xs
xsm
sm
md
lg

ฟันธงหลัง4ปีหุ้นดีดกลับเท่าปี50 ลุ้นปัจจัยบวกพลิกศก.ปีหน้าฟื้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการกองทุนประสานเสียง ต้องใช้เวลา 4 ปี เป็นอย่างต่ำ กว่าราคาหุ้นไทยดีดกลับเท่าปี 2550 จับตาตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศ-เมืองลุงแซม ปัจจัยสำคัญ เชื่อหากเศรษฐกิจทั่วโลกดี การเมืองนิ่ง ดึงนักลงทุนกลับเข้ามาได้ ลุ้นปีหน้า แนวโน้มเศรษฐกิจเริ่มพลิกฟื้น หลังได้อานิสงส์จากหลายปัจจัยบวกช่วยหนุน

นายอรุณศักดิ์ จรูญวงศ์นิรมล
ผู้อำนวยการสายงานจัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) เอสซีบี ควอนท์ จำกัด เปิดเผยว่า จากภาวะวิกฤตทางการเงินที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้กองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผลการดำเนินงานของกองทุนที่ปรับตัวลดลงไปกว่า 50% เมื่อเปรียบเทียบจากปี 2550 ที่ผ่านมา การลงทุนในกองทุนหุ้นนั้น สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุนมาโดยตลอด ซึ่งจากผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ส่งผลระยะยาวต่อการลงทุน ทำให้นักลงทุนไม่มีความมั่นใจที่จะกลับเข้ามาลงทุนในกองทุนหุ้น เพราะกลัวความเสี่ยงและความผันผวนของตลาด ทั้งนี้ คาดว่าการสร้างผลตอบแทนสำหรับกองทุนรวมหุ้นนั้น จะต้องใช้เวลาประมาณ 4 ปีกว่าที่ดัชนีและระบบเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นเหมือนปี 2550

ทั้งนี้ ปัจจัยที่จะทำให้กองทุนหุ้นมีผลตอบแทนที่ดีเท่ากับปี 2550 นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 อย่างด้วยกัน ปัจจัยแรก คือ ในส่วนของตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงตัวเลขผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศว่ามีแนวโน้มเป็นเช่นไร หากตัวเลขต่างๆเหล่านี้ มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จะสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของตลาดหุ้น แต่หากว่าตัวเลขต่างที่ประกาศออกมานั้น มีแนวโน้มย่ำแย่กว่าที่มีการคาดการณ์กันไว้ ก็จะสะท้อนให้เห็นถึงผลสภาพเศรษฐกิจที่จะยังคงชะลอตัวต่อไป ซึ่งจากการที่นักวิเคราะห์ได้ประมาณการณ์ไว้เกี่ยวกับระยะเวลาในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ส่งผลให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น เพราะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในเชิงจิตวิทยาให้แก่นักลงทุน ทั้งนี้จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นทำให้นักลงทุนเริ่มที่จะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นและประเทศไทยจะได้รับอานิสงส์จากจุดนี้ด้วย

สำหรับปัจจัยที่สอง ที่นักลงทุนจะต้องจับตามองเป็นอย่างยิ่ง คือ ปัจจัยเศรษฐกิจภายในประเทศ เพราะถ้าหากเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้นหมด แต่เศรษฐกิจไทยไม่ได้ปรับตัวตาม เนื่องจากปัจจัยทางด้านการเมือง ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศ จนทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศไม่ความมั่นใจไม่กล้าที่จะลงทุน ซึ่งที่ผ่านมานั้น ตลาดหุ้นทั่วโลกได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ตลาดหุ้นไทยกลับปรับตัวไม่ดีมากนัก เนื่องจากหลายๆปัจจัยเข้ามากระทบ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมากนัก เนื่องจากยังมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ อีกทั้ง ยังมีปัจจัยบวกเข้ามาช่วยหนุนตลาดด้วย

"การลงทุนของกองทุนหุ้นส่วนมาก ยังคงอิงกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์เป็นหลัก หากดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น ราคาหุ้นก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม โดยการซื้อขายหุ้นที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้เป็นการซื้อขายในระยะสั้นเพื่อทำกำไร ทำให้ดัชนีหุ้นมีการเคลื่อนไหวในช่วงแคบๆ"นายอรุณศักดิ์ กล่าว

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไตรมาส 2 มองว่า น่าจะดีขึ้น เนื่องจากการลงทุนมีความเสี่ยงน้อยลง จึงทำให้ในการลงทุนในหุ้นน่าสนใจขึ้น โดยเฉพาะการเลือกลงทุนในหุ้นรายตัว ซึ่งคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุนได้ ขณะที่การลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวจะยังคงทำกำไรได้บ้าง แต่เมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์อย่างอื่น การลงทุนชนิดนี้ให้ผลตอบแทนน้อยมาก เพราะผลตอบแทนของตราสารหนี้ปรับตัวลดลงมากจากก่อนหน้านี้

"การลงทุนในตลาดหุ้นของเรานั้น จะเป็นการกระจายการลงทุน โดยเน้นการลงทุนในธุรกิจที่สามารถทำความเข้าใจได้ง่ายไม่ซับซ้อนมากนัก มีพื้นฐานบริษัทที่แข็งแกร่งและทำเพื่อผู้ถือหุ้นจริงๆ ซึ่งก่อนการลงทุนจะมีการเข้าไปเยี่ยมชมบริษัทเหล่านั้น เพื่อให้เราๆได้รู้พื้นฐานภายในบริษัทว่าเป็นอย่างไร และทำให้เราสามารถประเมินราคาหุ้นในขณะนั้นได้ กลยุทธ์การลงทุนของเรานั้น จะเลือกซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดี ในช่วงที่ราคาถูก เน้นปรับพอร์ตการลงทุนในช่วงที่หุ้นตก โดยเราจะมองหาหุ้นที่มีการเติบโตดีในระยะกลางและระยะยาว ซึ่งเราจะทำการซื้อหุ้นเข้ามาสะสมไว้ในพอร์ตการลงทุนในช่วงที่ราคาต่ำและจะมีการขายออกบ้างเพื่อทำกำไร" นายอรุณศักดิ์กล่าว

นายชัยพฤกษ์ กุลกาญจนาธร ผู้จัดการกองทุน บลจ. วรรณ กล่าวว่า เมื่อปี 2550 ที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากว่า เศรษฐกิจดี ทำให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่างๆดีตามไปด้วย จึงทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั้งเกิดวิกฤตการเงินในสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง โดยในครึ่งปีแรกของปี 2551 ราคาหุ้นได้มีการเหวี่ยงตัวต่ำสุดอยู่ที่ 410 และสูงสุด450 จุด จากที่ก่อนหน้านี้ ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวอยู่ที่ 800 จุด

ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจจะเริ่มพลิกฟื้นได้ในช่วงของต้นปี 2553 โดยมีความเป็นไปได้สูง เพราะเริ่มมีปัจจัยบวกต่างๆเข้ามาทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่โอกาสที่ราคาหุ้นจะกลับไปเหมือนปี 2550 นั้นจะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 8 ปี ซึ่งหากเป็นการลงทุนในระยะยาวๆนั้น ที่ราคาขณะนี้ นักลงทุนสามารถที่จะลงทุนได้เพื่อสร้างผลตอบแทนในช่วงที่ดัชนีปรับตัวดีขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น