xs
xsm
sm
md
lg

‘รักชาติ’ ไม่ใช่ ‘คลั่งชาติ’

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

surawhisky@hotmail.com

ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองกำลังเกิดปัญหาความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา ไม่น่าเชื่อเลยว่า เรากลับเห็นคนไทยแตกกันเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเห็นด้วยกับรัฐบาลกัมพูชา ฝ่ายหนึ่งเห็นด้วยกับรัฐบาลไทย

เมื่อช่วงวันลอยกระทงเพื่อนชาวเขมรของผมพาครอบครัวบินมาเที่ยวที่กรุงเทพฯ ก่อนมาเขาโทรศัพท์มาถามสถานการณ์ในประเทศไทยว่า เป็นอย่างไรบ้าง เขาถามว่า คุณเป็นพวกเสื้อสีอะไร ผมบอกว่า ผมเป็นพวกเสื้อเหลือง ส่วนนายกฯ ของคุณเป็นพวกเสื้อแดง เพื่อนผมหัวเราะแล้วถามว่า ตอนนี้ที่กรุงเทพฯ สงบใช่ไหม เขามาเที่ยวได้ไม่มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่ เสื้อแดงกับเสื้อเหลืองไม่ได้ปะทะกันใช่ไหม ผมตอบว่า ไม่มีปัญหาอะไร

เมื่อมาพบกันที่กรุงเทพฯ ผมก็พยายามที่จะไม่พูดถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐกัมพูชากับรัฐไทย แต่ก็ได้บอกเพื่อนว่า พวกคุณต้องระวังทักษิณให้ดี เพราะคนคนนี้ขายได้แม้แต่ประเทศของตัวเอง และบอกว่า คนส่วนใหญ่ในเมืองไทยที่เข้าถึงข้อมูลข่าวสารจะไม่เอาทักษิณ ยกเว้นพวกเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ไม่เอาสถาบัน แต่ต้องการใช้ทักษิณเป็นเครื่องมือ

เพื่อนเขมรของผมบอกว่า คนไทยทะเลาะกันก็ยังดีกว่าเขมรทะเลาะกัน เพราะคนไทยไม่ได้ฆ่ากันเหมือนเขมรที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กัน

ผมไม่กล้าลงรายละเอียดกับเพื่อนมาก เพราะกลัวทำให้เขาอึดอัด และไม่ต้องการเอาเรื่องภายในของตัวเองไปขายเพื่อน เพราะผมคิดว่าอย่างไรเสีย มนุษย์ทุกคนต้องมีสำนึกในความเป็นชาติของตัวเอง รักและปกป้องเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของประเทศตัวเอง

แต่เมื่อย้อนกลับมาที่ประเทศไทย ไม่น่าเชื่อว่า ความคิดสำนึกในความเป็นชาติของคนไทยบางคนบางกลุ่มนั้นกลับมีน้อยกว่าผลประโยชน์เฉพาะหน้า และผลประโยชน์ที่มีคนหยิบยื่นให้

ความแตกแยกของคนไทยต่อกรณีความขัดแย้งกับกัมพูชานั้น ปรากฏผ่านสื่อมวลชน คอลัมนิสต์ นักวิชาการ และนักธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้า 3 ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ (ในวันจันทร์ถึงเสาร์) ออกมาแสดงความเห็นเหมือนกับเป็นหนังสือพิมพ์กัมพูชา เป็นหนังสือพิมพ์ "เขมรรัฐ" ที่ปกป้องผลประโยชน์ของกัมพูชามากกว่าผลประโยชน์ของประเทศตัวเอง

ผมคิดว่า เพราะพวกเขาไม่ชอบรัฐบาลอภิสิทธิ์ แต่ลืมไปว่าความไม่ชอบอภิสิทธิ์กับสำนึกแห่งความเป็นชาตินั้นอย่างไหนต้องมาก่อน

นักวิชาการหลายคนมีข้อเสนอที่น่ารับฟัง โดยเฉพาะที่เตือนว่า อย่าทำให้เกิดกระแส “คลั่งชาติ” แต่นักวิชาการบางคนกลับฉกฉวยเอาวาทกรรมว่า ด้วยเรื่อง “คลั่งชาติ” นี่เอง ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อสอดรับกับผลประโยชน์ของกัมพูชา ทักษิณและคนเสื้อแดง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นนักวิชาการที่ไม่เอาสถาบัน มาใช้เป็นเครื่องมือโจมตีว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกำลังปลุกปั่นกระแสคลั่งชาติขึ้นมาในชาติ

และนักวิชาการกลุ่มนี้กำลังทำให้ประชาชนสับสนในเรื่องของ “สำนึกแห่งความเป็นชาติ” ความรักชาติ การปกป้องผลประโยชน์ของชาติ กับการ “คลั่งชาติ” เพราะเห็นว่าชาติของตนเหนือกว่าชนชาติอื่น และดูถูกเหยียดหยามชนชาติอื่นๆ

ทั้งที่เมื่อวิเคราะห์แนวทางของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแล้วมองไม่เห็นตรงไหนเลยว่า จะเป็นการปลุกปั่นเพื่อให้เกิดการคลั่งชาติ เพราะพันธมิตรฯ มุ่งเน้นในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ซึ่งเป็นสำนึกที่คนทุกชาติจะต้องมี ไม่ใช่การเอาเปรียบกดขี่ชนชาติอื่น

และเมื่อเรามองไปที่ต้นเหตุของปัญหา ก่อนที่บิ๊กจิ๋วจะไปเขมรแล้วกลับมาเล่าว่าฮุนเซนด่าประเทศตัวเองอย่างไรด้วยความสุข ก่อนที่รัฐบาลไทยจะลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต และก่อนที่ทักษิณจะเข้าพนมเปญ ผมถามว่า ตอนนั้นไทยกับกัมพูชามีปัญหาข้อพิพาทกันเรื่องดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตรอยู่แล้วใช่หรือไม่

ดินแดนรอบเขาพระวิหารดังกล่าวไทยยืนยันว่า เป็นของไทยตามการปักปันเขตแดนสากลตามหลักสันปันน้ำ แต่กัมพูชาก็ส่งกองกำลังเข้ามายึดครองรุกล้ำแผ่นดินและอธิปไตยของไทย เพียงแต่ว่า รัฐบาลไทยพยายามจะเจรจาด้วยสันติวิธี ในขณะที่พันธมิตรฯ นั้นได้แสดงออกถึงการหวงแหนดินแดน ไม่ต่างกับที่สม รังสี และคนกัมพูชาแสดงออกที่ถูกเวียดนามรุกล้ำดินแดน

ผมจำได้ว่า พวกเสื้อแดงก็พูดว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ปล่อยให้กองทัพกัมพูชาเข้ามายึดครองดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร ก็แสดงว่า คนเสื้อแดงก็เข้าใจเช่นกันว่า กัมพูชากำลังรุกล้ำแผ่นดินไทย

ผมไม่ต้องพูดว่า คนคนนั้นเป็นนักโทษหนีคุกที่ทางการไทยต้องการตัวก็ได้ แต่การที่คนไทยคนหนึ่งประกาศไปสนับสนุนเพื่อนบ้านไปเป็นที่ปรึกษารัฐบาลของเพื่อนบ้านที่กำลังมีปัญหารุกล้ำดินแดน ถามว่า คนไทยคนนั้นควรได้รับการชื่นชมยินดีหรือว่าควรได้รับการประณามจากคนไทยด้วยกันเอง

นอกจากความขัดแย้งเรื่องดินแดนแล้ว การที่ฮุนเซนนำเอานักโทษที่ทางการไทยต้องการตัวไปเป็นที่ปรึกษานั้น ถามว่า เป็นการเหยียดหยามศักดิ์ศรีของประเทศหรือไม่ คนเสื้อแดงที่หลงรักทักษิณคงจะบอกว่าไม่ ผมถามว่า ถ้าพ่อกับแม่มีความขัดแย้งกันว่า ลูกชายของตัวเองทำผิดหรือไม่ ต่อมาลูกถูกพ่อลงโทษ แต่แม่ไม่เห็นด้วย แล้วมีเพื่อนบ้านเอาตัวลูกชายไปอยู่บ้านตัวเองไม่ยอมส่งคืน

ถามว่า พ่อกับแม่ควรจะทำอย่างไร แม่ควรจะบอกว่า เพื่อนบ้านทำถูกแล้ว หรือพ่อกับแม่ควรจะร่วมมือกันเอาลูกกลับมาก่อน แล้วกลับมาแก้ไขปัญหาในครอบครัวกันเอง

ความจริงแล้ว ผมไม่เชื่อว่า ฮุนเซนจะไม่รู้ว่า ปัญหาการเมืองของประเทศไทยในขณะนี้เกิดจากอะไร ทำไมต้องเกิดรัฐประหาร 19 กันยาฯ แต่ฮุนเซนทำเป็นแกล้งโง่ และทำเป็นเข้าใจว่า ทักษิณเป็นผู้กอบกู้วิกฤตให้ไทยพ้นจากเหตุการณ์วิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วทักษิณเข้ามาเป็นนายกฯ ตอนปี 2544 ซึ่งเป็นปีที่ไทยและทั่วโลกกำลังเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจแล้ว ไม่ใช่ฟื้นตัวเพราะฝีมือของทักษิณ

ฮุนเซนเพียงแต่ต้องการฉกฉวยความขัดแย้งของคนไทยในชาติ มาเพื่อทำลายชาติไทย ซึ่งมีหลายฝ่ายยืนยันว่า ฮุนเซนมีทัศนคติเชิงลบกับประเทศไทยมาโดยตลอด และมีคนไทยโง่ๆ ยอมตกเป็นเครื่องมือของฮุนเซนเพื่อทำลายชาติตัวเอง

ไม่มีทางที่ฮุนเซนจะไม่รู้ว่า ทักษิณมีพฤติกรรมอย่างไรเมื่ออยู่ในอำนาจ เพียงแต่ฮุนเซนอาจคิดว่า พฤติกรรมเหล่านั้นก็ไม่ได้แตกต่างกับที่ตัวเองทำอยู่ และฮุนเซนก็ทราบว่า นักโทษหนีคดีชาวไทยคนนั้นได้พูดจาจาบจ้วงองค์พระประมุขของประเทศตัวเองอย่างไร

ไม่น่าเชื่อว่า ในขณะที่คนไทยคนหนึ่งทำลายศักดิ์ศรีของตัวเองด้วยการร่วมมือกับผู้นำกัมพูชาซึ่งประกาศตัวเป็นศัตรูของชาติและส่งทหารเข้ามารุกล้ำแผ่นดินไทย เมื่อคนไทยกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นมาปกป้องศักดิ์ศรีและทวงสิทธิ์ของประเทศ กลับมีคนกล่าวหาว่า คนไทยกลุ่มนั้นคลั่งชาติ

อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่า มนุษย์เรานั้นต้องมีสำนึกในความเป็นชาติ มีศักดิ์ศรีของความเป็นชาติ และถ้าคนไทยยังคงยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ คนไทยจึงมีสิทธิ์แสดงออกในการออกมาปกป้องสถาบันหลักของตัวเอง

และนี่คือเหตุผลที่ทุกคนต้องออกมาในวันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายนนี้...ถ้าคุณเป็นคนไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น