xs
xsm
sm
md
lg

"อเบอร์ดีน"เน้นทำกำไรหุ้นรายตัว แนะจับตาผลประกอบการแม้สัญญาณศก.ฟื้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.อเบอร์ดีน แนะจับตาผลประกอบการบริษัท แม้สัญญาณเศรษฐกิจเริ่มฟื้น-หุ้นไทยรีบาวน์ ระบุการเมืองไทยทำพิษฉุดการลงทุนขยายตัวต่ำกว่าเกณฑ์ แม้ปัจจัยภายนอกปรับตัวดีขึ้นก็ตาม ขณะเดียวกันเผยกลยุทธ์บริษัทปี 52 เน้นทำกำไรระยะยาวด้วยหุ้นรายตัว และการปรับพอร์ตตามสถานการณ์เป็นหลัก
นายอดิเทพ วรรณพฤกษ์
นายอดิเทพ วรรณพฤกษ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยว่า สำหรับไตรมาสแรกที่ผ่านมานั้นดัชนีของตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มที่ไม่ดีมากนัก โดยได้รับผลกระทบมากจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นส่งผลมาถึงเรื่องของการบริโภคที่ลดลง ขณะที่การว่างงานได้เพิ่มขึ้นรวมไปถึงภาคการส่งออกของไทยด้วยที่ปรับตัวลดลงถึง 20% ซึ่งไทยนั้นนอกจากปัจจัยจากเศรษฐกิจโลกแล้วยังมีปัจจัยทางการเมืองเข้ามากระทบต่อระบบเศรษฐกิจด้วย ทำให้ตลาดหุ้นมีภาพรวมที่ไม่แจ่มใสมากเท่าที่ควร

นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นไทยเริ่มมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา และดัชนีตตลาดหุ้นทั่วโลกได้ปรับตัวเพิ่มขี้นมาประมาณ 20-30% จากช่วงต้นปีที่นั้น แต่การที่บริษัทซึ่งบลจ.อเบอร์ดีนเข้าไปถือหน่วยลงทุนอยู่นั้นยังไม่เห็นตัวเลขที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนเท่าที่ควร ทำให้บริษัทต้องคอยจับตาอย่างต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีถึงจะทราบว่าเป็นอย่างไร

"การที่ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาในขณะนี้ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงภาพของเศรษฐกิจว่าในอีก 6 เดือนถึง 1 ปี ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร หากตลาดหุ้นสะท้อนสัญญาณที่ดีออกมาภาพรวมเศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเเนวโน้มเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น แต่ในด้านของบริษัทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้ จะออกมาไม่ดีนักเนื่องจากได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นช่วงก่อนหน้านี้ ดังนั้น นักลงทุนจึงต้องรอดูผลประการของบริษัทในปีหน้าว่าจะออกมาเป็นอย่างไร"นายอดิเทพกล่าว

นายอดิเทพ กล่าวอีกว่า การที่ภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดปรับตัวดีขึ้น ได้ส่งผลให้ราคาหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น 18-20% รวมไปถึงราคาหุ้นในประเทศไทยด้วยนั้น ทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนผ่านตลาดหุ้นมากขึ้น เนื่องจากคาดการณ์ว่าตลาดได้ผ่านจุดที่ต่ำสุดมาแล้ว โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนประเทศหนึ่ง ซึ่งแม้ราคาหุ้นจะมีการปรับตัวขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เชื่อว่ายังอยู่ในระดับที่น่าลงทุนหรือถูกอยู่นั่นเอง

ทั้งนี้ การลงทุนในหุ้นของอเบอร์ดีน ยังคงเน้นการถือครองหุ้นตัวเดิมอยู่ เช่น หุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มแบงก์ แต่จะมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนของหุ้นดังกล่าวเพิ่มขึ้น 50-60% จากช่วงก่อนหน้านี้ ที่ราคาหุ้นได้มีการปรับตัวลดลงจนทำให้เราได้ลดสัดส่วนการลงทุนลงด้วย โดยที่ผ่านมานั้นทีมงานอเบอร์ดีนนั้น มีการขายทำกำไรของหุ้นกลุ่มนี้ด้วย ทั้งนี้ ราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น ก็ไม่ได้มีราคาสูงมากนัก ขณะเดียวกัน การลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์ นักลงทุนยังคงไม่มีความมั่นใจมากนัก เนื่องจากการที่แบงก์มีปัญหาในเรื่องของการปล่อยกู้ และหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) จึงทำให้การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น

"ที่ผ่านมาผลการดำเนินงานกองทุนหุ้นของอเบอร์ดีนค่อนข้างดี จากราคาหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยจากต้นปีถึงขณะนี้เป็นเวลา 4 เดือน หุ้นในกลุ่มพลังงานถือเป็นเซกเตอร์ที่ดี เพราะหากนักลงทุนคาดว่าราคาน้ำมันจะดีขึ้นจะทำให้หุ้นกลุ่มนี้ดีดตัวตาม แต่ทั้งนี้นักลงทุนจะต้องรอดูระยะยาว ว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ ขณะเดียวกัน หุ้นในกลุ่มแบงก์หากนักลงทุนคาดว่าเศรษฐกิจเริ่มมีการฟื้นตัวเเล้ว คนก็จะเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น โดยอเบอร์ดีนได้ให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มนี้เท่าเทียมกับตลาดและเน้นความสม่ำเสมอของการลงทุน" นายอดิเทพ กล่าว

ขณะเดียวกัน เนื่องจากบริษัทจะเน้นการเลือกลงทุนในหุ้นเพื่อทำกำไรระยะยาว ดังนั้น หากบริษัทต้องการเงินเพื่อนำมาซื้อหุ้นเพิ่มก็จะมีการขายคืนเพื่อทำกำไรบ้าง แต่เป็นการขายเพียงบางส่วนเท่านั้น ไม่ได้เทขายทั้งหมด ตามสัดส่วนการลงทุน จากนั้นจึงเข้าซื้อหุ้นตัวอื่นแทน โดยการเลือกซื้อหุ้นจะมีการพิจารณาถึงผลประกอบการของบริษัท การเปรียบเทียบราคาหุ้น ซึ่งจะมีการพิจารณา 2 ครั้งต่อปี ได้แก่ช่วงต้นปี และช่วงกลางปี ซึ่งอเบอร์ดีนมองว่าหากว่าผลประกอบการของบริษัทที่ลงทุนในไตรมาสแรกออกมาไม่ดี ไตรมาส2ของปีก็จะไม่ดีมากนัก

นอกจากนี้ ทุกๆ 6 เดือน อเบอร์ดีนจะมีการเข้าเยี่ยมชมกิจการของบริษัทต่างๆ หากการเข้าเยี่ยมชมแล้วมองว่ามีแนวโน้มดีก็จะมีเข้าเพิ่มสัดส่วนการลงทุน ขณะเดียวกันในทางตรงข้ามก็จะมีการปรับลดสัดส่วนการลงทุนเช่นกัน แต่ทั้งนี้จะต้องคำนึงถึงราคาหุ้นในขณะนั้นด้วย โดยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมานั้น สำหรับกองทุนหุ้นของอเบอร์ดีนได้มีนักลงทุนเข้ามาขายเพื่อทำกำไรบ้าง แต่มีเพียงเล็กน้อย และสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาวได้มีบางส่วนที่ขายหน่วยลงทุนออกเพื่อที่จะกลับเข้ามาลงทุนใหม่อีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น