ASTVผู้จัดการรายวัน – บลจ.ไทยพาณิชย์ชี้ ผลตอบแทนกองพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียขยับขึ้น เป็นผลจากค่าเงินดอลลาร์ออสซี่ และไม่ได้เกิดจากผลตอบแทนของพันธบัตรดังกล่าวโดยตรง พร้อมระบุจัดตั้งมาเพื่อแก้ปัญหากองทุนทองคำ และน้ำมัน เดินหน้าขายกองทุนหุ้นกู้เอกชนชั้นดี และพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ เปิดไอพีโอตั้งแต่วันนี้ - 16 พ.ย.นี้
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ผลตอบแทนของกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้นและเงินฝากสกุลเงินออสเตรเลีย (SCBAUD) ได้ปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าหน่วยลงทุน (เอ็นเอวี) ในปัจจุบันอยู่ที่ 11.5880 บาทต่อหน่วย โดยกองทุนเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศออสเตรเลียเป็นหลัก ซึ่งผลตอบแทนในช่วงที่ผ่านมาเกิดขึ้นจากการปรับขึ้นของค่าเงินสกุลดอลลาร์ออสเตรเลีย แต่ไม่ได้เกิดขึ้นจากผลตอบแทนของพันธบัตรดังกล่าวโดยตรง จึงไม่แนะนำให้นักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำเข้ามาเก็งกำไรค่าเงินดังกล่าว
สำหรับวัตถุประสงค์หลักของการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวเพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนที่ขาดทุนจากการลงทุนในกองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ ลิงค์ (SCBGLF) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ ลิงค์ 2 (SCBGLF2) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ออลย์ ลิงค์ (SCBOLF) ซึ่งมีความคล้ายคลึงกันในแง่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาทองคำ และราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบที่อยู่ในรูปสกุลเงินเดียวกัน ซึ่งได้แก่สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียนั่นเอง บริษัทจึงจำเป็นต้องจัดตั้งกองทุนนี้ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว แต่จากการที่ราคาทองคำในตลาดโลกปรับขึ้นมา จึงทำให้ผลตอบแทนขาดทุนไม่มากแล้ว
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่ประสบกับการขาดทุนจากการลงทุนใน 3 กองทุนข้างต้นยังสามารถเลือกลงทุนในกองทุน SCBAUD หรือเลือกลงทุนในกองทุนอื่นของบริษัทก็ได้ และบริษัทยังไม่ได้มีนโยบายที่จะจัดตั้งกองทุนพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียแบบกองทุนปิดออกมา เพราะว่ากองทุนนี้เป็นกองทุนแบบเปิดที่สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการอยู่แล้ว โดยการลงทุนดังกล่าวมีความผันผวนทางค่อนข้างสูง และเหมาะกับนักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้สูง และผู้ต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังต่างประเทศ เพราะว่าไม่ได้มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเอาไว้
นางโชติกา กล่าวว่า บริษัทยังไม่ได้มีการนำกองทุนที่มีลักษณะการลงทุนคล้ายกันมายุบรวมกัน ซึ่งได้แก่ กองทุนกลุ่มมั่นคง (ตราสารแห่งทุน) ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง (SCBMF) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 2 (SCBMF2) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 3 (SCBMF3) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 4 (SCBMF4) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 5 (SCBMF5) เพราะว่ามีขั้นตอนที่ค่อนข้างยุ่งยาก โดยยังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงขบวนการลงทุนในด้านต่างๆ ทั้งการวิเคราะห์ รวมทั้งเครื่องมือในการการลงทุน จึงจำเป็นต้องเลื่อนแผนการยุบรวมกองทุนออกไปก่อน
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดขายกองทุนใหม่ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 5Y6M1 (SCBFI5Y6M1) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท และอายุโครงการประมาณ 5 ปี 6 เดือน เน้นลงทุนในหุ้นกู้เอกชนชั้นดี และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ฟอร์เรน โนท 3M5 (SCBFRN3M5) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท และอายุโครงการประมาณ 3 เดือน เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ โดยได้เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) และครั้งเดียวตั้งแต่วันนี้ - 16 พฤศจิกายน 2552 และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 10,000 บาท
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ผลตอบแทนของกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้นและเงินฝากสกุลเงินออสเตรเลีย (SCBAUD) ได้ปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าหน่วยลงทุน (เอ็นเอวี) ในปัจจุบันอยู่ที่ 11.5880 บาทต่อหน่วย โดยกองทุนเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศออสเตรเลียเป็นหลัก ซึ่งผลตอบแทนในช่วงที่ผ่านมาเกิดขึ้นจากการปรับขึ้นของค่าเงินสกุลดอลลาร์ออสเตรเลีย แต่ไม่ได้เกิดขึ้นจากผลตอบแทนของพันธบัตรดังกล่าวโดยตรง จึงไม่แนะนำให้นักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำเข้ามาเก็งกำไรค่าเงินดังกล่าว
สำหรับวัตถุประสงค์หลักของการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวเพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนที่ขาดทุนจากการลงทุนในกองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ ลิงค์ (SCBGLF) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ ลิงค์ 2 (SCBGLF2) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ออลย์ ลิงค์ (SCBOLF) ซึ่งมีความคล้ายคลึงกันในแง่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาทองคำ และราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบที่อยู่ในรูปสกุลเงินเดียวกัน ซึ่งได้แก่สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียนั่นเอง บริษัทจึงจำเป็นต้องจัดตั้งกองทุนนี้ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว แต่จากการที่ราคาทองคำในตลาดโลกปรับขึ้นมา จึงทำให้ผลตอบแทนขาดทุนไม่มากแล้ว
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่ประสบกับการขาดทุนจากการลงทุนใน 3 กองทุนข้างต้นยังสามารถเลือกลงทุนในกองทุน SCBAUD หรือเลือกลงทุนในกองทุนอื่นของบริษัทก็ได้ และบริษัทยังไม่ได้มีนโยบายที่จะจัดตั้งกองทุนพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียแบบกองทุนปิดออกมา เพราะว่ากองทุนนี้เป็นกองทุนแบบเปิดที่สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการอยู่แล้ว โดยการลงทุนดังกล่าวมีความผันผวนทางค่อนข้างสูง และเหมาะกับนักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้สูง และผู้ต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังต่างประเทศ เพราะว่าไม่ได้มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเอาไว้
นางโชติกา กล่าวว่า บริษัทยังไม่ได้มีการนำกองทุนที่มีลักษณะการลงทุนคล้ายกันมายุบรวมกัน ซึ่งได้แก่ กองทุนกลุ่มมั่นคง (ตราสารแห่งทุน) ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง (SCBMF) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 2 (SCBMF2) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 3 (SCBMF3) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 4 (SCBMF4) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 5 (SCBMF5) เพราะว่ามีขั้นตอนที่ค่อนข้างยุ่งยาก โดยยังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงขบวนการลงทุนในด้านต่างๆ ทั้งการวิเคราะห์ รวมทั้งเครื่องมือในการการลงทุน จึงจำเป็นต้องเลื่อนแผนการยุบรวมกองทุนออกไปก่อน
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดขายกองทุนใหม่ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 5Y6M1 (SCBFI5Y6M1) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท และอายุโครงการประมาณ 5 ปี 6 เดือน เน้นลงทุนในหุ้นกู้เอกชนชั้นดี และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ฟอร์เรน โนท 3M5 (SCBFRN3M5) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท และอายุโครงการประมาณ 3 เดือน เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ โดยได้เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) และครั้งเดียวตั้งแต่วันนี้ - 16 พฤศจิกายน 2552 และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 10,000 บาท