หลังจากไทยลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา นายทวีกิจ จตุรเจริญคุณ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า รู้สึกกังวลว่าจะกระทบกับการลงทุนของไทยในกัมพูชา และหากเหตุการณ์ยืดเยื้อจนเกิดความเสียหายกับทั้ง 2 ประเทศ โดยเฉพาะช่วงฤดูท่องเที่ยว ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 2-3 แสนคน จากยุโรปและอเมริกา มาลงเครื่องที่ไทยก่อนตระเวนท่องเที่ยวในประเทศแถบอินโดจีน และหากความรุนแรงพัฒนาถึงขั้นต้องเรียกผู้บริหารชาวไทยกลับ ก็ต้องให้คนกัมพูชาบริหารแทน ซึ่งจะเกิดความเสี่ยงต่อธุรกิจได้
ขณะที่นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าแห่งประเทศไทย ต้องการให้คำนึงถึงศักดิ์ศรีของประเทศมากกว่าผลกระทบทางการค้า เพราะภาคเอกชนยังสามารถปรับตัวและหาทางออกได้ และเชื่อว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่รุนแรงมากนัก
ด้านกระทรวงพาณิชย์รายงาน มูลค่าการค้าระหว่าง 2 ประเทศ ในปี 2551 มีมูลค่าประมาณ 70,000 ล้านบาท ซึ่งไทยเกินดุลกว่า 60,000 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกหลักของไทยคือ รถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์ รถยนต์ ขณะที่สินค้านำเข้าคือ เศษเหล็ก และสินค้าเกษตร
ส่วนการลงทุนของนักลงทุนไทย ในประเทศกัมพูชา ปีเดียวกัน มีมูลค่า 1,000 ล้านบาทเศษ เช่น โครงการผลิตอ้อยและน้ำตาล และโครงการลงทุนก่อสร้างโรงพยาบาลของโรงพยาบาลกรุงเทพ สำหรับโครงการที่นักลงทุนเข้าไปถือหุ้น และได้รับการส่งเสริมการลงทุน ตั้งแต่สิงหาคม ปี 2537 ถึงเดือนมิถุนายน 2552 มีทั้งสิ้น 81 โครงการ โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมการเกษตร แปรรูปอาหาร รวมทั้งโรงแรม และปัจจุบันไทยเป็นประเทศที่เข้าไปลงทุนเป็นอันดับ 5 รองจากจีน เกาหลีใต้ มาเลเซีย และเวียดนาม
ขณะที่นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าแห่งประเทศไทย ต้องการให้คำนึงถึงศักดิ์ศรีของประเทศมากกว่าผลกระทบทางการค้า เพราะภาคเอกชนยังสามารถปรับตัวและหาทางออกได้ และเชื่อว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่รุนแรงมากนัก
ด้านกระทรวงพาณิชย์รายงาน มูลค่าการค้าระหว่าง 2 ประเทศ ในปี 2551 มีมูลค่าประมาณ 70,000 ล้านบาท ซึ่งไทยเกินดุลกว่า 60,000 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกหลักของไทยคือ รถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์ รถยนต์ ขณะที่สินค้านำเข้าคือ เศษเหล็ก และสินค้าเกษตร
ส่วนการลงทุนของนักลงทุนไทย ในประเทศกัมพูชา ปีเดียวกัน มีมูลค่า 1,000 ล้านบาทเศษ เช่น โครงการผลิตอ้อยและน้ำตาล และโครงการลงทุนก่อสร้างโรงพยาบาลของโรงพยาบาลกรุงเทพ สำหรับโครงการที่นักลงทุนเข้าไปถือหุ้น และได้รับการส่งเสริมการลงทุน ตั้งแต่สิงหาคม ปี 2537 ถึงเดือนมิถุนายน 2552 มีทั้งสิ้น 81 โครงการ โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมการเกษตร แปรรูปอาหาร รวมทั้งโรงแรม และปัจจุบันไทยเป็นประเทศที่เข้าไปลงทุนเป็นอันดับ 5 รองจากจีน เกาหลีใต้ มาเลเซีย และเวียดนาม