บลจ.ไทยพาณิชย์ยังเน้นขายกองทุนพันธบัตรรัฐบาลแดนโสมต่อเนื่องถึงไตรมาส 4 พร้อมระบุกองอายุ 2 ปีและ 3 ปีขายดี เหตุนักลงทุนต้องการล็อกผลตอบแทนไว้ เมินออกกองทุน SET 50 และSET 100 หลังจากดัชนีในปัจจุบันไม่น่าสนใจต่อการเข้าไปลงทุน
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเน้นเปิดขายกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันจะมีกองทุนหลายช่วงอายุโครงการให้เลือกลงทุนไม่ว่าจะเป็นแบบ 6 เดือน 9 เดือน 2 ปี และ 3 ปี ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา กองทุนที่ขายดีที่สุดเป็นกองทุนที่มีอายุโครงการประมาณ 2 ปีและ 3 ปี เนื่องจากอัตราผลตอบแทนปรับตัวเพิ่มขึ้น และนักลงทุนต้องการล็อกอัตราผลตอบแทนไว้
ขณะเดียวกัน เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (อาร์/พี) ขึ้นไปรวดเดียว 3%ต่อปี คาดว่าจะใช้เวลาพอสมควร และน่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เฉลี่ยไม่เกินปีละ 1% ส่งผลให้อาจจะต้องใช้เวลาถึง 3 ปีอัตราดอกเบี้ยจึงจะปรับขึ้นไปในระดับเดียวกับผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ในปัจจุบัน ทำให้ยังมีความคุ้มค่ากับการล็อกอัตราผลตอบแทนไว้
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมองว่ากองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้น่าจะขายได้อย่างต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 4 ของปีนี้ แต่หากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรดังกล่าวปรับลดลงจนน้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยของเงินฝากธนาคารพาณิชย์ บริษัทก็จะไม่ออกกองทุนประเภทดังกล่าวออกมาขายอีก
นางโชติกา กล่าวว่า แผนงานการออกกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นกู้เอกชนในประเทศ อายุโครงการประมาณ 5 ปี มูลค่าโครงการรวม 20,000 ล้านบาท ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก โดยยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา และรวบรวมหุ้นกู้เอกชนที่จะนำมาลงทุน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากพอสมควร
ส่วนความคืบหน้าของกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม SET 50 และ SET 100 โดยในปัจจุบันยังไม่ตัดสินใจออกกองทุนดังกล่าว เนื่องจากระดับดัชนีหุ้นไทยในปัจจุบันค่อนข้างทรงตัวอยู่ในระดับ 650 จุด ส่งผลให้ยังไม่น่าสนใจในการเข้าไปลงทุน โดยระดับที่น่าสนใจอยู่ที่ 600 จุด หากดัชนีหุ้นปรับตัวลดลงมาที่ระดับดังกล่าวจึงจะเปิดขายกองทุนดังกล่าว ทั้งนี้ ในปัจจุบัน บริษัทมีเพียงกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เท่านั้น
สำหรับแผนงานกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จะเน้นเพิ่มทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) ให้ได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ โดยในปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการนำกองทุนเข้าสู่กระบวนการรับประกันการจัดจำหน่าย (อันเดอร์ไรท์) และต่อรองราคาของสินทรัพย์ ซึ่งโครงการจะเข้าไปลงทุนการเช่าอาคารศูนย์การค้า (บางส่วน) จำนวน 1 อาคารและอาคารสำนักงาน จำนวน 2 อาคาร (ทั้งอาคาร) ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการเซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า รวมทั้งที่จอดรถยนต์ภายในอาคาร
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเน้นเปิดขายกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันจะมีกองทุนหลายช่วงอายุโครงการให้เลือกลงทุนไม่ว่าจะเป็นแบบ 6 เดือน 9 เดือน 2 ปี และ 3 ปี ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา กองทุนที่ขายดีที่สุดเป็นกองทุนที่มีอายุโครงการประมาณ 2 ปีและ 3 ปี เนื่องจากอัตราผลตอบแทนปรับตัวเพิ่มขึ้น และนักลงทุนต้องการล็อกอัตราผลตอบแทนไว้
ขณะเดียวกัน เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (อาร์/พี) ขึ้นไปรวดเดียว 3%ต่อปี คาดว่าจะใช้เวลาพอสมควร และน่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เฉลี่ยไม่เกินปีละ 1% ส่งผลให้อาจจะต้องใช้เวลาถึง 3 ปีอัตราดอกเบี้ยจึงจะปรับขึ้นไปในระดับเดียวกับผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ในปัจจุบัน ทำให้ยังมีความคุ้มค่ากับการล็อกอัตราผลตอบแทนไว้
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมองว่ากองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้น่าจะขายได้อย่างต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 4 ของปีนี้ แต่หากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรดังกล่าวปรับลดลงจนน้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยของเงินฝากธนาคารพาณิชย์ บริษัทก็จะไม่ออกกองทุนประเภทดังกล่าวออกมาขายอีก
นางโชติกา กล่าวว่า แผนงานการออกกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นกู้เอกชนในประเทศ อายุโครงการประมาณ 5 ปี มูลค่าโครงการรวม 20,000 ล้านบาท ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก โดยยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา และรวบรวมหุ้นกู้เอกชนที่จะนำมาลงทุน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากพอสมควร
ส่วนความคืบหน้าของกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม SET 50 และ SET 100 โดยในปัจจุบันยังไม่ตัดสินใจออกกองทุนดังกล่าว เนื่องจากระดับดัชนีหุ้นไทยในปัจจุบันค่อนข้างทรงตัวอยู่ในระดับ 650 จุด ส่งผลให้ยังไม่น่าสนใจในการเข้าไปลงทุน โดยระดับที่น่าสนใจอยู่ที่ 600 จุด หากดัชนีหุ้นปรับตัวลดลงมาที่ระดับดังกล่าวจึงจะเปิดขายกองทุนดังกล่าว ทั้งนี้ ในปัจจุบัน บริษัทมีเพียงกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เท่านั้น
สำหรับแผนงานกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จะเน้นเพิ่มทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) ให้ได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ โดยในปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการนำกองทุนเข้าสู่กระบวนการรับประกันการจัดจำหน่าย (อันเดอร์ไรท์) และต่อรองราคาของสินทรัพย์ ซึ่งโครงการจะเข้าไปลงทุนการเช่าอาคารศูนย์การค้า (บางส่วน) จำนวน 1 อาคารและอาคารสำนักงาน จำนวน 2 อาคาร (ทั้งอาคาร) ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการเซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า รวมทั้งที่จอดรถยนต์ภายในอาคาร