นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ ถึงความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้คุยกับ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐรักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรก.ผบ.ตร.) แต่มีความเป็นไปได้ที่จะเรียกประชุมในวันจันทร์ที่ 16 พ.ย.นี้ ซึ่งพยายามดำเนินการอยู่ ล่าสุดได้ลงนามแต่งตั้ง นางเบญจวรรณ สร่างนิทร เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นประธานคณะกรรมการกลั่นกรองแต่งตั้งโผโยกย้ายตำรวจ และขณะนี้ได้ทำหนังสือเวียนแจ้งให้คณะกรรมการ ก.ตร.ทราบเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรรมการชุดใหม่ต้องกลับมาทบทวนโผโยกย้ายนายตำรวจทั้งหมดหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของกรรมการชุดใหม่ ไม่ได้บังคับว่า ต้องทำตาม เชื่อว่าการทำงานไม่ใช้เวลานาน การตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองฯชุดใหม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข้อทวงติงจึงต้องมีการเปลี่ยนชุดเพื่อไม่ให้เป็น อุปสรรค สาเหตุของการตั้งกรรมการชุดใหม่ไม่ได้เชื่อคำทวงติง แต่ต้องการให้งานราบรื่น
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะกรรมการกลั่นกรองฯชุดใหม่ มีประมาณ 6-7 คน มีเลขาธิการ ก.พ.เป็นประธาน นอกนั้นเป็น รอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย โดยกรรมการทั้งหมดเป็นบุคคลที่ไม่เคยถูกท้วงติง แม้ประธานกลั่นกรองจะเป็นสุภาพสตรีก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน เชื่อว่าจะสามารถ ทนแรงเสียดทานได้ อย่ามองในแง่ร้าย อะไรที่เป็นเงื่อนไขก็แก้ที่เงื่อนจนหมดเงื่อนไข เมื่อถามว่าสาเหตุที่ไม่สามารถโยกย้ายโผตำรวจครั้งนี้ได้ เพราะเป็นเกมบีบให้นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง ผบ.ตร.ขึ้นมาก่อน นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่ เป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวกัน การโยกย้ายเป็นเรื่องภายในของ ก.ตร. กรรมการคนละชุด
ต่อข้อถามว่ากรรมการ ก.ตร.บอกว่าต้องหมดข้อสงสัยเรื่องรักษาการผบ.ตร. จึงสามารถแต่งตั้งโยกย้ายได้ นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องไปถามคนสงสัย แม้ว่าตน ได้พยายามพูดคุยกับ ก.ตร.นอกรอบ แต่คงไม่เป็นเรื่องที่เอามาพูดนอกรอบอีก สิ้นข้อสงสัยหรือไม่อยู่ที่แต่ละบุคคล ตนไปอธิบายแทนไม่ได้ ต้องเห็นใจคนที่สงสัยและเป็นเอกสิทธิของ ก.ตร.แต่ละคน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต่อให้คณะกรรมการกลั่นกรองพิจารณาโผนายตำรวจใหม่ แต่เมื่อไม่ถูกใจ ก.ตร.สายผู้ทรงคุณวุฒิ โอกาสที่โผจะคลอดมีหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า มี โดยต้องอาศัยเสียงส่วนใหญ่ในระบอบประชาธิปไตย คณะกรรมการ ก.ตร. เช่นเดียวกัน ที่ตนพยายามทำคือให้คนส่วนใหญ่มีความเห็น ความเข้าใจที่สอดคล้อง และยอมรับกันได้ ส่วนจะรื้อโผใหม่หรือโผเก่าเป็นสิทธิของกรรมการ แต่ให้อยู่ใน กรอบกติกาที่กฎหมายกำหนด ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีปัญหาเรื่องเด็กฝาก เด็กเส้น อีกหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่มี ยิ่งถามยิ่งหมดแรง
พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการลาออก จากประธานคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการตำรวจหรือบอร์ดกลั่นกรองของ นายสมศักดิ์ บุญทองว่า ขณะนี้ ทราบว่า ทาง ก.ตร.รับทราบแล้ว และจะนำเรื่องนี้ เข้าที่ประชุม ก.ตร. ครั้งต่อไป ที่คาดว่า จะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 16 พ.ย.นี้ ตามที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้นัดอย่างเป็นทางการ
ส่วนเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับนายพล จะเสร็จสิ้นในการประชุมครั้งนี้หรือไม่ หรือต้องพิจารณารายชื่อตำรวจระดับนายพลอีกครั้ง หรือไม่ ก็อยู่ที่การพูดคุยกันใน ก.ตร. ถ้าทุกอย่างลงตัว ก็จบ
พล.ต.ท.พงศพัศ ยังได้ปฏิเสธถึงความขัดแย้งในระดับ ก.ตร.ว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไร และเชื่อว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ในฐานะประธาน ก.ตร. พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้การประชุมลุล่วงไปด้วยดี โดย ก.ตร.จะพยายามแต่งตั้งตำรวจให้ทัน และไม่ได้ยินว่าจะมี ก.ตร.ลาออกอีก ส่วนมีคนมอง ก.ตร.ในแง่ลบ เพราะมีความขัดแย้งกัน ตามที่ เอแบคโพล ไปสำรวจความเห็นของประชาชนมานั้น ตนมองว่า ก.ตร.ทุกท่านทำงานเต็มที่แล้ว
ขอให้ประชาชน เชื่อมั่นว่า ตำรวจทำงานอยู่ ทำงานทุกวันอย่างผมเองก็ต้อง กระโดดลงพื้นที่ไปตรวจสอบปัญหาอาชญากรรม ก็ขอให้ตำรวจทุกคนทำงานเต็มที่ และประชาชนเชื่อมันในการทำงานของตำรวจ
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรรมการชุดใหม่ต้องกลับมาทบทวนโผโยกย้ายนายตำรวจทั้งหมดหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของกรรมการชุดใหม่ ไม่ได้บังคับว่า ต้องทำตาม เชื่อว่าการทำงานไม่ใช้เวลานาน การตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองฯชุดใหม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข้อทวงติงจึงต้องมีการเปลี่ยนชุดเพื่อไม่ให้เป็น อุปสรรค สาเหตุของการตั้งกรรมการชุดใหม่ไม่ได้เชื่อคำทวงติง แต่ต้องการให้งานราบรื่น
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะกรรมการกลั่นกรองฯชุดใหม่ มีประมาณ 6-7 คน มีเลขาธิการ ก.พ.เป็นประธาน นอกนั้นเป็น รอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย โดยกรรมการทั้งหมดเป็นบุคคลที่ไม่เคยถูกท้วงติง แม้ประธานกลั่นกรองจะเป็นสุภาพสตรีก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน เชื่อว่าจะสามารถ ทนแรงเสียดทานได้ อย่ามองในแง่ร้าย อะไรที่เป็นเงื่อนไขก็แก้ที่เงื่อนจนหมดเงื่อนไข เมื่อถามว่าสาเหตุที่ไม่สามารถโยกย้ายโผตำรวจครั้งนี้ได้ เพราะเป็นเกมบีบให้นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง ผบ.ตร.ขึ้นมาก่อน นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่ เป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวกัน การโยกย้ายเป็นเรื่องภายในของ ก.ตร. กรรมการคนละชุด
ต่อข้อถามว่ากรรมการ ก.ตร.บอกว่าต้องหมดข้อสงสัยเรื่องรักษาการผบ.ตร. จึงสามารถแต่งตั้งโยกย้ายได้ นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องไปถามคนสงสัย แม้ว่าตน ได้พยายามพูดคุยกับ ก.ตร.นอกรอบ แต่คงไม่เป็นเรื่องที่เอามาพูดนอกรอบอีก สิ้นข้อสงสัยหรือไม่อยู่ที่แต่ละบุคคล ตนไปอธิบายแทนไม่ได้ ต้องเห็นใจคนที่สงสัยและเป็นเอกสิทธิของ ก.ตร.แต่ละคน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต่อให้คณะกรรมการกลั่นกรองพิจารณาโผนายตำรวจใหม่ แต่เมื่อไม่ถูกใจ ก.ตร.สายผู้ทรงคุณวุฒิ โอกาสที่โผจะคลอดมีหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า มี โดยต้องอาศัยเสียงส่วนใหญ่ในระบอบประชาธิปไตย คณะกรรมการ ก.ตร. เช่นเดียวกัน ที่ตนพยายามทำคือให้คนส่วนใหญ่มีความเห็น ความเข้าใจที่สอดคล้อง และยอมรับกันได้ ส่วนจะรื้อโผใหม่หรือโผเก่าเป็นสิทธิของกรรมการ แต่ให้อยู่ใน กรอบกติกาที่กฎหมายกำหนด ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีปัญหาเรื่องเด็กฝาก เด็กเส้น อีกหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่มี ยิ่งถามยิ่งหมดแรง
พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการลาออก จากประธานคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการตำรวจหรือบอร์ดกลั่นกรองของ นายสมศักดิ์ บุญทองว่า ขณะนี้ ทราบว่า ทาง ก.ตร.รับทราบแล้ว และจะนำเรื่องนี้ เข้าที่ประชุม ก.ตร. ครั้งต่อไป ที่คาดว่า จะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 16 พ.ย.นี้ ตามที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้นัดอย่างเป็นทางการ
ส่วนเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับนายพล จะเสร็จสิ้นในการประชุมครั้งนี้หรือไม่ หรือต้องพิจารณารายชื่อตำรวจระดับนายพลอีกครั้ง หรือไม่ ก็อยู่ที่การพูดคุยกันใน ก.ตร. ถ้าทุกอย่างลงตัว ก็จบ
พล.ต.ท.พงศพัศ ยังได้ปฏิเสธถึงความขัดแย้งในระดับ ก.ตร.ว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไร และเชื่อว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ในฐานะประธาน ก.ตร. พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้การประชุมลุล่วงไปด้วยดี โดย ก.ตร.จะพยายามแต่งตั้งตำรวจให้ทัน และไม่ได้ยินว่าจะมี ก.ตร.ลาออกอีก ส่วนมีคนมอง ก.ตร.ในแง่ลบ เพราะมีความขัดแย้งกัน ตามที่ เอแบคโพล ไปสำรวจความเห็นของประชาชนมานั้น ตนมองว่า ก.ตร.ทุกท่านทำงานเต็มที่แล้ว
ขอให้ประชาชน เชื่อมั่นว่า ตำรวจทำงานอยู่ ทำงานทุกวันอย่างผมเองก็ต้อง กระโดดลงพื้นที่ไปตรวจสอบปัญหาอาชญากรรม ก็ขอให้ตำรวจทุกคนทำงานเต็มที่ และประชาชนเชื่อมันในการทำงานของตำรวจ