นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Asia Partnershiip Fund Group หรือ เอพีเอฟ กรุ๊ป กล่าวภาพรวมการลงทุนของกลุ่มเอพีเอฟ ในไทยช่วงที่ผ่านมาของปี 52 มีหลายดีลในญี่ปุ่นที่ทางกลุ่มประสบความสำเร็จทั้งแบบการซื้อกิจการ และแบบการเข้าร่วมประมูล แต่สำหรับในไทยยอมรับว่ายังไม่เกิดขึ้น เนื่องจากกระบวนการดำเนินงาน หรือขั้นตอนการซื้อและร่วมทุนมีความล่าช้า จากปัจจัยลบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นประเทศ อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทได้เพิ่มทุนให้กับธุรกิจในเครือ เช่น เอพีเอฟ อินชัวร์รันส์ (APFii) และในปี 53 จะเร่งขั้นตอนดำเนินงานเพื่อให้ดีลการลงทุนในบริษัทไทยที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯมีความชัดเจน หรือได้บทสรุปที่เร็วขึ้น
ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจของไทยและความคืบหน้าการดำเนินธุรกิจของเอพีเอฟยังเป็นไปในทิศทางบวก ดีลธุรกิจที่พูดคุยไว้ขั้นตอนดำเนินงานต่าง ๆ เริ่มเร็วขึ้น ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจยังเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐฯยังมีปัญหา แม้รัฐบาลจะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบจำนวนมาก แต่กระบวนการต่าง ๆ ไม่เห็นผลในทันที
ขณะการลงทุนในไทยตอนนี้ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับมุมมองของนักลงทุน ซึ่งเอพีเอฟดูดีลที่มูลค่าและความเหมาะสมต่อการลงทุนเป็นหลัก ขณะที่พื้นฐานของคนไทยล้วนมีน้ำใจและจิตใจดี ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นแค่ด้านความคิด ซึ่งไม่น่าจะทำให้พื้นฐานที่มีอยู่ของคนไทยหมดไป
ทั้งนี้ เอพีเอฟ ยืนยันว่า มีเม็ดเงินที่พร้อมจะลงทุนในไทยตลอดเวลา และไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง เพราะบริษัทในเครือที่อยู่ในญี่ปุ่น 2 แห่ง เช่น โชวะ โอลดิ้ง และ เวดจิ โฮลดิ้ง กรุ๊ป สามารถระดมทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งบริษัทน้องใหม่ของกลุ่มอย่าง บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ชินโตเกียว ก็พร้อมจะระดมทุนจากนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยได้ทันที โดยเงินลงทุนในทุกภูมิภาคของกลุ่มมีอยู่1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะแบ่งมาลงทุนในไทย 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
"เรากำลังเจรจาดีล บริษัทอสังหาฯไทยทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ฯซึ่งบางบริษัทมีส่วนเกี่ยวข้องอสังหาฯในอเมริกา มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท แต่ที่ผ่านมาล่าช้า เพราะข้อมูลจากบริษัทในสหรัฐฯที่ส่งมาให้เราไม่มีความชัดเจนเพราะไม่ส่งข้อมูลที่ถูกต้องทั้งหมดมาให้ เราจึงต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน แต่ปีหน้าทุกอย่างน่าจะชัดเจน คาดว่าจะสามารถสรุปดีลดังกล่าวได้ภายช่วงต้นปี 53 "
** GLรุกขยายฐานลูกค้าอีสาน
นายสามารถ จิระดำรงชัยธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.กรุ๊ปลีส (GL) ในเครือของเอพีเอฟ กล่าวว่าภาพรวมตลาดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เริ่มปรับตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจแต่บริษัทยังเข้มงวดกับคุณภาพของลูกหนี้ และไม่เร่งขยายพอร์ต จนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างเข็มแข็งล่าสุดได้ขยายสาขาเข้าสู่ส่วนภูมิภาคมากขึ้นโดยกำลังจะเปิดสาขาที่นครราชสีมา ทั้งในส่วนบริการสินเชื่อเช่าซื้อแก่ลูกค้าและศูนย์ประมูลรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ เพราะมองว่าเป็นจังหวัดที่เป็นจุดยุทธศาสตร์เพื่อขยายฐานสู่จังหวัดอื่นๆในภาคอีสานได้
**US ปรับองค์กรรับแข่งขันเสรี
นายเจเรมี เหลียว กรรมการผู้จัดการ บล.ยูไนเต็ด จำกัด (มหาชน) (US) กล่าวว่าบริษัทได้ปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและความปลอดภัยในระบบ เพื่อลดความเสี่ยงในความผิดพลาดต่อการทำรายการให้ลูกค้า รวมทั้งจะเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามาเพิ่มเติม เช่น เช่นธุรกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ เข้ามาเสริม ส่วนการกำหนดอัตราค่าคอมมิชชั่นใหม่ในปี 53 บริษัทจะเน้นบริหารต้นทุนต่ำ แต่สร้างผลตอบแทนให้แก่ลูกค้าและผู้ถือหุ้นได้ดี รวมถึงจะเพิ่มฐานรายได้ด้านอื่นนอกเหนือจากรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์มากขึ้น อีกทั้งการที่มีบริษัทแม่อย่าง เอพีเอฟ กรุ๊ป ทำให้เชื่อว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องแม้กฏเกณฑ์ต่างๆจะเปลี่ยนแปลงในอนาคต
ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจของไทยและความคืบหน้าการดำเนินธุรกิจของเอพีเอฟยังเป็นไปในทิศทางบวก ดีลธุรกิจที่พูดคุยไว้ขั้นตอนดำเนินงานต่าง ๆ เริ่มเร็วขึ้น ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจยังเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐฯยังมีปัญหา แม้รัฐบาลจะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบจำนวนมาก แต่กระบวนการต่าง ๆ ไม่เห็นผลในทันที
ขณะการลงทุนในไทยตอนนี้ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับมุมมองของนักลงทุน ซึ่งเอพีเอฟดูดีลที่มูลค่าและความเหมาะสมต่อการลงทุนเป็นหลัก ขณะที่พื้นฐานของคนไทยล้วนมีน้ำใจและจิตใจดี ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นแค่ด้านความคิด ซึ่งไม่น่าจะทำให้พื้นฐานที่มีอยู่ของคนไทยหมดไป
ทั้งนี้ เอพีเอฟ ยืนยันว่า มีเม็ดเงินที่พร้อมจะลงทุนในไทยตลอดเวลา และไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง เพราะบริษัทในเครือที่อยู่ในญี่ปุ่น 2 แห่ง เช่น โชวะ โอลดิ้ง และ เวดจิ โฮลดิ้ง กรุ๊ป สามารถระดมทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งบริษัทน้องใหม่ของกลุ่มอย่าง บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ชินโตเกียว ก็พร้อมจะระดมทุนจากนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยได้ทันที โดยเงินลงทุนในทุกภูมิภาคของกลุ่มมีอยู่1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะแบ่งมาลงทุนในไทย 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
"เรากำลังเจรจาดีล บริษัทอสังหาฯไทยทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ฯซึ่งบางบริษัทมีส่วนเกี่ยวข้องอสังหาฯในอเมริกา มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท แต่ที่ผ่านมาล่าช้า เพราะข้อมูลจากบริษัทในสหรัฐฯที่ส่งมาให้เราไม่มีความชัดเจนเพราะไม่ส่งข้อมูลที่ถูกต้องทั้งหมดมาให้ เราจึงต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน แต่ปีหน้าทุกอย่างน่าจะชัดเจน คาดว่าจะสามารถสรุปดีลดังกล่าวได้ภายช่วงต้นปี 53 "
** GLรุกขยายฐานลูกค้าอีสาน
นายสามารถ จิระดำรงชัยธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.กรุ๊ปลีส (GL) ในเครือของเอพีเอฟ กล่าวว่าภาพรวมตลาดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เริ่มปรับตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจแต่บริษัทยังเข้มงวดกับคุณภาพของลูกหนี้ และไม่เร่งขยายพอร์ต จนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างเข็มแข็งล่าสุดได้ขยายสาขาเข้าสู่ส่วนภูมิภาคมากขึ้นโดยกำลังจะเปิดสาขาที่นครราชสีมา ทั้งในส่วนบริการสินเชื่อเช่าซื้อแก่ลูกค้าและศูนย์ประมูลรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ เพราะมองว่าเป็นจังหวัดที่เป็นจุดยุทธศาสตร์เพื่อขยายฐานสู่จังหวัดอื่นๆในภาคอีสานได้
**US ปรับองค์กรรับแข่งขันเสรี
นายเจเรมี เหลียว กรรมการผู้จัดการ บล.ยูไนเต็ด จำกัด (มหาชน) (US) กล่าวว่าบริษัทได้ปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและความปลอดภัยในระบบ เพื่อลดความเสี่ยงในความผิดพลาดต่อการทำรายการให้ลูกค้า รวมทั้งจะเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามาเพิ่มเติม เช่น เช่นธุรกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ เข้ามาเสริม ส่วนการกำหนดอัตราค่าคอมมิชชั่นใหม่ในปี 53 บริษัทจะเน้นบริหารต้นทุนต่ำ แต่สร้างผลตอบแทนให้แก่ลูกค้าและผู้ถือหุ้นได้ดี รวมถึงจะเพิ่มฐานรายได้ด้านอื่นนอกเหนือจากรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์มากขึ้น อีกทั้งการที่มีบริษัทแม่อย่าง เอพีเอฟ กรุ๊ป ทำให้เชื่อว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องแม้กฏเกณฑ์ต่างๆจะเปลี่ยนแปลงในอนาคต
