“เพื่อไทย” ปูดพรรดร่วมรัฐบาลเข้าประชุมแต่ไม่เสียบบัตรแสดงตนตะเพิด คุมองค์ประชุมไม่ได้ไม่สมควรเป็นฝ่ายบริหาร เย้ย “กษิต” เป็น รมว.ต่างประเทศที่แย่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ปกป้อง “แม้ว” ตามธรรมเนียมอ้างไม่เคยคิดล้มสถาบัน
วันนี้ (10 พ.ย.) ที่รัฐสภา คณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน นำโดยนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.หนองบัวลำภู และนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงถึงกรณีการเลื่อนระเบียบวาระการประชุมที่ไม่เหมาะสม โดยนายไพจิต กล่าวว่า รัฐบาลทำไม่เหมาะสมที่มีการเลื่อนวาระการประชุมขึ้นเป็นชุด ทำให้เรื่องที่ควรพิจารณาและสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องลงนามต่อการเจรจาระหว่างประเทศในวันที่ 10-12 พ.ย.ไม่ได้รับการพิจารณา แต่เรื่องที่ไม่สำคัญกลับถูกนำมาพิจารณาก่อน ส่วนกรณีเครื่องเสียบบัตรแสดงตนเพื่อบันทึกผลคะแนนในการลงมติในที่ประชุมเสียนั้น อยากให้คณะกรรมาธิการกิจการสภาฯไปตรวจสอบอย่างเร่งด่วน เพราะเชื่อว่าเครื่องไม่ได้เสีย เนื่องจากตนสังเกตเห็นว่าสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลบางคนมาร่วมประชุมแต่ไม่เสียบบัตรด้วย แสดงว่ามีความแตกแยกในพรรครัฐบาลหรือไม่
ด้านน.พ.ชลน่าน กล่าวว่า รัฐบาลในฐานะที่เป็นเสียงข้างมากจะต้องควบคุมองค์ประชุมให้ได้ ถ้าคุมเสียงข้างมากไม่ได้ก็ไม่สมควรเป็นฝายบริหาร ไม่ใช่มาโทษฝ่ายค้านว่าไม่ให้ความร่วมมือ พวกตนเป็นฝ่ายค้านไม่ให้ความร่วมมืออยู่แล้ว รัฐบาลที่มีเสียงข้างน้อยแต่อยากเป็นเสียงข้างมากก็ย่อมเกิดความวุ่นวายอย่างนี้
ขณะที่นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า หากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมองค์ประชุมได้ก็ขอให้ยุบสภาไปเสีย และคืนอำนาจให้ประชาชนให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพราะการที่องค์ประชุมล่มบ่อยครั้งนั้นกระทบต่อการพิจารณากฎหมายหลายฉบับที่ส่งผลต่อประชาชน
จากนั้นนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ และนายวุฒิพงษ์ ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา ร่วมกันแถลงข่าวว่า ในวันที่ 11 พ.ย. ตนและส.ส.พรรคเพื่อไทยบางส่วนจะเดินทางไปสน.ดุสิตเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาที่ทำหน้าที่ประธานในการประชุมร่วมรัฐสภา ในระหว่างที่มีการนับองค์ประชุมแล้วพบว่ามีสมาชิกอยู่ร่วมประชุมเพียง 309 เสียง ซึ่งไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดคือ 312 เสียง ทำให้ไม่ครบองค์ประชุม ตามมาตรา 157 ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากทันทีที่เลขาฯแจ้งตัวเลขผู้ที่อยู่ในห้องประชุมว่ามีเพียง 309 เสียงให้กับนายประสพสุขทราบ ประธานในที่ประชุมกลับไม่แจ้งแต่สั่งให้พักการประชุมทันที พฤติกรรมอย่างนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง เรียกว่าทุจริตองค์ประชุม ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ฝ่ายค้านได้เสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการสอบสวนขึ้นมา แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง จึงจำเป็นต้องไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ด้านนายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปประเทศกัมพูชาว่า พรรคเพื่อไทยมีการพูดคุยและประเมินสถานการณ์ ยอมรับว่าพรรคไม่สบายใจ ประกอบกับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศด่วนสรุปว่าพ.ต.ท.ทักษิณหมิ่นสถาบันนั้น พรรคยิ่งไม่สบายใจไปใหญ่ ยืนยันว่าคนอย่างพ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยคิดล้มสถาบันเพราะเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงสุด อย่าใช้วิกฤตนี้มาสร้างความเสียหายระหว่างประเทศ ตั้งแต่มีรมว.ต่างประเทศมา นายกษิตถือว่าเป็นรมว.ต่างประเทศแย่ที่สุด ไม่รู้ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นำผู้ก่อการร้ายยึดสนามบินและไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการทูตเลยมาเป็นรมว.ต่างประเทศได้อย่างไร
ด้านนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จะตั้งกระทู้สดถามรัฐบาลภายในสัปดาห์นี้ รวมทั้งจะใช้ช่องทางขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 179 ด้วย ซึ่งหากรัฐบาลไม่ยอมพรรคเพื่อไทยก็จะใช้ช่องทางอภิปรายนอกสภาเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ข้อเท็จจริงแทน
วันนี้ (10 พ.ย.) ที่รัฐสภา คณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน นำโดยนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.หนองบัวลำภู และนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงถึงกรณีการเลื่อนระเบียบวาระการประชุมที่ไม่เหมาะสม โดยนายไพจิต กล่าวว่า รัฐบาลทำไม่เหมาะสมที่มีการเลื่อนวาระการประชุมขึ้นเป็นชุด ทำให้เรื่องที่ควรพิจารณาและสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องลงนามต่อการเจรจาระหว่างประเทศในวันที่ 10-12 พ.ย.ไม่ได้รับการพิจารณา แต่เรื่องที่ไม่สำคัญกลับถูกนำมาพิจารณาก่อน ส่วนกรณีเครื่องเสียบบัตรแสดงตนเพื่อบันทึกผลคะแนนในการลงมติในที่ประชุมเสียนั้น อยากให้คณะกรรมาธิการกิจการสภาฯไปตรวจสอบอย่างเร่งด่วน เพราะเชื่อว่าเครื่องไม่ได้เสีย เนื่องจากตนสังเกตเห็นว่าสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลบางคนมาร่วมประชุมแต่ไม่เสียบบัตรด้วย แสดงว่ามีความแตกแยกในพรรครัฐบาลหรือไม่
ด้านน.พ.ชลน่าน กล่าวว่า รัฐบาลในฐานะที่เป็นเสียงข้างมากจะต้องควบคุมองค์ประชุมให้ได้ ถ้าคุมเสียงข้างมากไม่ได้ก็ไม่สมควรเป็นฝายบริหาร ไม่ใช่มาโทษฝ่ายค้านว่าไม่ให้ความร่วมมือ พวกตนเป็นฝ่ายค้านไม่ให้ความร่วมมืออยู่แล้ว รัฐบาลที่มีเสียงข้างน้อยแต่อยากเป็นเสียงข้างมากก็ย่อมเกิดความวุ่นวายอย่างนี้
ขณะที่นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า หากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมองค์ประชุมได้ก็ขอให้ยุบสภาไปเสีย และคืนอำนาจให้ประชาชนให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพราะการที่องค์ประชุมล่มบ่อยครั้งนั้นกระทบต่อการพิจารณากฎหมายหลายฉบับที่ส่งผลต่อประชาชน
จากนั้นนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ และนายวุฒิพงษ์ ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา ร่วมกันแถลงข่าวว่า ในวันที่ 11 พ.ย. ตนและส.ส.พรรคเพื่อไทยบางส่วนจะเดินทางไปสน.ดุสิตเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาที่ทำหน้าที่ประธานในการประชุมร่วมรัฐสภา ในระหว่างที่มีการนับองค์ประชุมแล้วพบว่ามีสมาชิกอยู่ร่วมประชุมเพียง 309 เสียง ซึ่งไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดคือ 312 เสียง ทำให้ไม่ครบองค์ประชุม ตามมาตรา 157 ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากทันทีที่เลขาฯแจ้งตัวเลขผู้ที่อยู่ในห้องประชุมว่ามีเพียง 309 เสียงให้กับนายประสพสุขทราบ ประธานในที่ประชุมกลับไม่แจ้งแต่สั่งให้พักการประชุมทันที พฤติกรรมอย่างนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง เรียกว่าทุจริตองค์ประชุม ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ฝ่ายค้านได้เสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการสอบสวนขึ้นมา แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง จึงจำเป็นต้องไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ด้านนายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปประเทศกัมพูชาว่า พรรคเพื่อไทยมีการพูดคุยและประเมินสถานการณ์ ยอมรับว่าพรรคไม่สบายใจ ประกอบกับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศด่วนสรุปว่าพ.ต.ท.ทักษิณหมิ่นสถาบันนั้น พรรคยิ่งไม่สบายใจไปใหญ่ ยืนยันว่าคนอย่างพ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยคิดล้มสถาบันเพราะเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงสุด อย่าใช้วิกฤตนี้มาสร้างความเสียหายระหว่างประเทศ ตั้งแต่มีรมว.ต่างประเทศมา นายกษิตถือว่าเป็นรมว.ต่างประเทศแย่ที่สุด ไม่รู้ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นำผู้ก่อการร้ายยึดสนามบินและไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการทูตเลยมาเป็นรมว.ต่างประเทศได้อย่างไร
ด้านนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จะตั้งกระทู้สดถามรัฐบาลภายในสัปดาห์นี้ รวมทั้งจะใช้ช่องทางขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 179 ด้วย ซึ่งหากรัฐบาลไม่ยอมพรรคเพื่อไทยก็จะใช้ช่องทางอภิปรายนอกสภาเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ข้อเท็จจริงแทน