บลจ.แมนูไลฟ์ เผยดัชนีหุ้นขึ้นเร็วเหนือความคาดหมาย ดันราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม คาดโอกาสถึง 600 จุดเร็วๆนี้ เหตุนักลงทุนต่างชาติเริ่มเข้าซื้อ ล่าสุดยอดรวมเกือบ 3 เดือน เฉียด 14,000 ล้านบาท ด้านผลการดำเนินงานกองทุนหุ้น รับอานิสงส์เต็มที่ทุกกอง ก่อนเลือกปรับพอร์ตเก็บหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพิ่ม
นายพนุกร จันทรประภพ ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การที่ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในขณะนี้ ถือได้ว่าเป็นการเพิ่มขึ้นที่เร็วมากและอยู่เหนือความคาดหมายของนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดยการปรับขึ้นนั้นเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นทั่วทั้งโลก ไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉพาะแต่ในประเทศไทยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาการลงทุนของกองทุนหุ้นนั้น ยังเป็นคงเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน หุ้นกลุ่มแบงก์เป็นหลัก ซึ่งจากการที่ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้หุ้นทั้งสองกลุ่มนี้ได้รับอานิสงส์ราคาปรับตัวตาม จึงทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ด้วย ทั้งนี้ บริษัทจึงมีการตัดหุ้นบ้างตัวขายเพื่อทำกำไรบ้าง อีกทั้ง มีการปรับพอร์ตการลงทุน โดยหันไปลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น นอกจากหุ้นทั้งสองกลุ่มที่กล่าวมา
"การที่ตลาดหุ้นขึ้น ทำให้ราคาหุ้นเกือบทุกตัวได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงทำให้กองทุนหุ้นภายใต้การบริหารของเรามีการปรับพอร์ตเพื่อทำกำไรบ้าง โดยเราจะต้องดูหุ้นในพอร์ต การลงทุนของเราว่ามีหุ้นตัวไหนบ้าง ที่มีราคาเกินมูลค่าที่แท้จริงเมื่อนำมาเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน เพื่อตัดออกขายทำกำไร แล้วหลังจากนั้นเราจะไปซื้อหุ้นตัวใหม่ที่ราคาไม่สะท้อนความเป็นจริงที่ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน" นายพนุกร กล่าว
สำหรับการคาดการณ์แนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์นั้น นายพนุกร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า โอกาสที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงระยะสั้นๆนั้นจะปรับตัวขึ้นไปถึง 600 จุด ยังคงมีความเป็นไปได้ จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศ โดยพบว่ามูลค่าการซื้อขายหุ้นในประเทศจากนักลงทุนต่างชาติเมื่อเดือนมีนาคม - กลางเดือนพฤษภาคม 2552 นั้นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13,800 ล้านบาท
"การที่ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นในขณะนี้ ส่วนใหญ่มากจากแรงสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศที่ค่อยซื้อสุทธิวันละนิด จนขณะนี้พบว่าสูงกว่าหมื่นล้าน ในช่วงระยะเวลาแค่ 2 เดือนกว่าๆ จากจุดนี้ถือได้ว่าเป็นเม็ดเงินจำนวนมากที่เข้ามาลงทุน ไม่ได้มาจากแรงซื้อของนักลงทุนในประเทศแต่อย่างใด ดังนั้น หากดัชนีพุ่งถึง 600 จุดในช่วงสั้นๆ นักลงทุนจะต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากยิ่งขึ้น" นายพนุกร กล่าว
โดย ณ วันที่ 19 พฤษภาคม 2552 พบว่าผลการดำเนินงานของกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ คอร์ หุ้นระยะยาว มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 31.06 % ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 40.84% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่-32.14% และผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 27.86%
สำหรับกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ คอร์ อิควิตี้ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 30.76 % ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 42.63% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่-36.86% และผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 27.29%
ด้านกองทุนเปิดแมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อิควิตี้ แวลู มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 26.79% ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 42.39% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -27.81%และผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 25.12%
ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 26.01% ขณะที่ย้อนหลัง 6 เดือน 36.22% ส่วนย้อนหลัง 1 ปี -36.06 และผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 23.67% ทั้งนี้ เกณฑ์มาตรฐานเปรียบเทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นายพนุกร จันทรประภพ ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การที่ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในขณะนี้ ถือได้ว่าเป็นการเพิ่มขึ้นที่เร็วมากและอยู่เหนือความคาดหมายของนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดยการปรับขึ้นนั้นเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นทั่วทั้งโลก ไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉพาะแต่ในประเทศไทยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาการลงทุนของกองทุนหุ้นนั้น ยังเป็นคงเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน หุ้นกลุ่มแบงก์เป็นหลัก ซึ่งจากการที่ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้หุ้นทั้งสองกลุ่มนี้ได้รับอานิสงส์ราคาปรับตัวตาม จึงทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ด้วย ทั้งนี้ บริษัทจึงมีการตัดหุ้นบ้างตัวขายเพื่อทำกำไรบ้าง อีกทั้ง มีการปรับพอร์ตการลงทุน โดยหันไปลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น นอกจากหุ้นทั้งสองกลุ่มที่กล่าวมา
"การที่ตลาดหุ้นขึ้น ทำให้ราคาหุ้นเกือบทุกตัวได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงทำให้กองทุนหุ้นภายใต้การบริหารของเรามีการปรับพอร์ตเพื่อทำกำไรบ้าง โดยเราจะต้องดูหุ้นในพอร์ต การลงทุนของเราว่ามีหุ้นตัวไหนบ้าง ที่มีราคาเกินมูลค่าที่แท้จริงเมื่อนำมาเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน เพื่อตัดออกขายทำกำไร แล้วหลังจากนั้นเราจะไปซื้อหุ้นตัวใหม่ที่ราคาไม่สะท้อนความเป็นจริงที่ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน" นายพนุกร กล่าว
สำหรับการคาดการณ์แนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์นั้น นายพนุกร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า โอกาสที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงระยะสั้นๆนั้นจะปรับตัวขึ้นไปถึง 600 จุด ยังคงมีความเป็นไปได้ จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศ โดยพบว่ามูลค่าการซื้อขายหุ้นในประเทศจากนักลงทุนต่างชาติเมื่อเดือนมีนาคม - กลางเดือนพฤษภาคม 2552 นั้นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13,800 ล้านบาท
"การที่ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นในขณะนี้ ส่วนใหญ่มากจากแรงสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศที่ค่อยซื้อสุทธิวันละนิด จนขณะนี้พบว่าสูงกว่าหมื่นล้าน ในช่วงระยะเวลาแค่ 2 เดือนกว่าๆ จากจุดนี้ถือได้ว่าเป็นเม็ดเงินจำนวนมากที่เข้ามาลงทุน ไม่ได้มาจากแรงซื้อของนักลงทุนในประเทศแต่อย่างใด ดังนั้น หากดัชนีพุ่งถึง 600 จุดในช่วงสั้นๆ นักลงทุนจะต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากยิ่งขึ้น" นายพนุกร กล่าว
โดย ณ วันที่ 19 พฤษภาคม 2552 พบว่าผลการดำเนินงานของกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ คอร์ หุ้นระยะยาว มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 31.06 % ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 40.84% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่-32.14% และผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 27.86%
สำหรับกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ คอร์ อิควิตี้ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 30.76 % ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 42.63% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่-36.86% และผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 27.29%
ด้านกองทุนเปิดแมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อิควิตี้ แวลู มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 26.79% ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 42.39% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -27.81%และผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 25.12%
ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 26.01% ขณะที่ย้อนหลัง 6 เดือน 36.22% ส่วนย้อนหลัง 1 ปี -36.06 และผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 23.67% ทั้งนี้ เกณฑ์มาตรฐานเปรียบเทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
