วานนี้ (11 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายสมศักดิ์ บุญทอง ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือก หรือบอร์ดกลั่นกรองลาออก ว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ได้รายงานให้ทราบแล้ว โดยในการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ผ่านมา มีการหยิบยกประเด็นการทำงานของอนุกรรมการคัดเลือก และเรื่องกรรมการสอบสวน เข้าใจว่าตัวประธานแสดงเจตนาที่จะออก เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ต้องดำเนินการแต่งตั้งใหม่
เมื่อนายสมศักดิ์ ลาออกทำให้องค์ประกอบของคณะกรรมการกลั่นกรองเปลี่ยนแปลงไป บัญชีรายชื่อการแต่งตั้งนายตำรวจ ที่ผ่านคณะกรรมการกลั่นกรองแล้วจะต้องส่งใหม่หรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้สอบถามลึกขนาดนั้น คนที่พาดพิงไม่มีเฉพาะตัวประธาน ฉะนั้นจะมีการวางแนวทางกลไกนี้กันใหม่ ซึ่งนายสุเทพได้บอกว่ากำลังจะปรึกษากับ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการแทน ผบ.ตร. เพื่อดูอนุกรรมการชุดนี้
เมื่อถามว่าจะส่งผลกระทบต่อการแต่งตั้งหรือไม่นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เท่าที่ฟังวาระการประชุมครั้งที่ผ่านมายังไม่ได้พูดเรื่องแต่งตั้งเลยในที่ประชุม
เมื่อถามว่าแสดงว่าบัญชีการแต่งตั้งนั้นยังไม่ใช่อันสุดท้าย อาจจะเปลี่ยนแปลงได้อีกหรือไม่นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ผมไม่ทราบ แต่ความเห็นเรื่องบัญชี มีปัญหาโดยตลอด เพราะในกรรมการก.ตร.ที่นายสุเทพ เล่าให้ฟังว่ายังมีการทักท้วงว่าบัญชีไหนยังมีอยู่ ไม่มีอยู่ ท่านจะไปคลี่คลายตรงนี้"
เมื่อถามว่านายสุเทพได้บอกว่าจะเอาอยู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าทำได้ ตั้งใจว่าอยากจะพยายามประชุมก.ตร.ในวันจันทร์นี้ และอยากทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยในวันจันทร์
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุม ก.ตร.ว่า ก็ต้องแก้ปัญหาไปเรื่อยๆ พร้อมเมื่อไร ก็ประชุม ส่วนที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าหากทำไม่ได้ ก็จะลงมาเป็นประธานเองนั้น นายกฯคงหมายถึงต้องการให้ตนทำงานให้เรียบร้อย
"นายกฯไม่ได้ขู่ผมหรอก ท่านจะขู่ผมไปทำไม" เมื่อถามว่าด้วยศักยภาพของรัฐบาล พ.ศ.นี้ จะตั้งได้หรือไม่ นายสุเทพ หัวเราะ ก่อนกล่าวว่าเดี๋ยวก็เรียบร้อย ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการแทน ผบ.ตร. กล่าวภายหลังเข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นานกว่า 30 นาทีว่า การที่มี ก.ตร.บางท่านลาออกนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ได้ผ่านมาทางตน แต่จะเป็นเรื่องที่เสนอตรงต่อประธาน ก.ตร.เลย และเวลานี้ก็ไม่เคยมีการพูดคุยกันด้วยว่าจะหาใครมาแทน เพราะการหาคนแทนมีกฎของ ก.ตร. ที่ว่าด้วยการสรรหา การประชุม ก.ตร. นัดต่อไป และการที่ยังไม่สามารถพิจารณาตำแหน่งต่างๆได้ เป็นเพราะการประชุมนัดที่ผ่านมา เรื่องการพิจารณาตำแหน่งต่างๆ ยังไม่เข้าสู่วาระการประชุม นัดต่อไปคงมีการพิจารณา ส่วนเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติ ก็เป็นการขอตรวจสอบคุณสมบัติของคณะกรรมการตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่ง ไม่เกี่ยวกับเรื่องของการแต่งตั้งเป็นคนละส่วน
เมื่อถามว่าในฐานะที่เป็นข้าราชการตำรวจระดับสูง มีการตั้งข้อสังเกตอะไรบ้างหรือไม่ว่า เหตุใดคณะกรรมการ ก.ตร. พากันออกมาประกาศลาออก พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า คงตอบอะไรไม่ได้ เพราะยังไม่ทราบว่ามี ก.ตร. คนไหนลาออกบ้าง จึงตอบตรงนี้ไม่ได้
วันเดียวกันนี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่า จากกรณีนายสมศักดิ์ บุญทอง ลาออกจากการเป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือก หรือบอร์ดกลั่นกรองนั้น ขณะนี้ฝ่ายเลขานุการ ก.ตร. กำลังตรวจสอบข้อกฎหมายว่า การที่นายสมศักดิ์ ลาออกนั้น จะกระทบต่อมติแต่งตั้งโยกย้ายระดับรอง ผบ.ตร. ถึงผู้บัญชาการ ที่ผ่านบอร์ดกลั่นกรองชุดนี้ไป เมื่อวันที่ 6 พ.ย. หรือไม่
ขณะเดียวกันมีรายงานจากที่ประชุมของสำนักงานก.ตร.ว่า ควรปรับสัดส่วนบอร์ดกลั่นกรองโดยลดจำนวนบอร์ดลง เพื่อจะได้ไม่มีจำนวนเกินกึ่งหนึ่งของ ก.ตร.ตามที่มีการตั้งข้อสังเกตุ
มีรายงานว่าผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามความชัดเจนกรณีนี้จากผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่ได้รับคำตอบว่าเรื่องนี้ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกตร.จะเป็นคนพูดแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
เมื่อนายสมศักดิ์ ลาออกทำให้องค์ประกอบของคณะกรรมการกลั่นกรองเปลี่ยนแปลงไป บัญชีรายชื่อการแต่งตั้งนายตำรวจ ที่ผ่านคณะกรรมการกลั่นกรองแล้วจะต้องส่งใหม่หรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้สอบถามลึกขนาดนั้น คนที่พาดพิงไม่มีเฉพาะตัวประธาน ฉะนั้นจะมีการวางแนวทางกลไกนี้กันใหม่ ซึ่งนายสุเทพได้บอกว่ากำลังจะปรึกษากับ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการแทน ผบ.ตร. เพื่อดูอนุกรรมการชุดนี้
เมื่อถามว่าจะส่งผลกระทบต่อการแต่งตั้งหรือไม่นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เท่าที่ฟังวาระการประชุมครั้งที่ผ่านมายังไม่ได้พูดเรื่องแต่งตั้งเลยในที่ประชุม
เมื่อถามว่าแสดงว่าบัญชีการแต่งตั้งนั้นยังไม่ใช่อันสุดท้าย อาจจะเปลี่ยนแปลงได้อีกหรือไม่นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ผมไม่ทราบ แต่ความเห็นเรื่องบัญชี มีปัญหาโดยตลอด เพราะในกรรมการก.ตร.ที่นายสุเทพ เล่าให้ฟังว่ายังมีการทักท้วงว่าบัญชีไหนยังมีอยู่ ไม่มีอยู่ ท่านจะไปคลี่คลายตรงนี้"
เมื่อถามว่านายสุเทพได้บอกว่าจะเอาอยู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าทำได้ ตั้งใจว่าอยากจะพยายามประชุมก.ตร.ในวันจันทร์นี้ และอยากทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยในวันจันทร์
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุม ก.ตร.ว่า ก็ต้องแก้ปัญหาไปเรื่อยๆ พร้อมเมื่อไร ก็ประชุม ส่วนที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าหากทำไม่ได้ ก็จะลงมาเป็นประธานเองนั้น นายกฯคงหมายถึงต้องการให้ตนทำงานให้เรียบร้อย
"นายกฯไม่ได้ขู่ผมหรอก ท่านจะขู่ผมไปทำไม" เมื่อถามว่าด้วยศักยภาพของรัฐบาล พ.ศ.นี้ จะตั้งได้หรือไม่ นายสุเทพ หัวเราะ ก่อนกล่าวว่าเดี๋ยวก็เรียบร้อย ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการแทน ผบ.ตร. กล่าวภายหลังเข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นานกว่า 30 นาทีว่า การที่มี ก.ตร.บางท่านลาออกนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ได้ผ่านมาทางตน แต่จะเป็นเรื่องที่เสนอตรงต่อประธาน ก.ตร.เลย และเวลานี้ก็ไม่เคยมีการพูดคุยกันด้วยว่าจะหาใครมาแทน เพราะการหาคนแทนมีกฎของ ก.ตร. ที่ว่าด้วยการสรรหา การประชุม ก.ตร. นัดต่อไป และการที่ยังไม่สามารถพิจารณาตำแหน่งต่างๆได้ เป็นเพราะการประชุมนัดที่ผ่านมา เรื่องการพิจารณาตำแหน่งต่างๆ ยังไม่เข้าสู่วาระการประชุม นัดต่อไปคงมีการพิจารณา ส่วนเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติ ก็เป็นการขอตรวจสอบคุณสมบัติของคณะกรรมการตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่ง ไม่เกี่ยวกับเรื่องของการแต่งตั้งเป็นคนละส่วน
เมื่อถามว่าในฐานะที่เป็นข้าราชการตำรวจระดับสูง มีการตั้งข้อสังเกตอะไรบ้างหรือไม่ว่า เหตุใดคณะกรรมการ ก.ตร. พากันออกมาประกาศลาออก พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า คงตอบอะไรไม่ได้ เพราะยังไม่ทราบว่ามี ก.ตร. คนไหนลาออกบ้าง จึงตอบตรงนี้ไม่ได้
วันเดียวกันนี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่า จากกรณีนายสมศักดิ์ บุญทอง ลาออกจากการเป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือก หรือบอร์ดกลั่นกรองนั้น ขณะนี้ฝ่ายเลขานุการ ก.ตร. กำลังตรวจสอบข้อกฎหมายว่า การที่นายสมศักดิ์ ลาออกนั้น จะกระทบต่อมติแต่งตั้งโยกย้ายระดับรอง ผบ.ตร. ถึงผู้บัญชาการ ที่ผ่านบอร์ดกลั่นกรองชุดนี้ไป เมื่อวันที่ 6 พ.ย. หรือไม่
ขณะเดียวกันมีรายงานจากที่ประชุมของสำนักงานก.ตร.ว่า ควรปรับสัดส่วนบอร์ดกลั่นกรองโดยลดจำนวนบอร์ดลง เพื่อจะได้ไม่มีจำนวนเกินกึ่งหนึ่งของ ก.ตร.ตามที่มีการตั้งข้อสังเกตุ
มีรายงานว่าผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามความชัดเจนกรณีนี้จากผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่ได้รับคำตอบว่าเรื่องนี้ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกตร.จะเป็นคนพูดแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น