นายกฯ ชี้โยกย้าย-แต่งตั้งนายตำรวจไม่ควรสะดุด พร้อมนั่งหัวโต๊ะก.ตร. เองหาก" เทพเทือก"ร้องขอ แนะตัวอนุกรรมการสอบมีปัญหาเปลี่ยนได้ ไม่ควรยุติการสอบ ยอมรับการแต่งตั้งผบ.ตร. และนายตำรวจระดับสูง มีอุปสรรค เพราะการเมืองแทรกมาโดยตลอด
วานนี้(8 พ.ย.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการข้าราชตำรวจ (ก.ตร.) เพื่อพิจารณาแต่งตั้งนายตำรวจล้มเมื่อวันศุกร์ที่ 5 พ.ย. ว่า ยังไม่ได้คุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. แต่จากรายงานข่าวทราบเป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องอนุกรรมการที่ไปสอบเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งที่จริงก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น ตนให้นโยบายนายสุเทพว่า อยากให้มันจบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้คุยกับนายสุเทพ คิดว่านายสุเทพ จะเรียกประชุมโดยเร็ว เพราะเรื่องปัญหาของอนุกรรมการ ในเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง ต้องแยกออกไป การโยกย้ายแต่งตั้งมีขบวนการ มีกรรมการคัดเลือกน่าจะเดินต่อไปได้
เมื่อถามว่าไม่จำเป็นต้องรอผลของอนุกรรมการมาพิจารณา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเดิมตนเข้าใจว่ามันมีสองส่วน คือของปีปัจจุบันเข้าใจว่า ยังไม่ได้มีการแต่งตั้ง จึงยังไม่มีประเด็น แต่คณะอนุกรรมการไปพูดถึงการดำเนินการในอดีต ซึ่งถ้ามันมีเรื่องของความไม่ถูกต้อง ก็ควรจะทำ แต่ถ้าใครเห็นว่าอนุกรรมการมีปัญหา ก็ใช้กระบวนการปรับเปลี่ยนคณะอนุกรรมอะไรสามารถทำได้ถ้าเห็นว่ามีความไม่ถูกต้อง หรือมีความไม่เหมาะสม แต่มันควรจะเดิน มันสอบออกมาแล้วมีการพูดถึงความไม่ถูกต้อง เราก็ต้องการไม่ให้เกิดระบบการซื้อขายตำแหน่ง
เมื่อถามว่ามันเกิดปัญหาอะไรหรือเปล่าใน ก.ตร. ชุดเดียวกัน ซึ่งเป็นคนตั้งอนุกรรมการชุดนี้ขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่กลับมาตั้งข้อสงสัย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าต้องถามคนที่แสดงความคิดเห็นบังเอิญตนไม่ได้เข้าประชุมใน ก.ตร. และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ทราบว่าจะมีปัญหาเรื่องนี้ เพราะนึกว่าจะเป็นเรื่องการโยกย้าย แต่งตั้งเป็นหลัก และเห็นว่าเขามีกระบวนการ มีกรรมการคัดเลือก ประชุมกันในตอนเช้า บอกนายสุเทพไว้ว่าให้มันจบใน ก.ตร. เร็วที่สุด
เมื่อถามว่า คิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนายสุเทพ จะเอาอยู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องทำให้ได้ ถ้าจะให้ดำเนินการอย่างไรเพื่อให้มันทำได้ ตนก็ต้องทำอยู่แล้ว เมื่อถามว่าหมายถึงนายกฯพร้อมที่จะไปทำหน้าที่ประธาน ก.ตร.เอง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าอยู่ที่นายสุเทพ ว่าท่านคิดอย่างไร
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าม็อบขาใหญ่ผลักดันคนของตัวเองเข้าสู่ตำแหน่งสำคัญ เช่น ผบ.ชน. และผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล นายอภิสิทธิ์ ย้อนถามว่า ใครขาใหญ่ ขาเล็ก ขาสั้น ขายาว ใครล่ะ ตนยังไม่ทราบเลย
เมื่อถามว่านายกฯได้ลงไปเกี่ยวข้องหรือไม่นายอภิสิทธิ์ กล่าวยืนยันว่าตนไม่เกี่ยวข้องเลย แต่เป็นคนที่บอกเสมอว่า ขอให้มีหลักเกณฑ์และขอให้รับฟังข้อมูลให้ครบถ้วน หากคนที่มาตามหลักเกณฑ์ความถูกต้อง มีความเหมาะสม ตนทำงานได้ทั้งนั้น
เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้นายกฯ บอกจะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เพื่อเลือก ก.ต.ช. ที่ว่างลงได้กำหนดวันหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาจะนัดในวันที่ยี่สิบเท่าไร แต่จำไม่ได้ เขาทำเรื่องเสนอมาแล้ว เมื่อถามว่า การแต่งตั้ง ผบ.ตร. และแต่งตั้งนายตำรวจยังไม่ได้ มันสะท้อนให้เห็นอะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สะท้อนให้เห็นว่าองค์กรนี้ถูกการเมืองแทรกแซง และมีความขัดแย้งมาโดยตลอดซึ่งเรากำลังจะมาคลี่คลาย
จี้ “มาร์ค-เทือก” เอาผิดอนุฯ ก.ตร.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าจากการประชุมก.ตร. ล่มถึง 3 ครั้ง เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติหมดความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน ปัญหาการประชุม ก.ตร. ล่มล่าสุดเกิดจากความไม่เป็นธรรมในการแต่งตั้งนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพน่าจะปล่อยให้คนใกล้ตัวแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจและปล่อยให้อนุกรรมการก.ตร. บางคนซึ่งเป็นพรรคพวกของตนเองแทรกแซงโดยการฝากข้าราชการตำรวจโดยการเปิดเผยของร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ หนึ่งในก.ตร. พบว่ามีหลักฐานที่เป็นเอกสารชัดแจ้งถึงความไม่ชอบมาพากลและการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบของอนุกรรมการก.ตร. บางท่าน ที่น่าจะทำผิดกฎหมาย และทำลายระบบคุณธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ
“ขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้แจ้งดำเนินคดีกับอนุกรรมการ กตร ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบรวมถึงบุคคลใกล้ชิดและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดภายใน 7 วัน ถ้าไม่ดำเนินการถือว่าเป็นการละเว้น และปฏิบัติหน้าไม่ชอบจะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ปปช. ตามกฎหมายอาญามาตรา 157 ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”
แนะเทพเทือกหาข้อยุติ
พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งเป็นหนึ่งในอนุก.ตร.ตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งและบอร์ดกลั่นกรอง กล่าวว่า ควรมองว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้การบริหารจัดการงานบุคคลตำรวจเดินหน้า ไปได้ ตำรวจต้องมีผู้นำแต่หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ที่ไม่มีผบ.ตร.ซ้ำยังไม่มีผบช.หน่วยอีก ก็แย่ ตำรวจสับสน แล้วจะส่งผลกับประชาชน
คาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมก.ตร. อีกครั้ง โดยต้องหารือกัน 2 ประเด็น ที่มีการตั้งข้อสังเกตุ คือ 1. เรื่องการตั้งคณะกรรมการคัดเลือกที่อ้างว่า สัดส่วนมากกว่า ก.ตร.ทั้งหมด ซึ่งก.ตร.ที่ค้านประเด็นนี้ก็แสดงจุดยืนว่าไม่เห็นควรมีการแต่งตั้งแต่แรก ดังนั้นต้องหารือกันเพื่อหาข้อยุติ ขณะที่ประเด็นที่ 2 เรื่องการถามหาจริยธรรม ตรงนี้ก.ตร.ก็ต้องหารือให้ยุติ เพราะเหรียญมี 2 ด้าน ขึ้นอยู่กับใครจะเลือกมองด้านไหน ซึ่งตนไม่แน่ใจว่า การทำงานของก.ตร.ที่เกิดขึ้นนั้นได้ไปทำลายระบบการบริหารบุคคลที่ดีเลิสอยู่ แล้วของสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่
วานนี้(8 พ.ย.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการข้าราชตำรวจ (ก.ตร.) เพื่อพิจารณาแต่งตั้งนายตำรวจล้มเมื่อวันศุกร์ที่ 5 พ.ย. ว่า ยังไม่ได้คุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. แต่จากรายงานข่าวทราบเป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องอนุกรรมการที่ไปสอบเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งที่จริงก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น ตนให้นโยบายนายสุเทพว่า อยากให้มันจบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้คุยกับนายสุเทพ คิดว่านายสุเทพ จะเรียกประชุมโดยเร็ว เพราะเรื่องปัญหาของอนุกรรมการ ในเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง ต้องแยกออกไป การโยกย้ายแต่งตั้งมีขบวนการ มีกรรมการคัดเลือกน่าจะเดินต่อไปได้
เมื่อถามว่าไม่จำเป็นต้องรอผลของอนุกรรมการมาพิจารณา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเดิมตนเข้าใจว่ามันมีสองส่วน คือของปีปัจจุบันเข้าใจว่า ยังไม่ได้มีการแต่งตั้ง จึงยังไม่มีประเด็น แต่คณะอนุกรรมการไปพูดถึงการดำเนินการในอดีต ซึ่งถ้ามันมีเรื่องของความไม่ถูกต้อง ก็ควรจะทำ แต่ถ้าใครเห็นว่าอนุกรรมการมีปัญหา ก็ใช้กระบวนการปรับเปลี่ยนคณะอนุกรรมอะไรสามารถทำได้ถ้าเห็นว่ามีความไม่ถูกต้อง หรือมีความไม่เหมาะสม แต่มันควรจะเดิน มันสอบออกมาแล้วมีการพูดถึงความไม่ถูกต้อง เราก็ต้องการไม่ให้เกิดระบบการซื้อขายตำแหน่ง
เมื่อถามว่ามันเกิดปัญหาอะไรหรือเปล่าใน ก.ตร. ชุดเดียวกัน ซึ่งเป็นคนตั้งอนุกรรมการชุดนี้ขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่กลับมาตั้งข้อสงสัย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าต้องถามคนที่แสดงความคิดเห็นบังเอิญตนไม่ได้เข้าประชุมใน ก.ตร. และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ทราบว่าจะมีปัญหาเรื่องนี้ เพราะนึกว่าจะเป็นเรื่องการโยกย้าย แต่งตั้งเป็นหลัก และเห็นว่าเขามีกระบวนการ มีกรรมการคัดเลือก ประชุมกันในตอนเช้า บอกนายสุเทพไว้ว่าให้มันจบใน ก.ตร. เร็วที่สุด
เมื่อถามว่า คิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนายสุเทพ จะเอาอยู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องทำให้ได้ ถ้าจะให้ดำเนินการอย่างไรเพื่อให้มันทำได้ ตนก็ต้องทำอยู่แล้ว เมื่อถามว่าหมายถึงนายกฯพร้อมที่จะไปทำหน้าที่ประธาน ก.ตร.เอง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าอยู่ที่นายสุเทพ ว่าท่านคิดอย่างไร
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าม็อบขาใหญ่ผลักดันคนของตัวเองเข้าสู่ตำแหน่งสำคัญ เช่น ผบ.ชน. และผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล นายอภิสิทธิ์ ย้อนถามว่า ใครขาใหญ่ ขาเล็ก ขาสั้น ขายาว ใครล่ะ ตนยังไม่ทราบเลย
เมื่อถามว่านายกฯได้ลงไปเกี่ยวข้องหรือไม่นายอภิสิทธิ์ กล่าวยืนยันว่าตนไม่เกี่ยวข้องเลย แต่เป็นคนที่บอกเสมอว่า ขอให้มีหลักเกณฑ์และขอให้รับฟังข้อมูลให้ครบถ้วน หากคนที่มาตามหลักเกณฑ์ความถูกต้อง มีความเหมาะสม ตนทำงานได้ทั้งนั้น
เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้นายกฯ บอกจะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เพื่อเลือก ก.ต.ช. ที่ว่างลงได้กำหนดวันหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาจะนัดในวันที่ยี่สิบเท่าไร แต่จำไม่ได้ เขาทำเรื่องเสนอมาแล้ว เมื่อถามว่า การแต่งตั้ง ผบ.ตร. และแต่งตั้งนายตำรวจยังไม่ได้ มันสะท้อนให้เห็นอะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สะท้อนให้เห็นว่าองค์กรนี้ถูกการเมืองแทรกแซง และมีความขัดแย้งมาโดยตลอดซึ่งเรากำลังจะมาคลี่คลาย
จี้ “มาร์ค-เทือก” เอาผิดอนุฯ ก.ตร.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าจากการประชุมก.ตร. ล่มถึง 3 ครั้ง เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติหมดความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน ปัญหาการประชุม ก.ตร. ล่มล่าสุดเกิดจากความไม่เป็นธรรมในการแต่งตั้งนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพน่าจะปล่อยให้คนใกล้ตัวแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจและปล่อยให้อนุกรรมการก.ตร. บางคนซึ่งเป็นพรรคพวกของตนเองแทรกแซงโดยการฝากข้าราชการตำรวจโดยการเปิดเผยของร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ หนึ่งในก.ตร. พบว่ามีหลักฐานที่เป็นเอกสารชัดแจ้งถึงความไม่ชอบมาพากลและการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบของอนุกรรมการก.ตร. บางท่าน ที่น่าจะทำผิดกฎหมาย และทำลายระบบคุณธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ
“ขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้แจ้งดำเนินคดีกับอนุกรรมการ กตร ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบรวมถึงบุคคลใกล้ชิดและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดภายใน 7 วัน ถ้าไม่ดำเนินการถือว่าเป็นการละเว้น และปฏิบัติหน้าไม่ชอบจะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ปปช. ตามกฎหมายอาญามาตรา 157 ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”
แนะเทพเทือกหาข้อยุติ
พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งเป็นหนึ่งในอนุก.ตร.ตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งและบอร์ดกลั่นกรอง กล่าวว่า ควรมองว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้การบริหารจัดการงานบุคคลตำรวจเดินหน้า ไปได้ ตำรวจต้องมีผู้นำแต่หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ที่ไม่มีผบ.ตร.ซ้ำยังไม่มีผบช.หน่วยอีก ก็แย่ ตำรวจสับสน แล้วจะส่งผลกับประชาชน
คาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมก.ตร. อีกครั้ง โดยต้องหารือกัน 2 ประเด็น ที่มีการตั้งข้อสังเกตุ คือ 1. เรื่องการตั้งคณะกรรมการคัดเลือกที่อ้างว่า สัดส่วนมากกว่า ก.ตร.ทั้งหมด ซึ่งก.ตร.ที่ค้านประเด็นนี้ก็แสดงจุดยืนว่าไม่เห็นควรมีการแต่งตั้งแต่แรก ดังนั้นต้องหารือกันเพื่อหาข้อยุติ ขณะที่ประเด็นที่ 2 เรื่องการถามหาจริยธรรม ตรงนี้ก.ตร.ก็ต้องหารือให้ยุติ เพราะเหรียญมี 2 ด้าน ขึ้นอยู่กับใครจะเลือกมองด้านไหน ซึ่งตนไม่แน่ใจว่า การทำงานของก.ตร.ที่เกิดขึ้นนั้นได้ไปทำลายระบบการบริหารบุคคลที่ดีเลิสอยู่ แล้วของสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่