ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติชี้ปัญหาไทยกัมพูชากระทบการค้า 7 หมื่นล้าน แต่ถือว่าไม่มากเมื่อเทียบจีดีพี พร้อมจับตาเรื่องความเชื่อมั่นนักลงทุนหากยืดเยื้อ
นายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ว่า กระทบต่อมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับกัมพูชาประมาณ 7หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นมููลค่าเฉลี่ยในแต่ละปี การค้าผ่านด่านชายแดน 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่การค้าผ่านกระบวนการศุลกากรประมาณ 2 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในแง่มูลค้าการค้าขายถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)
"แบงก์ชาติมีความเป็นห่วงแง่ความรู้สึกของนักลงทุนมากกว่า เพราะหากปัญหานี้ยืดเยื้อออกไปอาจมีผลต่อศักยภาพการค้าและการลงทุนต่อไป นักลงทุนจะดูด้านการเงินเป็นสำคัญว่าถ้าลงทุนไปแล้วจะมีผลกำไรกลับมาหรือไม่ ขณะที่ด้านการเมืองจะประเมินเป็นตัวเลขไม่ได้ แต่มีผลต่อการตัดสินใจการลงทุนมากกว่า”นายสุชาติกล่าว
แม้ในปัจจุบันการลงทุนของธุรกิจไทยในกัมพูชายังไม่เยอะ ซึ่งเท่าสำรวจอยู่มีโครงการใหญ่ๆ อาทิ โรงงานน้ำตาล ปูนซีเมนต์ และสัญญารับซื้อสินค้าเกษตร นอกจากนี้ จากการสำรวจ ธปท.เบื้องต้นผ่านสำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่า ขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนไทยและประชาชนอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงแต่ ธปท.จะติดตามสถานการณ์ปัจจัยที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจต่อไป
ก่อนหน้านี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยแสดงความกังวลความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา อาจส่งผลกระทบต่อการค้ากรณีมีการปิดด่านการค้าชายแดนระหว่างกัน ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ไทยที่เป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้ากับกัมพูชามาโดยตลอด ผลกระทบจึงน่าจะเกิดจากการส่งออกสินค้าไปกัมพูชาต้องชะลอ ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าที่ใช้ในภาคก่อสร้างและการผลิต น้ำมันสำเร็จรูป และปูนซีเมนต์
อย่างไรก็ตาม กัมพูชาอาจต้องหันไปนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นแทน แต่มีราคาสูงกว่าสินค้าจากไทย ภาคธุรกิจในกัมพูชาก็อาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบหรือสินค้าขั้นกลางที่สูงขึ้นด้วย.
นายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ว่า กระทบต่อมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับกัมพูชาประมาณ 7หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นมููลค่าเฉลี่ยในแต่ละปี การค้าผ่านด่านชายแดน 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่การค้าผ่านกระบวนการศุลกากรประมาณ 2 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในแง่มูลค้าการค้าขายถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)
"แบงก์ชาติมีความเป็นห่วงแง่ความรู้สึกของนักลงทุนมากกว่า เพราะหากปัญหานี้ยืดเยื้อออกไปอาจมีผลต่อศักยภาพการค้าและการลงทุนต่อไป นักลงทุนจะดูด้านการเงินเป็นสำคัญว่าถ้าลงทุนไปแล้วจะมีผลกำไรกลับมาหรือไม่ ขณะที่ด้านการเมืองจะประเมินเป็นตัวเลขไม่ได้ แต่มีผลต่อการตัดสินใจการลงทุนมากกว่า”นายสุชาติกล่าว
แม้ในปัจจุบันการลงทุนของธุรกิจไทยในกัมพูชายังไม่เยอะ ซึ่งเท่าสำรวจอยู่มีโครงการใหญ่ๆ อาทิ โรงงานน้ำตาล ปูนซีเมนต์ และสัญญารับซื้อสินค้าเกษตร นอกจากนี้ จากการสำรวจ ธปท.เบื้องต้นผ่านสำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่า ขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนไทยและประชาชนอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงแต่ ธปท.จะติดตามสถานการณ์ปัจจัยที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจต่อไป
ก่อนหน้านี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยแสดงความกังวลความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา อาจส่งผลกระทบต่อการค้ากรณีมีการปิดด่านการค้าชายแดนระหว่างกัน ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ไทยที่เป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้ากับกัมพูชามาโดยตลอด ผลกระทบจึงน่าจะเกิดจากการส่งออกสินค้าไปกัมพูชาต้องชะลอ ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าที่ใช้ในภาคก่อสร้างและการผลิต น้ำมันสำเร็จรูป และปูนซีเมนต์
อย่างไรก็ตาม กัมพูชาอาจต้องหันไปนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นแทน แต่มีราคาสูงกว่าสินค้าจากไทย ภาคธุรกิจในกัมพูชาก็อาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบหรือสินค้าขั้นกลางที่สูงขึ้นด้วย.