"ภาพจาก www.manager.co.th/vdo"
“จิ๋วกับผม เป็นเพื่อนรักกันมานานหลายปีแล้ว และต่างคนก็ต่างทำงานให้กันและกัน ดังนั้นความเป็นเพื่อนระหว่างผมกับจิ๋วคงยังอยู่ ฉะนั้นที่มีคนพูดว่า ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าใครพูดก็ไม่ทราบ อาจจะเป็นจิ๋วพูดเองก็ได้ ว่า เขาไปลาบวช แล้วผมก็ไม่ให้ลา ซึ่งอันนี้มันไม่ใช่เพื่อนแล้วล่ะ เมื่อเพื่อนเขาจะไปลาบวชก็จะต้องให้อโหสิกรรม ซึ่งเรื่องจริงๆผมไม่ทราบ ว่าเขาจะบวชจนบัดนี้ ผมก็ยังไม่รู้ว่า เขาบวชที่ไหน เมื่อไหร่
ดังนั้น ผมขอเรียนความจริงให้ทราบว่า เรื่องมันเป็นแบบนี้ ส่วนเรื่องที่มีคนไปเขียนลงในหนังสือพิมพ์ในทำนองว่า ผมไปว่าเขาเป็นคนทรยศต่อชาติ ซึ่งอันนี้มันก็ไม่ถูกต้อง แต่สิ่งที่ถูกต้อง คือ วันนั้นก่อนที่จิ๋วจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยผมก็ให้คนไปบอกเขาว่า จะทำอะไรก็ขอให้คิดให้รอบคอบ ไตร่ตรองให้รอบคอบ ซึ่งผมใช้คำว่า “ไตร่ตรองให้รอบคอบ” ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นการกระทำที่ทรยศต่อชาติ นี่เป็นข้อความที่ผมสื่อไปถึงจิ๋ว ในตอนเช้าวันนั้น และผู้สื่อข่าวนี้ เขาก็มายืนยันว่า เขาสื่ออย่างที่ผมพูด เพราะว่า เขาจดที่ผมขอให้เขาสื่อ เพราะฉะนั้นผมไม่ได้กล่าวหาว่า เขาเป็นคนไม่ดีทรยศต่อชาติบ้านเมือง มันไม่ใช่”
ถือเป็นการให้สัมภาษณ์ด้วยเสียงดังฟังชัดจากบุรุษชาติอาชาไนย อันเป็นที่รักและเคารพของเหล่านายทหารของกองทัพมาหลายรุ่น หลาย พ.ศ. จนกระทั่ง พ.ศ.นี้ 2552 เพราะการให้สัมภาษณ์ของป๋าเปรม.. พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ครั้งล่าสุดนี้เป็นการให้สัมภาษณ์ท่ามกลางวงล้อม แม่ทัพนายกอง เหล่า ผบ.ที่ยกขบวนไปร่วมงานเปิดโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้รุ่นล่าสุด อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เมื่อช่วงเที่ยงวานนี้ (เที่ยงวันพฤหัสบดี)
ฉับพลันทันทีที่การให้สัมภาษณ์ของป๋าออกมาเป็นข่าวในกอง บก.เอเอสทีวี ... ก็มีเสียงเตือนข่าวสั้นของสำนักข่าวสำนักหนึ่งเข้ามา (ไม่ใช่ ASTV) เข้ามาในโทรศัพท์ของผู้เขียน ระบุว่า
“ป๋าเปรมยันบิ๊กจิ๋วเป็นเพื่อนปัดว่าทรยศชาติ เตือนซบเพื่อไทยคิดให้รอบคอบ”
พุทโธ่ อ่านข่าวสั้นจากสำนักอื่นแล้วให้หงุดหงิดใจ ท่านประธานองคมนตรีท่านออกมาให้สัมภาษณ์ขนาดนี้แล้วยังอ่านความหมายระหว่างบรรทัดจากคำสัมภาษณ์จากใจของท่านไม่ออกอีกรึ
กล่าวคือ ป๋าให้สัมภาษณ์ว่า ได้มีการฝากเตือนไปยังบิ๊กจิ๋วจริง เตือนให้คิดให้รอบคอบก่อนซบพรรคเพื่อไทย และว่าที่เตือนเพราะเกรงจะกลายเป็นการทรยศชาติ
แต่นักข่าวต้องไม่ลืมว่า การเตือนนั้น เป็นการเตือนก่อนบิ๊กจิ๋วจะลากโซ่ข้อกลางดังแกร๊กๆ ไปซบพรรคเพื่อแม้ว และในการณ์กลับกัน เมื่อวันเวลามันล่วงเลยมาแล้ว เตือนแล้ว แต่ยังซบ ฉะนั้นถ้ามองตามคำเตือนของป๋า ก็แปลว่า พ่อใหญ่จิ๋ว ผู้วิ่งโร่ไปซบพรรคเพื่อแม้วโดยไม่ฟังคำเตือนป๋า ก็เสี่ยงต่อการกระทำที่ป๋าอธิบายว่า จะกลายเป็นการทรยศชาติ ฉะนั้นถ้าจะสรุปข่าวสั้นเสียใหม่ให้ตรงใจป๋า และตรงกับคำสัมภาษณ์ท่านเมื่อวานนี้ ผู้เขียนว่า น่าจะเปลี่ยนเป็น
“ป๋าเปรมยัน เตือนจิ๋วจริง คิดให้รอบคอบก่อนเข้าเพื่อไทย ไม่อยากให้ทรยศชาติ” หรือ
“ป๋ายันยังให้สัมพันธ์ฉันเพื่อนกับจิ๋ว แต่เตือนแล้วเรื่องเข้าเพื่อไทย ไม่อยากให้ทรยศชาติ”
เออ อย่างงี้มันค่อยเข้าล็อกหน่อย ไม่งั้นคนพูดแทบตาย ยังยืนยันอยู่ได้ว่า ป๋าปัดว่าจิ๋วทรยศ แต่เอาเถอะ นาทีนี้ใครที่พยายามจะอ่านใจป๋า และใจบิ๊กจิ๋ว ผู้ที่ออกมาปูดก่อนหน้านี้ กล่าวหาป๋าเปรม ไม่ให้ลาบวชที่บ้านสี่เสาฯ หลัง 7 ตุลาฯ แล้วพูดทำนองว่า เป็นชนวนหนึ่งที่ทำให้ท่านตัดสินใจวิ่งเข้าหาทักษิณ ยอมเป็นนอมินีกิตติมศักดิ์ให้ ผู้เขียนว่า มองเช่นนั้นง่ายดายเกินไป เพราะพฤติกรรมของใครก็ตาม จะแสดงออกอย่างไรก็จำต้องสืบย้อนไปดูรากเหง้าการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในอดีตของเขาคนนั้น
บิ๊กจิ๋วกับทักษิณ ก็ไม่ใช่ใครอื่น..
ยุคลอยตัวค่าเงินบาท เขาก็ว่า ท่านเอื้อเฟื้อกันมา..
ยุคแม้วจีบป๋าเหนาะ เขาก็ว่า ท่านจิ๋วก็รับเป็นโซ่ข้อกลางคอยเชื่อมต่อให้..
จะติดก็แต่ยุค 19 กันยา เท่านั้น ก็หวยดันพลิกล็อก แม้วดันหันไปเลือกใช้บริจาคน้าหมักเข้าให้ นั่นถึงจะทำให้สัมพันธ์ระหว่างแม้วกับจิ๋วสะดุดชั่วครั้งชั่วคราว
เปลี่ยนเรื่องมาถึงประเด็นที่เป็นห่วงบ้านเป็นห่วงเมืองกันบ้าง ทั้งที่ประเทศไทยเปลี่ยนคณะรัฐบาลชุดที่บริหารปกครองบ้านเมืองมาเป็นรัฐบาลภายใต้การนำของ “ประชาธิปัตย์” อีกไม่กี่เดือนก็จะครบปีแล้ว และยังมีพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง “ภูมิใจไทย” ที่ประกาศตัวเป็นพรรคสีน้ำเงิน เทิดทูดสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีพ ดังที่คุณเนวิน ชิดชอบ “ครูใหญ่” ของพรรคประกาศด้วยเสียงสั่นเครือหลังรอดพ้นคดีกล้ายางพาราเมื่อเดือนก่อน
แต่ทำไมตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา ประชาชนคนไทยทั้งชาติ ยังรู้สึกว่า สถาบันอันเป็นที่รักและเคารพของปวงชนชาวไทยทั้งชาติยังถูกสั่นคลอน และตกเป็นเป้าของการพาดพิงในทางที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียอย่างมิควรจะให้เกิดอย่างต่อเนื่อง ไล่ตั้งแต่ กรณีนักข่าวต่างชาติตามสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเรื่องการสืบสันตติวงษ์ ครั้งที่คุณอภิสิทธิ์เดินทางไปร่วมประชุม จี 20 // การปล่อยข่าว “สัญญาณพิเศษ” ล้วงลูกการแต่งตั้ง ผบ.ตร. หรือล่าสุด คือ ข่าวลือจากพวกสัตว์นรก และกลุ่มทุนสิงคโปร์ในห้องค้าหุ้นบ้านเรา จนทุบตลาดหุ้นไทยร่วงติดดินเมื่อวันพุธ (อ้างจากรายการ วิเคราะห์ข่าวร้อนของอาจารย์พิเชียร อำนาจวรประเสริฐ ทาง FM 92.25 MHZ ประจำวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา)
ตกลงว่า รัฐบาลจะแก้ปัญหานี้ได้บ้างหรือจะป้องสถาบันอย่างไร
ตำรวจ ทหาร จะจัดการกับคนที่เป็นต้นตอกระบวนการข่าวปล่อยที่ว่านี้ หรือไม่
เพราะลำพังการที่กองปราบฯ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะแก้ปัญหาชุ่ยๆ ด้วยการไล่ปิดปาก และตามราวีนักข่าวตัวเล็กๆ อย่างดิฉัน และคุณเติมศักดิ์ ด้วยการส่งหนังสือราชการ คุกคามการนำเสนอข่าวเตือนสติรัฐบาล โดยกล่าวอ้างว่า พวกเราเป็นผู้พาดพิงสถาบันเสียเอง ก็เห็นทีประชาชนคงจะพึ่งพาอะไรตำรวจแบบนี้ไม่ได้แล้ว
“จิ๋วกับผม เป็นเพื่อนรักกันมานานหลายปีแล้ว และต่างคนก็ต่างทำงานให้กันและกัน ดังนั้นความเป็นเพื่อนระหว่างผมกับจิ๋วคงยังอยู่ ฉะนั้นที่มีคนพูดว่า ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าใครพูดก็ไม่ทราบ อาจจะเป็นจิ๋วพูดเองก็ได้ ว่า เขาไปลาบวช แล้วผมก็ไม่ให้ลา ซึ่งอันนี้มันไม่ใช่เพื่อนแล้วล่ะ เมื่อเพื่อนเขาจะไปลาบวชก็จะต้องให้อโหสิกรรม ซึ่งเรื่องจริงๆผมไม่ทราบ ว่าเขาจะบวชจนบัดนี้ ผมก็ยังไม่รู้ว่า เขาบวชที่ไหน เมื่อไหร่
ดังนั้น ผมขอเรียนความจริงให้ทราบว่า เรื่องมันเป็นแบบนี้ ส่วนเรื่องที่มีคนไปเขียนลงในหนังสือพิมพ์ในทำนองว่า ผมไปว่าเขาเป็นคนทรยศต่อชาติ ซึ่งอันนี้มันก็ไม่ถูกต้อง แต่สิ่งที่ถูกต้อง คือ วันนั้นก่อนที่จิ๋วจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยผมก็ให้คนไปบอกเขาว่า จะทำอะไรก็ขอให้คิดให้รอบคอบ ไตร่ตรองให้รอบคอบ ซึ่งผมใช้คำว่า “ไตร่ตรองให้รอบคอบ” ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นการกระทำที่ทรยศต่อชาติ นี่เป็นข้อความที่ผมสื่อไปถึงจิ๋ว ในตอนเช้าวันนั้น และผู้สื่อข่าวนี้ เขาก็มายืนยันว่า เขาสื่ออย่างที่ผมพูด เพราะว่า เขาจดที่ผมขอให้เขาสื่อ เพราะฉะนั้นผมไม่ได้กล่าวหาว่า เขาเป็นคนไม่ดีทรยศต่อชาติบ้านเมือง มันไม่ใช่”
ถือเป็นการให้สัมภาษณ์ด้วยเสียงดังฟังชัดจากบุรุษชาติอาชาไนย อันเป็นที่รักและเคารพของเหล่านายทหารของกองทัพมาหลายรุ่น หลาย พ.ศ. จนกระทั่ง พ.ศ.นี้ 2552 เพราะการให้สัมภาษณ์ของป๋าเปรม.. พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ครั้งล่าสุดนี้เป็นการให้สัมภาษณ์ท่ามกลางวงล้อม แม่ทัพนายกอง เหล่า ผบ.ที่ยกขบวนไปร่วมงานเปิดโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้รุ่นล่าสุด อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เมื่อช่วงเที่ยงวานนี้ (เที่ยงวันพฤหัสบดี)
ฉับพลันทันทีที่การให้สัมภาษณ์ของป๋าออกมาเป็นข่าวในกอง บก.เอเอสทีวี ... ก็มีเสียงเตือนข่าวสั้นของสำนักข่าวสำนักหนึ่งเข้ามา (ไม่ใช่ ASTV) เข้ามาในโทรศัพท์ของผู้เขียน ระบุว่า
“ป๋าเปรมยันบิ๊กจิ๋วเป็นเพื่อนปัดว่าทรยศชาติ เตือนซบเพื่อไทยคิดให้รอบคอบ”
พุทโธ่ อ่านข่าวสั้นจากสำนักอื่นแล้วให้หงุดหงิดใจ ท่านประธานองคมนตรีท่านออกมาให้สัมภาษณ์ขนาดนี้แล้วยังอ่านความหมายระหว่างบรรทัดจากคำสัมภาษณ์จากใจของท่านไม่ออกอีกรึ
กล่าวคือ ป๋าให้สัมภาษณ์ว่า ได้มีการฝากเตือนไปยังบิ๊กจิ๋วจริง เตือนให้คิดให้รอบคอบก่อนซบพรรคเพื่อไทย และว่าที่เตือนเพราะเกรงจะกลายเป็นการทรยศชาติ
แต่นักข่าวต้องไม่ลืมว่า การเตือนนั้น เป็นการเตือนก่อนบิ๊กจิ๋วจะลากโซ่ข้อกลางดังแกร๊กๆ ไปซบพรรคเพื่อแม้ว และในการณ์กลับกัน เมื่อวันเวลามันล่วงเลยมาแล้ว เตือนแล้ว แต่ยังซบ ฉะนั้นถ้ามองตามคำเตือนของป๋า ก็แปลว่า พ่อใหญ่จิ๋ว ผู้วิ่งโร่ไปซบพรรคเพื่อแม้วโดยไม่ฟังคำเตือนป๋า ก็เสี่ยงต่อการกระทำที่ป๋าอธิบายว่า จะกลายเป็นการทรยศชาติ ฉะนั้นถ้าจะสรุปข่าวสั้นเสียใหม่ให้ตรงใจป๋า และตรงกับคำสัมภาษณ์ท่านเมื่อวานนี้ ผู้เขียนว่า น่าจะเปลี่ยนเป็น
“ป๋าเปรมยัน เตือนจิ๋วจริง คิดให้รอบคอบก่อนเข้าเพื่อไทย ไม่อยากให้ทรยศชาติ” หรือ
“ป๋ายันยังให้สัมพันธ์ฉันเพื่อนกับจิ๋ว แต่เตือนแล้วเรื่องเข้าเพื่อไทย ไม่อยากให้ทรยศชาติ”
เออ อย่างงี้มันค่อยเข้าล็อกหน่อย ไม่งั้นคนพูดแทบตาย ยังยืนยันอยู่ได้ว่า ป๋าปัดว่าจิ๋วทรยศ แต่เอาเถอะ นาทีนี้ใครที่พยายามจะอ่านใจป๋า และใจบิ๊กจิ๋ว ผู้ที่ออกมาปูดก่อนหน้านี้ กล่าวหาป๋าเปรม ไม่ให้ลาบวชที่บ้านสี่เสาฯ หลัง 7 ตุลาฯ แล้วพูดทำนองว่า เป็นชนวนหนึ่งที่ทำให้ท่านตัดสินใจวิ่งเข้าหาทักษิณ ยอมเป็นนอมินีกิตติมศักดิ์ให้ ผู้เขียนว่า มองเช่นนั้นง่ายดายเกินไป เพราะพฤติกรรมของใครก็ตาม จะแสดงออกอย่างไรก็จำต้องสืบย้อนไปดูรากเหง้าการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในอดีตของเขาคนนั้น
บิ๊กจิ๋วกับทักษิณ ก็ไม่ใช่ใครอื่น..
ยุคลอยตัวค่าเงินบาท เขาก็ว่า ท่านเอื้อเฟื้อกันมา..
ยุคแม้วจีบป๋าเหนาะ เขาก็ว่า ท่านจิ๋วก็รับเป็นโซ่ข้อกลางคอยเชื่อมต่อให้..
จะติดก็แต่ยุค 19 กันยา เท่านั้น ก็หวยดันพลิกล็อก แม้วดันหันไปเลือกใช้บริจาคน้าหมักเข้าให้ นั่นถึงจะทำให้สัมพันธ์ระหว่างแม้วกับจิ๋วสะดุดชั่วครั้งชั่วคราว
เปลี่ยนเรื่องมาถึงประเด็นที่เป็นห่วงบ้านเป็นห่วงเมืองกันบ้าง ทั้งที่ประเทศไทยเปลี่ยนคณะรัฐบาลชุดที่บริหารปกครองบ้านเมืองมาเป็นรัฐบาลภายใต้การนำของ “ประชาธิปัตย์” อีกไม่กี่เดือนก็จะครบปีแล้ว และยังมีพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง “ภูมิใจไทย” ที่ประกาศตัวเป็นพรรคสีน้ำเงิน เทิดทูดสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีพ ดังที่คุณเนวิน ชิดชอบ “ครูใหญ่” ของพรรคประกาศด้วยเสียงสั่นเครือหลังรอดพ้นคดีกล้ายางพาราเมื่อเดือนก่อน
แต่ทำไมตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา ประชาชนคนไทยทั้งชาติ ยังรู้สึกว่า สถาบันอันเป็นที่รักและเคารพของปวงชนชาวไทยทั้งชาติยังถูกสั่นคลอน และตกเป็นเป้าของการพาดพิงในทางที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียอย่างมิควรจะให้เกิดอย่างต่อเนื่อง ไล่ตั้งแต่ กรณีนักข่าวต่างชาติตามสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเรื่องการสืบสันตติวงษ์ ครั้งที่คุณอภิสิทธิ์เดินทางไปร่วมประชุม จี 20 // การปล่อยข่าว “สัญญาณพิเศษ” ล้วงลูกการแต่งตั้ง ผบ.ตร. หรือล่าสุด คือ ข่าวลือจากพวกสัตว์นรก และกลุ่มทุนสิงคโปร์ในห้องค้าหุ้นบ้านเรา จนทุบตลาดหุ้นไทยร่วงติดดินเมื่อวันพุธ (อ้างจากรายการ วิเคราะห์ข่าวร้อนของอาจารย์พิเชียร อำนาจวรประเสริฐ ทาง FM 92.25 MHZ ประจำวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา)
ตกลงว่า รัฐบาลจะแก้ปัญหานี้ได้บ้างหรือจะป้องสถาบันอย่างไร
ตำรวจ ทหาร จะจัดการกับคนที่เป็นต้นตอกระบวนการข่าวปล่อยที่ว่านี้ หรือไม่
เพราะลำพังการที่กองปราบฯ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะแก้ปัญหาชุ่ยๆ ด้วยการไล่ปิดปาก และตามราวีนักข่าวตัวเล็กๆ อย่างดิฉัน และคุณเติมศักดิ์ ด้วยการส่งหนังสือราชการ คุกคามการนำเสนอข่าวเตือนสติรัฐบาล โดยกล่าวอ้างว่า พวกเราเป็นผู้พาดพิงสถาบันเสียเอง ก็เห็นทีประชาชนคงจะพึ่งพาอะไรตำรวจแบบนี้ไม่ได้แล้ว