บลจ.ไทยพาณิชย์เผยผลการดำเนินงานของกองทุนกลุ่ม "มั่นคง" พบ 6 กองผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนปรับตัวบวกถ้วนหน้า ผู้จัดการกองทุนชี้ รับอานิสงส์ตลาดหุ้นปรับขึ้น เน้นลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน และแบงก์พาณิชย์เป็นหลัก เผยอยู่ในระหว่างการควบรวมกองทุนให้เหลือเพียงกองเดียว หวังช่วยลดค่าใช้จ่าย และต้นทุนการดำเนินงาน
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงานของกองทุนกลุ่มมั่นคง (ตราสารแห่งทุน) ล่าสุด ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2552 พบว่า กองทุนหุ้นทั้ง 6 กองทุนมีผลการดำเนินงานย้อนหลังไป 6 เดือนปรับตัวเป็นบวกทั้งหมด โดยกองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง (SCBMF) มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 46.18% เทียบกับดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ 50.48% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 45.11%เทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 47.03% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -13.88% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ -21.14% ขณะที่ย้อนหลังตั้งแต่ปลายปี (30 ธ.ค.51) อยู่ที่ 38.77% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 38.80% และย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 12.93% ซึ่งเมื่อเทียบดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ -11.96%
ขณะที่กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 2 (SCBMF2) มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 45.92% เทียบกับดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ 50.48% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 44.53%เทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 47.03% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -14.30% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ -21.14% ขณะที่ย้อนหลังตั้งแต่ปลายปี (30 ธ.ค.51) อยู่ที่ 38.33% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 38.80% และย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 10.04% ซึ่งเมื่อเทียบดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ -11.96%
ทางด้านกองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 3 (SCBMF3) มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 46.19% เทียบกับดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ 50.48% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 44.81%เทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 47.03% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -15.84% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ -21.14% ขณะที่ย้อนหลังตั้งแต่ปลายปี (30 ธ.ค.51) อยู่ที่ 38.47% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 38.80% และย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 9.37% ซึ่งเมื่อเทียบดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ -11.96%
ส่วนกองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 4 (SCBMF4) มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 48.16% เทียบกับดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ 50.48% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 46.61%เทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 47.03% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -13.32% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ -21.14% ขณะที่ย้อนหลังตั้งแต่ปลายปี (30 ธ.ค.51) อยู่ที่ 40.31% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 38.80% และย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 12.34% ซึ่งเมื่อเทียบดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ -11.96%
ด้านกองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 5 (SCBMF5) มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 46.70% เทียบกับดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ 50.48% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 45.18%เทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 47.03% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -14.32% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ -21.14% ขณะที่ย้อนหลังตั้งแต่ปลายปี (30 ธ.ค.51) อยู่ที่ 38.97% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 38.80% และย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 9.40% ซึ่งเมื่อเทียบดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ -11.96%
ขณะเดียวกัน กองทุนเปิดไทยพาณิชย์เพิ่มผลมั่นคง (SCBPMO) มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 43.01% เทียบกับดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ 50.48% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 37.80%เทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 47.03% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -19.30% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ -21.14% ขณะที่ย้อนหลังตั้งแต่ปลายปี (30 ธ.ค.51) อยู่ที่ 32.50% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 38.80% และย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 6.84% ซึ่งเมื่อเทียบดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ -11.96%
ด้านนายธนากรณ์ พันธุ์พฤกษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า ผลตอบแทนของกองทุนกลุ่มมั่นคงได้ปรับตัวขึ้นมาสูง เนื่องจากตลาดหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมา โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในหุ้นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นหลัก และทั้งหมดจะเน้นลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรม ชนิดของหุ้น และน้ำหนักในการลงทุนไม่แตกต่างกันมากนัก
โดยก่อนหน้านี้ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 2 และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 3 เป็นกองทุนปิด แต่หลังจากครบกำหนดอายุโครงการแล้วได้เปลี่ยนมาเป็นกองเปิดแทน และกองทุนกลุ่มมั่นคงจะมีนโยบายในการลงทุนเหมือนกันทั้งหมด หรือแตกต่างกันน้อยมาก ทำให้ผลตอบแทนของกองทุนกลุ่มนี้มีเปอร์เซ็นต์ที่ใกล้เคียงกัน
ปัจจุบัน กองทุนกลุ่มมั่นคงเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานประมาณ 31.5% และหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ประมาณ 23% ส่วนที่เหลือกระจายการลงทุนไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา กองทุนกลุ่มมั่นคงสร้างความสับสนให้กับลูกค้าเป็นอย่างมาก และสอบถามว่ากองทุนกลุ่มนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร
ขณะเดียวกัน บริษัทยังอยู่ในระหว่างการรวมกองทุนทั้งหมดเป็นกองเดียวเท่านั้น เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย และต้นทุนในการดำเนินงาน อาทิ ค่าผู้ตรวจสอบบัญชีจะคิดค่าใช้จ่ายเป็นรายกองทุน โดยในปัจจุบันคิดค่าตรวจสอบบัญชีที่ 80,000 บาทต่อกองทุน ส่งผลให้เมื่อปรับลดเหลือเพียงกองทุนดียว จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เป็นจำนวนมาก
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงานของกองทุนกลุ่มมั่นคง (ตราสารแห่งทุน) ล่าสุด ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2552 พบว่า กองทุนหุ้นทั้ง 6 กองทุนมีผลการดำเนินงานย้อนหลังไป 6 เดือนปรับตัวเป็นบวกทั้งหมด โดยกองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง (SCBMF) มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 46.18% เทียบกับดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ 50.48% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 45.11%เทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 47.03% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -13.88% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ -21.14% ขณะที่ย้อนหลังตั้งแต่ปลายปี (30 ธ.ค.51) อยู่ที่ 38.77% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 38.80% และย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 12.93% ซึ่งเมื่อเทียบดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ -11.96%
ขณะที่กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 2 (SCBMF2) มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 45.92% เทียบกับดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ 50.48% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 44.53%เทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 47.03% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -14.30% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ -21.14% ขณะที่ย้อนหลังตั้งแต่ปลายปี (30 ธ.ค.51) อยู่ที่ 38.33% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 38.80% และย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 10.04% ซึ่งเมื่อเทียบดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ -11.96%
ทางด้านกองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 3 (SCBMF3) มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 46.19% เทียบกับดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ 50.48% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 44.81%เทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 47.03% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -15.84% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ -21.14% ขณะที่ย้อนหลังตั้งแต่ปลายปี (30 ธ.ค.51) อยู่ที่ 38.47% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 38.80% และย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 9.37% ซึ่งเมื่อเทียบดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ -11.96%
ส่วนกองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 4 (SCBMF4) มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 48.16% เทียบกับดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ 50.48% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 46.61%เทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 47.03% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -13.32% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ -21.14% ขณะที่ย้อนหลังตั้งแต่ปลายปี (30 ธ.ค.51) อยู่ที่ 40.31% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 38.80% และย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 12.34% ซึ่งเมื่อเทียบดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ -11.96%
ด้านกองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 5 (SCBMF5) มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 46.70% เทียบกับดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ 50.48% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 45.18%เทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 47.03% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -14.32% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ -21.14% ขณะที่ย้อนหลังตั้งแต่ปลายปี (30 ธ.ค.51) อยู่ที่ 38.97% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 38.80% และย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 9.40% ซึ่งเมื่อเทียบดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ -11.96%
ขณะเดียวกัน กองทุนเปิดไทยพาณิชย์เพิ่มผลมั่นคง (SCBPMO) มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 43.01% เทียบกับดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ 50.48% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 37.80%เทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 47.03% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -19.30% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ -21.14% ขณะที่ย้อนหลังตั้งแต่ปลายปี (30 ธ.ค.51) อยู่ที่ 32.50% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 38.80% และย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 6.84% ซึ่งเมื่อเทียบดัชนีมาตรฐานตราสารทุนอยู่ที่ -11.96%
ด้านนายธนากรณ์ พันธุ์พฤกษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า ผลตอบแทนของกองทุนกลุ่มมั่นคงได้ปรับตัวขึ้นมาสูง เนื่องจากตลาดหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมา โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในหุ้นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นหลัก และทั้งหมดจะเน้นลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรม ชนิดของหุ้น และน้ำหนักในการลงทุนไม่แตกต่างกันมากนัก
โดยก่อนหน้านี้ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 2 และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง 3 เป็นกองทุนปิด แต่หลังจากครบกำหนดอายุโครงการแล้วได้เปลี่ยนมาเป็นกองเปิดแทน และกองทุนกลุ่มมั่นคงจะมีนโยบายในการลงทุนเหมือนกันทั้งหมด หรือแตกต่างกันน้อยมาก ทำให้ผลตอบแทนของกองทุนกลุ่มนี้มีเปอร์เซ็นต์ที่ใกล้เคียงกัน
ปัจจุบัน กองทุนกลุ่มมั่นคงเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานประมาณ 31.5% และหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ประมาณ 23% ส่วนที่เหลือกระจายการลงทุนไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา กองทุนกลุ่มมั่นคงสร้างความสับสนให้กับลูกค้าเป็นอย่างมาก และสอบถามว่ากองทุนกลุ่มนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร
ขณะเดียวกัน บริษัทยังอยู่ในระหว่างการรวมกองทุนทั้งหมดเป็นกองเดียวเท่านั้น เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย และต้นทุนในการดำเนินงาน อาทิ ค่าผู้ตรวจสอบบัญชีจะคิดค่าใช้จ่ายเป็นรายกองทุน โดยในปัจจุบันคิดค่าตรวจสอบบัญชีที่ 80,000 บาทต่อกองทุน ส่งผลให้เมื่อปรับลดเหลือเพียงกองทุนดียว จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เป็นจำนวนมาก