ASTV ผู้จัดการรายวัน - นายกฯ สั่งสอบ เว็บไซต์ เสธ.แดง ปล่อยข่าวระเบิดป่วนพันธมิตรฯ จี้ตำรวจเร่งดำเนินการ ส่วนผู้บาดเจ็บ 12 ราย ยังสาหัส 1 อีก 2 รายรอดูอาการ ที่เหลือแพทย์ให้กลับบ้านแล้ว ผบช.น.จวกบิ๊ก บชน.ชุ่ยมัวไปอาบ อบ นวด ปล่อยให้เกิดเหตุระเบิด ด้านรักษาการ ผบ.ตร.รับมีข่าวก่อนเกิดเหตุ “สุริยะใส” ฝากความหวัง “วรพงษ์” พิสูจน์ฝีมือสางคดีนี้ เชื่อหลังเหตุระเบิดครั้งนี้ทำพันธมิตรฯ ฮึกเหิม
นพ.เพ็ชรพงษ์ กำธรกิจการ ผอ.ศูนย์เอราวัณ กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดหลังเวทีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อคืนวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้เหลือผู้ป่วยที่มีอาการหนัก และต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลทั้งสิ้น 3 ราย อยู่ที่โรงพยาบาลกลางทั้งหมด มีอาการสาหัส 1 ราย เป็นชายอายุ 71 ปี มีบาดแผลบริเวณหน้าท้อง แพทย์ทำการผ่าตัดรักษาแล้วเมื่อคืนวานนี้ นอนรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู เพื่อรอดูอาการ ส่วนอีก 2 ราย เป็นชายอายุ 39 ปี มีบาดแผลที่ศีรษะยาว 10 เซนติเมตร มีอาการตาพร่ามัว และชายอายุ 53 ปี มีบาดแผลบริเวณโหนกแก้มซ้าย แพทย์รอดูอาการ ส่วนผู้บาดเจ็บรายอื่นอีกประมาณ 9 ราย รักษาตัวที่ รพ.กลาง 8 ราย รพ.วชิรพยาบาล 1 ราย อาการไม่รุนแรง แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านทั้งหมดแล้ว
สำหรับรายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ท้องสนามหลวง มีดังนี้
1.นายอรรณพคณิต ผาติสกุล อายุ 71 ปี ได้รับบาดเจ็บเกิดแผลที่ช่องท้อง อยู่ไอซียู 2.นายชัยวัฒน์ หวังจงมีชัยกุล อายุ 53 ปี ได้รับบาดเจ็บมีแผลที่หน้า 3.นายธนณัฐฏฐ์ เจือพิทักษ์ อายุ 16 ปี อาการเบื้องต้นมีแผลต้นขาซ้าย 4.นายพรศักดิ์ ธนโสภามงคล อายุ 33 ปี ได้รับบาดเจ็บแผลถลอกต้นขาขวา 5.นายกฤษดา สินโฉมงาม อายุ 28 ปี ได้รับบาดเจ็บแผลที่สีข้างด้านซ้าย
6.นายสมร พีระภาค อายุ 39 ปี ได้รับบาดเจ็บแผลศีรษะบนขวา 7.น.ส.รจนา ขำมะวัง อายุ 30 ปี ได้รับบาดเจ็บเกิดแผลต้นแขนซ้าย 8.น.ส.สุกานดา ขำศิริกุล อายุ 26 ปี ได้รับบาดเจ็บแผลที่หลังด้านซ้าย 9.ด.ช.ณัฐพลชัยสมศรี อายุ 8 ปี ได้รับบาดเจ็บแผลต้นขาซ้าย ท้องน้อยซ้าย 10.ด.ช.พันชนะ มาสมพงษ์ อายุ 10 ปี ได้รับบาดเจ็บมีแผลที่น่องขวา 11.นายวิวัฒน์จันทร์นวล อายุ 20 ปี ได้รับบาดเจ็บมีแผลต้นแขนซ้าย 12.จ.ท.วันชัย รัตนตรัยภพ อายุ 50 ปี ได้รับบาดเจ็บมีแผลที่หน้าอก
รองผู้ว่าฯ กทม.รุดเยี่ยมคนเจ็บ
พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯ กทม. เดินทางไปเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลกลาง สังกัด กทม.ซึ่งขณะนี้ยังเหลือผู้บาดเจ็บจำนวน 3 ราย จากทั้งหมด 12 รายที่เข้ารับการรักษาตัว ได้แก่ 1.นายอรรณพ คณิตผากิสกุล อายุ 71 ปี ซึ่งพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียูศัลยกรรมชายชั้น 6 2.นายสมร พีระภาค อายุ 39 ปี และ 3.นายชัยวัฒน์ หวังจงมีชัยสกุล อายุ 53 ปี พักรักษาตัวที่ชั้น 9 ศัลยกรรมชาย โดย พญ.มาลินี ให้สัมภาษณ์ว่า ผู้บาดเจ็บรายแรกทางแพทย์ได้ทำการผ่าตัดบริเวณช่องท้องเนื่องจากตรวจพบว่าที่ลำไส้มีรูขนาดเล็กจำนวนหลายรู ซึ่งขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว และยังคงพักรักษาตัวในห้องไอซียูเพื่อดูว่ามีอาการแทรกซ้อนหรือไม่ ส่วนผู้บาดเจ็บรายที่ 2 มีแผลที่บนศีรษะด้านขวาขนาด 5 เซนติเมตรซึ่งแพทย์ได้เย็บบาดแผลให้จำนวน 7 เข็ม คาดว่ารายนี้อีก 2-3 วันจะกลับบ้านได้ ส่วนผู้ป่วยรายสุดท้ายมีแผลยาวประมาณ 1 เซนติเมตร บริเวณแก้มด้านซ้าย ใบหน้าบวมซึ่งในวันนี้แพทย์ทำการผ่าตัดเอาเศษโลหะออกให้แล้วซึ่งจะต้องให้พักรักษาตัวดูอาการต่อไปคาดว่า 1 สัปดาห์สามารถกลับบ้านได้
“สำหรับผู้ป่วยรายใดที่มีสิทธิในการรักษาพยาบาลก็จะได้ใช้สิทธินั้น แต่หากไม่มีทาง กทม.พร้อมที่จะรักษาให้ฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตามเห็นว่าการชุมนุมครั้งมีมีกำหนดเวลาที่ชัดเจนแน่นอน แต่ก็มาเกิดเรื่องขึ้นจนได้ซึ่ง กทม.ก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเสมอ”
จี้สอบข้อความในเว็บไซต์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุระเบิด ขณะที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ชุมนุมที่สนามหลวง เมื่อคืนวันที่ 15 พ.ย.ว่า ความจริงก่อนที่ตนจะเดินทางไปสิงคโปร์ ก็ได้กำชับว่าอาจจะมีเหตุก่อกวน ซึ่งขณะนี้ก็ต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการก่อน โดยเข้าใจว่า ทางรักษาราชการ ผบ.ตร.ได้พูดในเรื่องของเบาะแส และได้มีคำพูดของคนหลายคนที่ได้พูดไว้ล่วงหน้ากับเรื่องดังกล่าว เพราะฉะนั้นก็ต้องไปสอบต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ได้ออกมาโพสต์ข้อความในเว็บไซต์ของตัวเองด้วย นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าใครที่เคยกล่าวอะไรไว้ก็คงต้องไปสอบสวนและเข้าไปดูในเว็บไซต์เหล่านั้น เมื่อถามว่ามีโอกาสที่จะได้ตัวคนร้ายหรือไม่ เพราะการยิงเข้าใส่ฝูงชนไม่ใช่ครั้งแรก นายกฯ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียดว่า ในที่สุดสรุปว่าระเบิดมาจากตรงไหน อย่างไร เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ส่วนที่มีการระบุว่าเป็นระเบิดชนิดเอ็ม 79 ที่ยิงมาจากด้านหลังกระทรวงกลาโหม นั้น ก็เป็นข่าวที่ออกมา แต่เจ้าหน้าที่ต้องไปตรวจสอบให้ชัดเจน
“ประวิตร-อนุพงษ์” ยันทหารไม่เกี่ยว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวยืนยันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับทหารในราชการ
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณี นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ในฐานะแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาระบุว่าการเกิดเหตุในครั้งนี้ มีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ตนขอปฏิเสธว่าไม่มี
ด้าน พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.กล่าวว่า ขณะนี้กำลังหาตัวคนกระทำผิดอยู่ อย่าไปคาดเดาว่าจะหาไม่ได้ ซึ่งเวลานี้ได้ดูจุดเกิดเหตุอยู่ว่า มีกล้องวงจรปิดหรือไม่ ซึ่งถ้ามีก็จะได้ไปตรวจสอบเพิ่มเติม
เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะมีความเข้มงวดในเรื่องการชุมนุมมากขึ้นหรือไม่ รักษาการ ผบ.ตร. กล่าวว่า การชุมนุมก็มีวิธีการดูแลอยู่แล้ว ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการไม่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพราะการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ส่วนที่มองว่า อาจจะเป็นการสร้างสถานการณ์นั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ที่จะเข้าไปสืบสวนสอบสวนให้ชัดเจน
“แม้ว” ทวิตฯ ประณามมือบึ้ม
เมื่อวานนี้ (16 พ.ย.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เขียนข้อความลงบนเว็บไซต์ twitter.com ถึงเหตุลอบปาระเบิดในระหว่างการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่สนามหลวง เมื่อคืนวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า
“ทราบเหตุระเบิดที่หลังเวทีพันธมิตรฯ มีคนบาดเจ็บ ผมขอประณามผู้ที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบิด ทั้งผู้ลงมือ และผู้สั่งการ คนไทยด้วยกันอย่าทำร้ายกันเลย ผมเข้าไทยไม่ได้ ไม่ใช่เฉพาะเหยียบแผ่นดินเกิดเท่านั้น แม้กระทั่งน่านฟ้าไทย ก็ห้ามผ่านเข้ามา เขาสั่งว่าถ้าผ่านมาให้ใช้ฝูงบินขับไล่บังคับให้บินลง”
“จิ๋ว” อยากอยู่เบื้องหน้า
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ได้เข้าร่วมประชุมคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ของพรรค โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ระบุทำนองว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการลอบปาระเบิดระหว่างที่มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่15 พ.ย.ที่ผ่านมา โดย พล.อ.ชวลิต กล่าวติดตลกเพียงว่า “ทำไมให้อยู่แต่เบื้องหลัง ทำไมไม่ให้อยู่เบื้องหน้าบ้าง” ผู้สื่อข่าวถามว่า จะยื่นฟ้องหมิ่นประมาทหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ถ้าฟ้องก็ฟ้องกันตายเลย คงไม่ฟ้อง อโหสิกรรมให้ ก่อนที่ พล.อ.ชวลิต จะเปรยสั้นๆ ว่า “คุณสนธิ ไม่น่าเป็นคนแบบนั้นเลย”
จวกแก๊งอันธพาลป่วนพันธมิตรฯ
นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เชื่อว่าเหตุระเบิดครั้งนี้ เป็นการกระทำของแก๊งอันธพาลครองเมือง คนที่ใช้อาวุธสงครามเป็นขบวนการที่ไม่มีสันติวิธี และใช้ความรุนแรงในอนาคตจะใช้เป็นขบวนการลับโค่นล้มประชาธิปไตยที่มีพระมหาษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงอยากเรียกร้องให้ยุติความรุนแรง
“นพดล” ยัน “แม้ว” ไม่มีเอี่ยวเหตุบึ้ม
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวปฏิเสธว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดครั้งนี้
“ท่านไม่ได้คิดชั่วทำชั่ว ขอให้ทางตำรวจได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงนำมาลงโทษ และขอแสดงความเสียใจกับผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย”
“พัลลภ” ปัดเอี่ยวยิงเอ็ม 79 ถล่ม พธม.
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย และอดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กล่าวถึงกรณีแกนนำพันธมิตรฯ ระบุว่า เหตุระเบิดเวทีพันธมิตรฯ มีนายทหารที่เข้าพรรคเพื่อไทยอยู่เบื้องหลังว่า ไม่ว่าใครไปทำอะไรก็มีชื่อตนเข้าไปเกี่ยวข้องตลอด แต่เมื่อคืนวันที่ 15 พ.ย. ตนทานข้าวกับ พล.ต.ต.มณเฑียร ประทีปะวณิช ตท.10 สมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ไปไหน ทั้งนี้ คงหาคนทำยาก ขนาดคดียิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ยิงกลางถนน ยังหาคนยิงไม่ได้เลย เหตุการณ์ครั้งนี้ตนไม่ได้ทำ ถ้าทำแล้วจะบอก วันนี้อยากเห็นบ้านเมืองมั่นคง ไม่อยากเห็นสงคราม อยากเห็นบ้านเมืองสันติสุข
วกบิ๊ก บช.น.มัวลงอ่าง ปล่อยให้เกิดเหตุ
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อเวลา 13.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานถึงในระหว่างการประชุมบริหารประจำเดือนซึ่งมีนายตำรวจระดับ รอง ผบช.น.ถึง ผกก.ทุกหน่วยงานในสังกัดนครบาลเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง โดยมีการเร่งรัดการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีระเบิดบริเวณท้องสนามหลวงดำเนินไปอย่างเคร่งเครียด โดย พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ได้กล่าวตำหนินายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบการควบคุมกำลังพลผู้ปฏิบัติในจุดต่างๆ ทั้งชั้นนอกและชั้นในบริเวณที่มีการชุมนุมว่า ไม่ใส่ใจในการดูแลพื้นที่ตามที่ได้รับมอบหมาย ไม่มีระเบียบวินัยในการทำงาน ไม่มีจิตวิญญาณในการเป็นตำรวจป้องกันเหตุ ทั้งที่มีการกำชับให้มีการปฏิบัติตามแผนมาโดยตลอด แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นก็กลับเพิกเฉยทำให้พบความผิดพลาดและบกพร่องในการทำงานหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องการควบคุมสั่งการที่ล้มเหลวทางวิทยุ
“การปฏิบัติงานครั้งนี้มีนายตำรวจในเครื่องแบบ 1,500 นาย นอกเครื่องแบบอีก 450 นาย ผมได้สั่งให้เอารถ 191 ไปจอดตามจุดที่คิดว่าจะมีคนก่อเหตุและเป็นจุดล่อแหลมแต่ก็ไม่มีใครทำตามคำสั่ง เพราะหากทำตามที่สั่งเมื่อเกิดเหตุร้ายก็เชื่อว่าจะต้องจับคนร้ายได้ทันที แต่กลับกลายเป็นว่าจุดที่เกิดเหตุไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำอยู่เลย จะสั่งการอะไรก็ทำไม่ได้แม้แต่ระดับ ผกก.ก็ไม่เห็นหัว มัวแต่ไปอาบอบนวดกันอยู่หรืออย่างไร” พล.ต.ท.วรพงษ์ ตำหนิในที่ประชุมอย่างไม่พอใจ
เชื่อยิงมาจากคลองหลอด
วานนี้ (16 พ.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย ผู้บัญชาการสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ พล.ต.ต.สุรพล พินิชชอบ ผบก.พฐ พล.ต.ต อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.ตปพ.ได้เดินทางมาตรวจสอบหาแนววิถีการยิงระเบิดเอ็ม 79 ที่มีกลุ่มคนร้ายยิงใส่หลังเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อคืนวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยภายหลัง พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า ระเบิดที่คนร้ายยิงเข้าใส่หลังเวทีกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น เป็นระเบิดชนิดเอ็ม 79 ซึ่งปกติแล้วแนวการยิงของระเบิดเอ็ม 79 จะมีระยะไกลสุด 350 เมตร สำหรับการยิงระบิดดังกล่าวพบว่าเป็นการยิงแบบวิถีโค้ง ทำมุมประมาณ 50 องศา เจ้าหน้าที่จึงได้นำตลับเมตรวัดจากจุดที่ระเบิดตกห่างออกไป 350 เมตร พบว่าจุดที่คนร้ายยิงระเบิดน่าจะมาจากบริเวณด้านหลังคลองหลอด ซึ่งอาจจะยิงมาจากศาลเด็กเยาวชนและครอบครัวกลาง หรือซอยศาลหลักเมือง แต่ถ้าหากมีการผิดเพี้ยนไปก็ไม่น่าจะผิดพลาดไปจากนี้มากนัก
พิลึก! ตร.ชี้ใครก็ยิงได้
พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการยิงระเบิดเอ็ม 79 ประชาชนทั่วไปก็สามารถยิงได้เพียงแค่ใช้ความรู้พื้นฐานเบื้องต้นเท่านั้น ส่วนการยิงสามารถยิงได้ตั้งแต่ที่ราบไปจนถึงที่สูง ซึ่งไม่จำเป็นต้องยิงบนตึกอาจจะยิงจากพื้นดินในแนววิถีโค้ง ทำให้ระเบิดตกถึงจุดเกิดเหตุ อีกทั้งเครื่องยิงระเบิดเอ็ม 79 ประชาชนทั่วไปก็สามารถมีไว้ครอบครองได้ จากการวิเคราะห์คาดว่าคนร้ายน่าจะยิงระเบิดโดยที่ไม่เห็นกลุ่มเป้าหมาย หรือที่เรียกว่า การยิงแบบปลายช็อต ส่วนจะหมายเอาชีวิตหรือไม่นั้นยังไม่สามารถระบุได้ แต่หากอยู่ใกล้ในระยะ 2 เมตรก็อาจทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งขณะนี้ยังระบุไม่ได้ว่าคนร้ายเป็นกลุ่มใดหลังจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และสอบปากคำพยานแวดล้อม เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
“ยะใส” ฝาก “วรพงษ์” พิสูจน์ฝีมือ
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เดินทางเข้าเยี่ยมอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยนายสุริยะใสเปิดเผยว่า ตนและคณะได้เดินทางมาเยี่ยมอาการของผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดบริเวณหลังเวทีพันธมิตรฯ ซึ่งตนรู้สึกเป็นห่วงอาการของทุกคน และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลกลุ่มพันธมิตรฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ส่วนเรื่องการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีนั้น อยากฝากถึง พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ให้เรื่องนี้เป็นบทพิสูจน์ หากจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีไม่ได้ เราก็คงจะต้องมีมาตรการป้องกันตัวเอง และจะไม่ยอมให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก
“ผมคงไม่ขีดเส้นตายเรื่องเวลาการทำงานของตำรวจในการติดตามตัวคนร้าย ซึ่งการกระทำครั้งนี้จะเป็นการกระทำของกลุ่มคนมีสีเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ผมไม่ขอระบุ อยู่ที่ตำรวจว่าจะสามารถสืบสวนได้แค่ไหน แต่สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่ากลุ่มคนมีสีบางกลุ่มก็มีศักยภาพที่จะทำเช่นนี้ได้ แต่จะเป็นเขาหรือไม่ผมไม่ทราบ ปกติทุกครั้งที่มีการชุมนุมตำรวจจะต้องมีการคาดเดาเรื่องมือที่ 3 ที่จะเข้ามาก่อเหตุต่างๆ แต่ครั้งนี้คนร้ายยิงในระยะที่ใกล้กับพื้นที่ชุมนุมมาก ผมจะไม่ยอมให้มีใครบาดเจ็บหรือตายฟรีอีกแล้ว การที่ประชาชนพากันออกมาชุมนุม เราจะต้องมีหลักประกันเรื่องความปลอดภัยให้กับเขา ไม่ใช่พาเขามาตาย” นายสุริยะใสกล่าว
ชี้เหตุบึ้มทำพันธมิตรฯ ฮึกเหิม
นายสุริยะใสกล่าวอีกว่า สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่สามารถทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ เกิดความหวาดกลัว มีแต่จะฮึกเหิม พวกเราเคยเจอเหตุการณ์ต่างๆ มามากกว่านี้ หากมีการกำหนดการชุมนุมขึ้นมาอีกกลุ่มพันธมิตรฯ ก็จะรวมตัวกันเพื่อชุมนุมไปเรื่อยๆ โดยไม่เกรงกลัวต่ออันตรายต่างๆ ตนอยากฝากย้ำถึง สตช.และ น.1 เรื่องการสร้างความศรัทธาของตำรวจในการจับกุมตัวคนร้ายให้เร็วที่สุด เพราะเชื่อว่าครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายจะต้องมีอีกแน่นอน ตนหวังว่าการออกตรวจจุดเกิดเหตุหาวิถีการยิงและเก็บหลักฐานอื่นๆ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจครั้งนี้คงไม่ใช่การสร้างภาพ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นคงแย่ ตนหวังว่าจะสามารถจับคนร้ายตัวจริงมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว และที่สำคัญอยากฝากถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพว่าอย่าเพิ่งออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง รอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานก่อน
“ปทีป” ยอมรับมีข่าวก่อนบึ้ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุระเบิดขึ้น พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.ของวันดังกล่าว และให้สัมภาษณ์โดยยอมรับว่า เหตุที่เกิดขึ้น ไม่ถือเป็นความบกพร่องต่อหน้าที่ของตำรวจ เพราะว่าทางนครบาลได้วางกำลังไว้อย่างเต็มที่ เนื่องจากทางการข่าวก็มีรายงานมาเป็นระยะๆ ว่าอาจมีเหตุเข้ามาก่อกวน ส่วนจะเป็นกลุ่มใดที่ก่อเหตุครั้งนี้คงต้องรอให้พนักงนสอบสวนดำเนินการสอบพยาน และตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยละเอียดก่อน ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ ส่วนกล้องวงจรปิดที่จะใช้เป็นหลักฐานนั้น ขณะนี้กำลังตรวจสอบว่าในบริเวณดังกล่าวมีหรือไม่