xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.มองดัชนี380จุดแนวรับหุ้นไทย มั่นใจทั้งปียังรีบานด์กลับขึ้นไปได้แต่ยังไม่ยั่งยืน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการกองทุนประเมินดัชนีหุ้นไทย โอกาสหลุดแนวรับ 380 จุด มีน้อย "กสิกรไทย" ชี้ เป็นจุดต่ำสุดพอสมควรแล้ว มีลุ้นทั้งปี ได้เห็นดัชนีขึ้นไปสูงสุดที่ 490 จุด ขณะที่ "ไทยพาณิชย์" มองกรอบสิ้นปี 440 จุด ระบุรอดุทิศทางอีกครั้ง ในช่วงครึ่งปีหลัง

นายประเสริฐ ขนบธรรมชัย
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยถึงแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ดัชนีหุ้นไทยน่าจะรีบานด์กลับขึ้นมาได้บ้าง โดยบลจ.กสิกรไทยคาดการณ์ว่าทั้งปีนี้ น่าจะเห็นดัชนีหุ้นไทยสามารถปรับตัวขึ้นไปอยู่ในระดับสูงสุดได้ 490 จุด ซึ่งเป็นการปรับลดลงจากเป้าหมายเดิมที่เราคาดการณ์ไว้ที่ 550 จุด ส่วนขาลง มองว่าระดับดัชนี 380 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ตลาดหุ้นไทยเคยลดลงไปก่อนน่านี้ น่าจะเป็นจุดต่ำสุดพอสมควรแล้ว

ทั้งนี้ จะเห็นว่าที่ผ่านมา ถึงแม้ตลาดหุ้นต่างประเทศจะปรับตัวลงบ้าง แต่ตลาดหุ้นไทยเองไม่ได้ลงตามมากนัก เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโดยตรง ซึ่งในส่วนของการส่งออกเองก็อาจจะมีบ้าง แต่ในประเทศของเราเองยังถือว่าพอไปได้ โดยเฉพาะภาคสถาบันการเงิน ที่ยังไม่มีปัญหา แต่อาจจะต้องเหนื่อยบ้าง

"ถ้าคนมองว่าเศรษฐกิจโลกดี สามารถแก้ปัญหาได้แล้ว ก็มีโอกาสที่นักลงทุนจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นได้อีกครั้ง แต่อาจจะมีผลต่อการปรับขึ้นของตลาดหุ้นไม่แรงมากนัก "นายประเสริฐกล่าว

นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีหุ้นในปีนี้ประเมินไว้ที่ 440 จุด กรอบแนวรับอยู่ที่ 380 จุด แม้ระยะสั้นดัชนีอาจปรับตัวขึ้นแต่เป็นการปรับตัวขึ้นด้วยข่าวหรือมาตรการที่เข้ามา แต่การขึ้นอย่างยั่งยืนยังไม่เห็น ดังนั้นหากดัชนีลงสู่ 380 จุดเป็นระดับที่สนใจซื้อ ขณะที่ปัจจุบันกองทุนหุ้นถือเงินสด 10% มากกว่าภาวะปกติที่ลงทุนเกือบเต็ม 100% และในบางช่วงเคยถือเงินสดถึง 20% ก็มีนับตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

“หุ้นยังไม่ดี ต้องรอดูครึ่งปีหลัง เพราะเราเชื่อว่าปัญหาสหรัฐฯ ยังไม่จบ ขณะเดียวกันตัวเลขการบริโภคลดลงต่อเนื่องคงต้องรอดูตัวเลขในไตรมาส 1 ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร”นางโชติกา กล่าว

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังให้น้ำหนักการลงทุน ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากมองว่ายังมีอัตราการเติบโตอยู่ กลุ่มพลังงานและค้าปลีกที่เกี่ยวกับการบริโภค ขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์มองว่าหากราคาหุ้นปรับตัวลงมามากกว่านี้จึงจะกลับไปซื้อ

นายพนุกร จันทรประภพ ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า โดยส่วนตัวมองว่าตลาดหุ้นต่างประเทศได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว จึงทำให้ปัจจุบันนี้ เริ่มเห็นว่าเศรษฐกิจต่างๆ เริ่มปรับตัวดีขึ้นมา ซึ่งจากแนวโน้มดังกล่าว ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น แต่หลังจากนี้ดัชนีตลาดหุ้นอาจจะมีการปรับตัวลดลงบ้าง แต่จะไม่ปรับตัวลดลงไปจนเกือบ 380 จุดอย่างที่ผ่านมา

สำหรับบรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์โดยรวมนั้น มองว่าอาจจะไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากว่ารัฐบาลเพิ่งได้ออกมาปรับตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจลงจากก่อนหน้านี้ โดยรัฐบาลได้ออกมายอมรับว่าตัวเลขเศรษฐกิจปีนี้จะไม่โต และอาจจะติดลบ 3% แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนักลงทุนเอง ได้รับข่าวร้ายจากการลงทุนมามากพอแล้ว ดังนั้นการที่รัฐบาลออกมายอมรับจึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นมากนัก

ทั้งนี้ จากการที่นักลงทุนต่างรับรู้ปัจจัยลบมามากแล้ว ในอนาคตหากตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ได้ออกมาย่ำแย่เหมือนกับปีที่ผ่านมา อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้น โดยส่วนตัวมองว่าในส่วนของแนวโน้มการผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ จะสามารถทำกำไรเป็นบวก เพราะปัจจัยต่างๆเริ่มยุติ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของราคาน้ำมันที่ไม่ได้ผันผวนมากนัก ดังนั้น การลงทุนในช่วงนี้นักลงทุนจะต้องจับตาดูตัวเลขผลประกอบการต่อไปเรื่อยๆ

ทั้งนี้ คาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกของปี 2552 จะยังคงมีความผันผวนต่อไปอีกสักระยะ แต่สำหรับครึ่งปีหลังจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 ที่จะถึง จากการกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้โอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 500 จุด
กำลังโหลดความคิดเห็น