บลจ.ไทยพาณิชย์ชะลอการออกหุ้นกู้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ออกไป ปลื้มผลตอบรับกองทุน CPNRF ค่อนข้างดี เดินหน้าลุยขายกองทุน LTF และกองทุนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุสั้นในช่วงปลายปีนี้ คาดว่าช่วยดึงดูดเม็ดเงินได้ 5,000 ล้านบาท
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า แผนงานในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะชะลอการออกกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นกู้เอกชน แต่ได้ให้ความสนใจลงทุนในเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ในหลายตลาด ซึ่งจะลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อสวอปกลับมาแล้วจะได้รับผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจ ซึ่งสูงกว่าการฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ในประเทศ และการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย
ส่วนเสนอขายส่วนเพิ่มทุนครั้งที่ 1 ของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) พบว่า ผลตอบรับจากนักลงทุนค่อนข้างดี ส่วนใหญ่นักลงทุนรายเดิมจะไม่ขายหน่วยลงทุนออกไป โอกาสนี้ยังเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าไปลงทุนด้วย ซึ่งนักลงทุนรายเดิมที่ได้รับเงินปันผล 30 สตางค์ต่อหน่วย เพื่อนำไปซื้อหน่วยลงทุนที่ 8.90 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวยังเปิดให้นักลงทุนเข้าซื้อหน่วยลงทุนตั้งแต่วันนี้ – 27 ตุลาคม 2552 และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 50,000 บาท
โดยภายหลังจากขายกองทุน CPNRF เรียบร้อยแล้ว บริษัทจะหันมาส่งเสริมการขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุสั้น ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรรัฐบาล 3M13 (SCBGB3M13) ซึ่งจะมีออปชั่นเมื่อลงทุน 3 เดือนจะยังได้รับผลตอบแทน 0.75% จากนั้นเมื่อครบกำหนดแล้วยังได้รับสิทธิเงินฝากประจำ 3 เดือนที่ให้ผลตอบแทน 1.00%ต่อปี (รายได้ก่อนหักภาษี) เพื่อเป็นการแนะนำลูกค้าที่ไม่เคยลงทุนในกองทุนรวมมาก่อน โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ฝากเงินที่สามารถรับความเสี่ยงได้ต่ำ คาดว่าจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท
นางโชติกา กล่าวว่า กองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของเกาหลีใต้ ภายหลังจากการที่ธนาคารชาติเกาหลีใต้ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00% ต่อปี บริษัทจะออกกองทุนดังกล่าวน้อยลง โดยจะลงทุนอายุ 6 เดือน – 1 ปี และจะออกกองทุนหุ้นกู้ที่มีอายุ 3 – 5 ปีขึ้น การที่บริษัทพยายามยืดอายุของตราสารหนี้ เพราะว่าอัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้อายุยาวจะดีกว่า และจะมีการดีไซน์อัตราดอกเบี้ยเป็นแบบขั้นบันได
สำหรับกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ที่เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวตั้งแต่วันนี้ – 28 ตุลาคม 2552 มีจำนวน 3 กองทุน ได้แก่ เปิดไทยพาณิชย์ ฟอร์เรน โนท 1Y6M (SCBFRN1Y6M) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ฟอร์เรน โนท 1Y34 (SCBFRN1Y34) และ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ฟอร์เรน โนท 6M32 (SCBFRN6M32) ทั้งนี้กองทุนมีอายุโครงการประมาณ 1 ปี 6 เดือน 1 ปี และ 6 เดือน คาดว่าจะให้ผลตอบแทนประมาณ 3.00%ต่อปี 2.40%ต่อปี และ2.20%ต่อปีตามลำดับ และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 10,000 บาท
ขณะที่แผนงานของบริษัทในปี 2553 จะเน้นยืดอายุตราสารหนี้ออกไป และออกกองทุนหุ้นกู้ โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้าอัตราดอกเบี้ยจะยังต่ำ และยังไม่ขยับขึ้นไป ทำให้บริษัทจะออกกองทุนหุ้นกู้ที่มีอายุโครงการยาวขึ้น เพื่อหาโอกาสเพิ่มผลตอบแทนให้กับนักลงทุน อาทิ มาเลเซีย ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลจีนหาซื้อไม่ได้ เพราะว่าปริมาณออกมาค่อนข้างน้อย
