นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON เปิดเผยว่า เชื่อว่าแนวโน้มการปรับตัวของธุรกิจปี 53 ตามทิศทางเศรษฐกิจทีดีขึ้นจากปี52 โดยประเมินจากการเข้ามาเช่าโรงงานและคลังสินค้าเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4/52 ทำให้มองว่ารายได้ปี 53 จะอยู่ที่ 3,300 ล้านบาท จากปี 52 ที่คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 2,700 ล้านบาท
โดยปีหน้ามีแผนสร้างโรงงานและคลังสินค้ารวมประมาณ 130,000 ตร.ม. แบ่งเป็นสร้างโรงาน 5-6 หมื่นตร.ม และคลังสินค้า 6-7 หมื่นตร.ม. คาดใช้เงินลงทุนรวม 1,300 -1,500 ล้านบาท สูงจากปี51ที่้ใช้งบ 1 พันล้านบาท เพื่อตอบสนองกับความต้องการของลูกค้าที่ช่วงหลังจะหันมาเช่ามากขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าที่สนใจจะเข้ามาเช่าพื้นที่โรงงานเพิ่มเติม คาดได้ข้อสรุปไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งมีลูกค้ารายใหญ่ 2 รายจะเข้ามาเช่าที่เป็นสัญญาระยะยาว 10 ปี และลูกค้ารายใหม่ๆ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 30% ซึ่งเริ่มบันทึกเข้ามาในไตรมาส 4/52
ขณะนี้บริษัทจะทยอยปรับขึ้นค่าเช่าเฉลี่ยประมาณ 2% ในสิ้นปีนี้ หลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว จากก่อนหน้าบริษัทปรับลดค่าเช่าลงไป 2-3% เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และมองว่าปี 53 ทุกอย่างจะดีขึ้นเพราะธุรกิจมีสัญญาณการฟื้นตัว และ Eco car จะเริ่มผลิตออกสู่ตลาดถือเป็นผลดีต่อบริษัท อีกทั้งมีกองทุนใหม่ TLOGIS ซึ่งจะเป็นทางเลือกให้ลูกค้า ขณะการปรับลดค่าเช่าช่วงที่ผ่านมาและภาวะเศรษฐกิจชะลออาจส่งผลให้กำไรของบริษัทปรับตัวลงเล็กน้อย รวมถึง NAV ของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ไทคอน(TFUND) ที่นักวิเคราะห์ประเมินอยู่ที่ 8.2 พันล้านบาท แต่เชื่อว่าปี 53 จะดีขึ้น
นายวีรพันธ์กล่าวว่าปีหน้าบริษัทจะมีรายได้จากการขายโรงงานเป็นสินทรัพย์ของ TFUND เพิ่มอีก 8 หมื่น-1 แสน ตร.ม. หรือมูลค่าราว 2 พันล้านบาท รวมทั้งค่าบริหาร TFUND และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทีพาร์คโลจิสติคส์ หรือทีโลจิส ( TLOGIS ) ขนาดกองทุน 1,533 ล้านบาทที่จะเสนอขายวันที่ 18-25 พ.ย. คาดว่าจะมีผลตอบแทนจาการลงทุน หรือyield ปีแรก 8.35% และ yield ปีนี้ของกองทุน TFUND อยู่ที่ 8% แต่ปีหน้าคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 8.35% เท่ากับ TLOGIS เพราะลูกค้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลต่อ TICON ให้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
โดยปีหน้ามีแผนสร้างโรงงานและคลังสินค้ารวมประมาณ 130,000 ตร.ม. แบ่งเป็นสร้างโรงาน 5-6 หมื่นตร.ม และคลังสินค้า 6-7 หมื่นตร.ม. คาดใช้เงินลงทุนรวม 1,300 -1,500 ล้านบาท สูงจากปี51ที่้ใช้งบ 1 พันล้านบาท เพื่อตอบสนองกับความต้องการของลูกค้าที่ช่วงหลังจะหันมาเช่ามากขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าที่สนใจจะเข้ามาเช่าพื้นที่โรงงานเพิ่มเติม คาดได้ข้อสรุปไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งมีลูกค้ารายใหญ่ 2 รายจะเข้ามาเช่าที่เป็นสัญญาระยะยาว 10 ปี และลูกค้ารายใหม่ๆ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 30% ซึ่งเริ่มบันทึกเข้ามาในไตรมาส 4/52
ขณะนี้บริษัทจะทยอยปรับขึ้นค่าเช่าเฉลี่ยประมาณ 2% ในสิ้นปีนี้ หลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว จากก่อนหน้าบริษัทปรับลดค่าเช่าลงไป 2-3% เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และมองว่าปี 53 ทุกอย่างจะดีขึ้นเพราะธุรกิจมีสัญญาณการฟื้นตัว และ Eco car จะเริ่มผลิตออกสู่ตลาดถือเป็นผลดีต่อบริษัท อีกทั้งมีกองทุนใหม่ TLOGIS ซึ่งจะเป็นทางเลือกให้ลูกค้า ขณะการปรับลดค่าเช่าช่วงที่ผ่านมาและภาวะเศรษฐกิจชะลออาจส่งผลให้กำไรของบริษัทปรับตัวลงเล็กน้อย รวมถึง NAV ของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ไทคอน(TFUND) ที่นักวิเคราะห์ประเมินอยู่ที่ 8.2 พันล้านบาท แต่เชื่อว่าปี 53 จะดีขึ้น
นายวีรพันธ์กล่าวว่าปีหน้าบริษัทจะมีรายได้จากการขายโรงงานเป็นสินทรัพย์ของ TFUND เพิ่มอีก 8 หมื่น-1 แสน ตร.ม. หรือมูลค่าราว 2 พันล้านบาท รวมทั้งค่าบริหาร TFUND และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทีพาร์คโลจิสติคส์ หรือทีโลจิส ( TLOGIS ) ขนาดกองทุน 1,533 ล้านบาทที่จะเสนอขายวันที่ 18-25 พ.ย. คาดว่าจะมีผลตอบแทนจาการลงทุน หรือyield ปีแรก 8.35% และ yield ปีนี้ของกองทุน TFUND อยู่ที่ 8% แต่ปีหน้าคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 8.35% เท่ากับ TLOGIS เพราะลูกค้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลต่อ TICON ให้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น