xs
xsm
sm
md
lg

พท.พาลโวยโกงองค์ประชุมซัดจนท.รับเงินรัฐบาลสภาป่วน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (10 พ.ย.) มีการประชุมร่วมรัฐสภา โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อลงมติเห็นชอบให้รัฐบาล ถอนรายงานบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) จากที่ค้างมาเมื่อวันที่ 9 พ.ย.เนื่องจากการประชุมล้ม ซึ่งผลการลงมติ ให้ถอนรายงานดังกล่าวด้วยคะแนน 314 เสียง ต่อ 35 เสียง จากนั้นได้พิจารณาวาระกรอบการเจรจาเรื่องเขตพื้นที่ทางทะเลที่ไทย-มาเลเซีย และเวียดนามอ้างสิทธิทับซ้อนกัน ซี่งครม.เป็นผู้เสนอ

พท.ส่งตุ๊ดตู่ป่วนประชุมสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงประชุม บรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด โดยมีการตอบโต้กันค่อนข้างรุนแรงระหว่างฝ่ายค้านและรัฐบาล เนื่องจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย พยายามอภิปรายโยงเรื่องปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน โดยระบุว่า วันนี้ ครม.มีมติยกเลิกเอ็มโอยูปี 44 ที่รัฐบาลไทยทำไว้กับกัมพูชาได้ ตนก็ขอให้ยกเลิกเอ็มโอยูที่รัฐบาลไทยทำไว้กับกัมพูชา เมื่อปี 43 สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ด้วยเช่นกัน โดยอ้างว่าทำให้ไทยเสียดินแดน เป็นเอ็มโอยูที่โง่ที่สุด และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ฝากท้าพรรคประชาธิปัตย์มาว่า ถ้ามีข้อมูลว่าพ.ต.ท.ทักษิณไปได้สัมปทานบ่อก๊าซธรรมชาติจากกัมพูชา ขอให้เปิดข้อมูลออกมา หรือข้อกล่าวหาว่าพ.ต.ท.ทักษิณได้รับสัญญาเช่าเกะกงของกัมพูชาเป็นเวลานาน 99 ปีก็ไม่เป็นความจริง แล้ววันนี้นายกษิต ภิรมย์ ไปนั่งเป็น รมว.ต่างประเทศ อยู่ทำบ้าอะไร แต่กลับทำให้ประเทศเสียดินแดน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการอภิปรายของนายจตุพรทำให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ไม่พอใจ โดย นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ประท้วงว่า ขอให้ประธานคุมการประชุม ผู้อภิปรายกำลังวิปลาศ ทำให้ นายจตุพร ตอบโต้อย่าง มีอารมณ์และหันไปชี้หน้าให้นายอรรถพร ให้ถอนคำพูด แต่นายอรรถพร ไม่ถอนยังระบุว่า วิปลาศทั้งลูกพี่และลูกน้อง ถ้าไม่วิปลาศคงไม่ให้สัมภาษณ์ไทม์ออนไลน์อย่างนั้น ตนรู้สึกเหมือนคนไทยทั้งประเทศ ทำให้นายจตุพรท้าว่า เอามั๊ยมาพูดเรื่องไทม์กัน จะได้รู้ว่าใครที่ไปเจรจาแล้วทำเรื่องขึ้นมา
นายชัย พยายามไกล่เกลี่ย ขอให้ทุกฝ่ายอดทน ประชาชนต้องการฟังการอภิปรายอย่างมีเหตุผล แต่นายอรรถพร ยังไม่ถอน ทำให้นายชัย ต้องเชิญ นายอรรถพร ไปพักนอกห้อง 5 นาที
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการประชุมยังไม่มีทีท่าว่าจะเรียบร้อยขึ้น เมื่อนายจตุพร ยังอภิปรายระบุถึง บันทึกความเข้าใจไทย-กัมพูชา ปี 43ที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นรมช.ต่างประเทศ ในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย เมื่อปี 2543 ซึ่งทำให้ประเทศเสียดินแดน ถือเป็นการเสียค่าโง่
ทำให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หลายคนนำโดยน.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กทม. ลุกขึ้นประท้วงว่าพูดนอกประเด็นและกล่าวร้ายให้คนภายนอกเสียหาย เพราะม.ร.ว.สุขุมพันธ์ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมสภาด้วย และถ้าเอ็มโอยูที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ทำไว้เมื่อปี 43 โง่ทำให้ไทยเสียดินแดน แล้วทำไมเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาเป็น นายกฯ เมื่อปี 44 ไม่ยกเลิกเอ็มโอยูนี้ แต่กลับยึดเอ็มโอยูนี้เป็นกรอบการเจรจา ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) แสดงว่าเอ็มโอยูนี้ มีความเหมาะสมแล้ว จึงขอให้นายจตุพรถอนคำว่าโง่
ทำให้นายจตุพร ตอบโต้ด้วยความไม่พอใจว่า พรรคประชาธิปัตย์ ยังพูดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งอยู่นอกสภาตลอดเวลา ตนพยายามทนฟังการอภิปรายของ พรรคประชาธิปัตย์ตลอด อย่างไรก็ตาม นายชัย พยายามไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่าย และให้นายจตุพร หยุดการอภิปรายเพื่อความสงบของสภา
ต่อมานายกษิต ภิรมณ์ รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงว่าตนยินดีให้ข้อมูลตัวต่อตัว เพราะหากพูดอาจกระทบกระเทือนได้ พร้อมยืนยันจะไม่ตกเป็นทาสทางการเมือง และไม่เข้าแทรกแซงข้าราชการประจำ พร้อมที่จะเปิดรับฟังความเห็นของประชาชนทุกด้าน ในส่วนของกัมพูชา เราไม่ได้ปิดการพิจารณา เมื่อกัมพูชาไม่ได้เสนอมา ก็ไม่รับ ทุกอย่างก็จบ
ในที่สุดที่ประชุมรัฐสภาได้ลงมติเห็นชอบกับกรอบการเจรจาเรื่องเขตพื้นที่ ทางทะเลที่ไทย มาเลเซีย และเวียดนามอ้างสิทธิทับซ้อนกัน ด้วยเสียงส่วนใหญ่ 327 ต่อ 2 งดออกเสียง 116 และไม่ลงคะแนน 14 เสียง

ชัยชิงปิดประชุมหลังสภาวุ่นหนัก
จากนั้นนางผ่องศรี ธาราภูมิ ส.ลพบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอเลื่อนระเบียบวาระเรื่องกรอบการเจรจาเรื่องการเกษตรและป่าไม้ระหว่างไทย-เปรู ขึ้นมาพิจารณาก่อน ซึ่งปรากฎว่าฝ่ายค้าน ไม่เห็นด้วย อ้างว่าสมาชิกยังไม่รู้เรื่อง และมีการนับองค์ประชุม ซึ่งระหว่างรอผล ฝ่ายค้านพยายามกดดันให้ประธานประกาศผลโดยเร็ว ถึงขนาดกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่รับเงินเพื่อทำให้องค์ประชุมครบ จึงขอให้ประธานตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ ในที่สุด นายประสพสุข เห็นท่าไม่ดีจึงสั่งพักประชุม10 นาทีเมื่อเวลา15.25น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเริ่มประชุมอีกครั้ง นายชัย ชิดชอบ ขึ้นทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม และสั่งให้มีการนับองค์ประชุมทันที แต่ระหว่างรอประกาศองค์ประชุม นายสุนัย จุลพงศ์ธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ประท้วงว่า สภาฯตอนนี้กลายเป็น สภาโอ้ละพ่อ ไปแล้ว เพราะมีการปกปิดองค์ประชุมที่แท้จริง และขอให้ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ทำหน้าที่อย่างเป็นกลางด้วย
ด้านนายชัยกล่าวว่า หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกตนจะตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งนายสุนัย ได้ตอบโต้ทันทีว่า ถ้าจะให้ทุกอย่างจบ และไม่มีใครทำผิด ขอให้ประธานประกาศองค์ประชุมที่ได้นับครั้งสุดท้ายว่านับองค์ประชุมได้ 309 เสียง หลังจากขึ้นไปเช็คกับห้องเจ้าหน้าที่ควบคุมการนับคะแนนคอมพิวเตอร์
ในที่สุด นายชัย ได้ยืนยันว่าตนทำไม่ได้พร้อมได้ขอให้นับองค์ประชุมใหม่และหากองค์ประชุมไม่ครบ ตนจะสั่งปิดประชุม ปรากฏผลนับองค์ประชุมมีสมาชิกอยู่ 333 เสียงถือว่าครบองค์ประชุม แต่ นายชัย กล่าวว่าเพื่อให้บรรยากาศที่ดีจึงขอปิดประชุมทันที เมื่อเวลา 15.50 น.

แจ้งความประสพสุขโกงองค์ประชุม
หลังการประชุม นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ และนายวุฒิพงษ์ ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลง ว่า ในวันที่ 11 พ.ย. ตนและส.ส.พรรคเพื่อไทยบางส่วนจะเดินทางไปสน.ดุสิต เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาที่ทำหน้าที่ประธานในการประชุมร่วมรัฐสภา ในระหว่างที่มีการนับองค์ประชุมแล้วพบว่ามีสมาชิกอยู่ร่วมประชุมเพียง 309 เสียง ซึ่งไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดคือ 312 เสียง ทำให้ไม่ครบองค์ประชุม ตามมาตรา 157 ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
เนื่องจากทันทีที่เลขาฯแจ้งตัวเลขผู้ที่อยู่ในห้องประชุมว่ามีเพียง 309 เสียงให้กับนายประสพสุขทราบ ประธานในที่ประชุมกลับไม่แจ้งแต่สั่งให้พักการประชุมทันที พฤติกรรมอย่างนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง เรียกว่าทุจริตองค์ประชุม ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ฝ่ายค้านได้เสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการสอบสวนขึ้นมา แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง จึงจำเป็นต้องไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ฝ่ายค้านชี้คุมองค์ประชุมไม่ได้ให้ยุบสภา
ขณะที่ วิปฝ่ายค้าน นำโดยนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.หนองบัวลำภู และนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลง ถึงกรณี การเลื่อนระเบียบวาระการประชุมที่ไม่เหมาะสม โดยนายไพจิต กล่าวว่า รัฐบาล ทำไม่เหมาะสมที่มีการเลื่อนวาระการประชุมขึ้นเป็นชุด ทำให้เรื่องที่ควรพิจารณาและสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องลงนามต่อการเจรจาระหว่างประเทศในวันที่ 10-12 พ.ย. ไม่ได้รับการพิจารณา แต่เรื่องที่ไม่สำคัญกลับถูกนำมาพิจารณาก่อน
ส่วนกรณีเครื่องเสียบบัตรแสดงตนเพื่อบันทึกผลคะแนนในการลงมติในที่ประชุมเสียนั้น อยากให้คณะกรรมาธิการกิจการสภาฯไปตรวจสอบอย่างเร่งด่วน เพราะเชื่อว่าเครื่องไม่ได้เสีย เนื่องจากตนสังเกตเห็นว่าสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลบางคน มาร่วมประชุมแต่ไม่เสียบบัตรด้วย แสดงว่ามีความแตกแยกในพรรครัฐบาลหรือไม่
ด้านนพ.ชลน่าน กล่าวว่า รัฐบาลในฐานะที่เป็นเสียงข้างมากจะต้องควบคุมองค์ประชุมให้ได้ ถ้าคุมเสียงข้างมากไม่ได้ก็ไม่สมควรเป็นฝายบริหาร ไม่ใช่มาโทษฝ่ายค้านว่าไม่ให้ความร่วมมือ
ขณะที่นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า หากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมองค์ประชุมได้ ก็ขอให้ยุบสภาไปเสีย และคืนอำนาจให้ประชาชนให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพราะการที่องค์ประชุมล่มบ่อยครั้งนั้นกระทบต่อการพิจารณากฎหมายหลายฉบับที่ส่งผลต่อประชาชน

ปชป.ปัดทุจริตนับคะแนน
ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นายธนิตพล ไชยอนันต์ ส.ส.ตาก ในฐานะเลขานุการวิปรัฐบาล นางผ่องศรี ธาราภูมิ ส.ส.ลพบุรี ฐานะวิปรัฐบาล และนายณัฏฐพล ทีปสุวรณณ ส.ส.กทม.ในฐานะผอ.พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมแถลงตอบโต้ฝ่ายค้าน
โดยนพ.วรงค์ กล่าวว่า ยืนยันว่าการที่ฝ่ายค้าน กล่าวหาว่ามีการทุจริตการลงคะแนน ขอชี้แจงว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่ถูกต้อง เพราะไม่มีการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน หรือให้เจ้าหน้าที่กดตัวเลขให้ แต่ฝ่ายค้านเลือกใช้แทคติกขอนับองค์ประชุมบ่อยครั้ง ซึ่งประธานสภาสามารถพักการประชุมตามข้อบังคับที่ 25 และควบคุมการประชุมให้เรียบร้อยตามข้อ 8 ได้ เพราะช่วงที่กล่าวหาว่ารวมคะแนนแล้วไม่ถึงครึ่งขององค์ประชุมร่วม เวลานั้นมี ส.ส.ได้คัดค้านว่ายังมีสมาชิกอีกจำนวนมากที่เดินจากตึกวุฒิสมาชิกเข้ามา เนื่องจากมีการประชุมคู่ขนานที่ ส.ส.และ ส.ว.ติดการประชุมกรรมาธิการ และการที่ฝ่ายค้านจะให้รัฐบาลรับผิดชอบ องค์ประชุมในการประชุมร่วมสองสภาสามฝ่ายนั้น ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะรัฐบาลไม่สามารถควบคุม ส.ว.ได้ และขอขอบคุณ ส.ว. ที่ร่วมอยู่ลงมติเกินครึ่งทุกครั้ง แม้ฝ่ายค้านจะตีรวนขอนับองค์ประชุมมากิผิดปกติก็ตาม

ยันเยื่อนวาระเพื่อผลประโยชน์ชาติ
ขณะที่ นางผ่องศรี กล่าวว่า ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้หมกเม็ดเปลี่ยนวาระการประชุมตามที่ฝ่ายค้านกล่าวหา ในฐานะที่ตนเป็นผู้เสนอเปลี่ยนวาระการประชุม เรื่อง กรอบการเจรจาเรื่องการเกษตรและป่าไม้ระหว่างไทย-เปรู ซึ่งอยู่ในกรอบของอาเซียน ขึ้นมาก่อนเพราะขณะนี้นายธีระ วงศ์สมุทธ รมว.เกษตรฯได้เดินทางไปอยู่ที่ประเทศ เปรู เพื่อรอลงนามในฐานะตัวแทนประเทศในกรอบการเจรจาดังกล่าว แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากฝ่ายค้าน ตีรวน จนทำให้ต้องปิดการประชุมก่อน ซึ่งเรื่องนี้ต้องรอวันพฤหัสบดี ที่12 พ.ย.นี้ หากเรื่องนี้ผ่านสภาวันที่ 11พ.ย. จึงจะได้ลงนามในกรอบดังกล่าวได้ ซึ่งขณะนี้ทุกประเทศกำลังรอประเทศไทยประเทศเดียว จึงขอเรียกร้องให้ สมาชิกรัฐสภา ตระหนักในหน้าที่ ในการออกกฎหมายและพิจารณา ถึงความสำคัญที่รัฐมนตรีและตัวแทนประเทศ ที่ต้องไปเจรจากับต่างประเทศ ต้องรอลงนามต่างๆ ทำให้ล่าช้าและเกิดคความเสียหาย
ทั้งนี้ ตนอยากเสนอประธานสภาฯ ควรรอเวลาก่อนที่จะลงมติ อย่างน้อย 5-10 นาที เพระยังมีเพื่อนสมาชิกที่ติดการประชุมในห้อง กมธ.ต่างๆยังเดินทางมาไม่ทัน ซึ่งปกติ ประธานจะเปิดโอกาสให้ลงมติย้อนหลังได้เล็กน้อย แต่ในครั้งนี้ประธานกลับไม่เปิดโอกาส

เฉ่งฝ่ายค้านเลมเกมนับองค์ประชุมตลอด
ด้านนายธนิตพล กล่าวว่า ตลอดสองวันที่ผ่านมาของการประชุมร่วมสองสภา จะเห็นว่าฝ่ายค้านทำอย่างไร เพื่อที่ไม่ให้การประชุม สามารถเดินต่อไปได้ มีทั้งการเสนอนับองค์ประชุม แต่ตัวเองกับไม่เสียบบัตรลงคะแนน ซึ่งเรื่องนี้ วิปรัฐบาลและฝ่ายค้าน เคยคุยกัน และตกลงกันแล้ว แต่ท้ายที่สุด ผลที่ออกมาก็เป็นอย่างที่เห็น ยืนยันว่า ในส่วนของวิปรัฐบาลได้มีการตรวจสอบเสียงของ ส.ส.ของรัฐบาลตลอดเวลา
ส่วนนายนัฏฐพล กล่าวว่า ตนทำหน้าที่รวบรวมเสียง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ยืนยันตัวเลข ส.ส.รัฐบาลอยู่ 246 เสียงขณะที่เสียง ส.ว.ที่ลงคะแนนให้ เกิน 70 เสียง หรือกึ่งหนึ่งตลอด เมื่อรวมเสียงแล้วเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะแก้ไขปัญหากรณีที่ ส.ส.ฝ่ายค้าน เสนอนับองค์ประชุมแต่ไม่เสียบบัตรแสดงตนทั้งที่นั่งในห้องประชุม อย่างไร นพ.วรงค์ กล่าวว่า ในสมัยการประชุมสามัญ จะมีการเสนอให้ตีความกฎกระเบียบข้อบังคับการประชุมใหม่ เมื่อถามต่อว่าฝ่ายค้านยืนยันว่า มีการทุจริต โดยเจ้าหน้าที่ลงคะแนนและจะไปแจ้งความที่ สน.ดุสิต วันที่ 11พ.ย.เวลา 10.00น. นพ.วรงค์กล่าวว่า อย่าไปกล่าวหาข้าราชการเพราะต้องทำตามหน้าที่ และการจะยึดถือคะแนนที่ยังรวมไม่เสร็จ ยังไม่ได้รายงานให้ประธานสภาทราบ โดยที่ประธานยังไม่ประกาศออกมาเป็นมตินั้น ถือว่าไม่ใช่มติที่สมบูรณ์ ตนขอแนะนำให้ฝ่ายค้านไปอ่านข้อบังค้บที่ 8 และ 25 อย่าไปโทษข้าราชการ
กำลังโหลดความคิดเห็น