชป.
ส่วนที่พรรคเพื่อไทย นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นายวิเชียร ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา และนายพีระพันธ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร ซึ่งทั้งหมดเป็นอดีตส.ส.พรรคไทยรักไทยได้ร่วมกันแถลงภายหลังการประชุมส.ส. เพื่อเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ หลังจากพล.อ.พัลลภได้รายงานเรื่องนี้ต่อที่ประชุม แกนนำของพรรคได้มอบหมายให้ทีมกฎหมายของพรรค เดินหน้าเต็มที่ โดยจะตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมารื้อฟื้นคดียุบพรรคขึ้นใหม่ เพราะได้พยานหลักฐานใหม่ที่แตกต่างจากหลักฐานในช่วงพิจารณาคดีพิพากษา ทั้งนี้ เราจะดำเนินการตามกฎหมายทั้งด้านอาญา พ.ร.บ.พรรคการเมืองที่ใส่ร้ายป้ายสีพรรคการเมืองอื่น ซึ่งให้ได้มาซึ่งอำนาจ
"เราจะยื่นหนังสือต่อประธานสภาฯ เพื่อให้ตรวจสอบจริยธรรม และจะฟ้องนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ฐานสร้างพยานเท็จ นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยยังมอบให้ให้ร้องต่อ กกต. เพื่อยุบพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง"นายไพจิตรกล่าว
**หาช่องปลุก 111ซากเน่าการเมือง
แหล่งข่าวจากที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมพรรค พล.อ.พัลลภ ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่าการนำพยาน 2 ราย ที่เคยให้การต่อตุลาการรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคไทยรักไทย ออกมาเปิดเผย เพื่อให้สังคมรับรู้ว่ามีการกระบวนการทำลายพรรคไทยรักไทย จะทำให้สังคมเห็นธาตุแท้ของพรรคประชาธิปัตย์ จึงขอฝากให้ส.ส.และฝ่ายกฎหมายนำไปดูว่าจะมีช่องทางใดที่สามารถทำให้สังคมเห็นกระบวนการปั้นข้อมูลใส่ร้ายดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องร้ายแรง และมีช่องทางที่จะฟื้นคดีเพื่อคืนสิทธิ์ให้กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คนหรือไม่
หลังจากที่พล.อ.พัลลภพูดจบ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ต่างลุกขึ้นเสนอว่าพรรคต้องดำเนินการฟ้องร้องพรรคประชาธิปัตย์ และยื่นกกต.ให้รื้อคดีสอบพยานใหม่อีกครั้ง เพื่อคืนสิทธิ์ให้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และนำไปสู่การยุบพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป
**กกต.ยันคดีสิ้นสุดรื้อฟื้นไม่ได้แล้ว
ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ได้ผ่านพ้นขันตอนการดำเนินการของกกต.ไปหมดแล้ว ผลของคดีศาลรัฐธรรมนูญก็ได้มีคำสั่งยุบพรรคไปแล้ว ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองก็ไม่ได้เขียนไว้ว่า สามารถรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ได้ ไม่เหมือนคดีอาญา หากมีหลักฐานใหม่ที่สามารถนำมาพิสูจน์ได้หากผู้ต้องหาถูกจำคุกก็สามารถปล่อยตัวออกมาได้
"กฎหมายการยุบพรรคไม่ได้เขียนไว้ว่า หากมีหลักฐานใหม่ก็สามารถร้องเข้ามาให้พิจารณาใหม่ได้ ไม่มี และหากร้องเข้ามาในเรื่องเดียวกัน กกต.ก็คงไม่รับพิจารณาแล้ว ถือว่าเรื่องดังกล่าวได้ผ่านพ้นจนเป็นที่ยุติและได้ผลทางคดีออกมาแล้ว หากจะมีการต่อสู้หรือดำเนินคดีกันก็ต้องไปว่ากันในศาล ซึ่งเป็นคดีอาญา ที่ต้องเข้าไปสู่กระบวนการในการพิสูจน์ ซึ่งเรื่องนี้ก็ยังไม่จบเพราะเท่าที่ทราบก็กำลังอยู่ระหว่างที่ กกต.ต้องการดำเนินการคดีอาญากับ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ใครคิดว่ามีหลักฐานที่คิดว่าจะหักล้าง ก็ต้องไปว่ากันในกระบวนการนั้น และใครคิดว่าเสียหาย ก็ต้องไปว่ากันตามกระบวนการ แต่ในส่วนของ กกต.ได้ผ่านพ้นไปแล้ว" นายประพันธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า หากทางพรรคเพื่อไทย จะนำสาเหตุดังกล่าวมาร้องเพื่อยุบพรรคประชาธิปัตย์จะได้หรือไม่ นายประพันธ์ กล่าวว่า ยังไม่รู้ว่าจะมีหลักฐานแค่ไหน อย่างไร แต่ตอนนั้นในขณะที่กกต. ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณานั้น ไม่มีหลักฐานอื่น ซึ่งก็มีหลักฐานเท่าที่ปรากฏ ก็ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ก็ได้มีการสู้กันไปตามกระบวนการ ซึ่งขณะนั้นเขาก็ให้การอย่างนั้น อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวคงไม่กระทบต่อผลการพิจารณาของ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ