ASTVผู้จัดการรายวัน- “ปตท.” เปิดกว้างให้เอกชนลงทุนสร้างสถานีแม่เอ็นจีและปั๊มเอ็นจีวีเพื่อลดภาระลงทุนหลังนโยบายรัฐตรึงราคาเอ็นจีวียาวถึงส.ค. 53 คาดแบกขาดทุนสะสม 2.5 หมื่นล้านบาท ล่าสุดเอกชน 3 รายลงทุนสถานีแม่นำร่องแล้ว
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท. จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.มีนโยบายที่จะดึงภาคเอกชนเข้ามาลงทุนจัดตั้งสถานีก๊าซธรรมชาติทั้งสถานีหลัก(Mother Station) และสถานีนอกแนวท่อ(Daughter Station) เพื่อลดภาระการลงทุนของปตท.ที่ปัจจุบันปตท.ต้องแบกรับภาระการขาดทุนจากการจำหน่ายก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(เอ็นจีวี)สะสมแล้วถึง 1.75หมื่นล้านบาทเนื่องจากไม่สามารถปรับราคาเอ็นจีวีให้สะท้อนต้นทุนได้
“ ราคาเอ็นจีวีจำหน่ายที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม(ก.ก.)แต่ราคาจริงอยู่ที่ 14 บาทต่อก.ก.โดยรัฐบาลมีนโยบายตรึงราคาไปจนถึงส.ค. 2553 ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ปตท.มีภาระขาดทุนสะสมจนถึงเดือนส.ค.ประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท”นายประเสริฐกล่าว
ปัจจุบันสถานีแม่เอ็นจีวีของปตท.มีทั้งสิ้น 18 แห่ง กำลังการจ่ายก๊าซรวมทั้งสิ้น 3,600 ตันต่อวัน เมื่อรวมกับความสามารถการจ่ายก๊าซของปั๊มเอ็นจีวีประเภทแนวท่อส่งก๊าซที่มีจำนวน 78 แห่งทำให้สามารถจ่ายก๊าซทั้หมดเพิ่มเป็น 7,750 ตันต่อวัน โดยปตท.เปิดปั๊มเอ็นจีวีบริการทั่วประเทศแล้ว 358 สถานีซึ่งจะเพิ่มให้เป็น 400 แห่งภายในสิ้นปีนี้
ขณะที่สถานีแม่ที่เอกชนลงทุนขณะนี้มี 3 แห่งโดยของบริษัทสากล เอนเนอยี่ จ.ปทุมธานีเป็นแห่งแรก และแห่งที่ 2 อยู่ที่ปทุมธานีเช่นกันและแห่งที่ 3 กำลังดำเนินการอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
สำหรับแผนการลงทุนด้านท่อก๊าซธรรมชาติที่จะขยายการใช้เอ็นจีวีไปยังภาคอีสานโดยมีระยะทาง 300 กิโลเมตรจากจ.ระยองไปยังสระบุรีได้รับรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)แล้วแต่ยังไม่ได้ก่อสร้าง คงจะต้องรอคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดเกี่ยวกับกรณีมาบตาพุดก่อนเนื่องจากยังไม่มั่นใจว่าท้ายสุดจะต้องเข้ามาตรา 67 หรือไม่แม้ว่าจะไม่เข้าข่าย 8กิจการกระทบสิ่งแวดล้อมและชุมชนรุนแรงตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมก็ตาม ส่วนแนวท่อย่อยที่จะเดินไปยังจ.นครราชสีมาเป็นท่อขนาดเล็กกำลังศึกษาความเหมาะสมอยู่
นายชัชชัย สุเมธโชติเมธา กรรมการผู้จัดการ บริษัทสากล เอนเนอยี จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ลงทุนสร้างสถานีแม่เอ็นจีวีของปตท.แห่งแรกลงทุนทั้งสิ้น 220 ล้านบาทซึ่งสาเหตุที่เข้ามาลงทุนเพราะมองอนาคตว่าธุรกิจเอ็นจีวีจะได้รับการตอบรับจากผู้ใช้รถยนต์มากขึ้นเพราะน้ำมันน่าจะมีราคาแพง
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท. จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.มีนโยบายที่จะดึงภาคเอกชนเข้ามาลงทุนจัดตั้งสถานีก๊าซธรรมชาติทั้งสถานีหลัก(Mother Station) และสถานีนอกแนวท่อ(Daughter Station) เพื่อลดภาระการลงทุนของปตท.ที่ปัจจุบันปตท.ต้องแบกรับภาระการขาดทุนจากการจำหน่ายก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(เอ็นจีวี)สะสมแล้วถึง 1.75หมื่นล้านบาทเนื่องจากไม่สามารถปรับราคาเอ็นจีวีให้สะท้อนต้นทุนได้
“ ราคาเอ็นจีวีจำหน่ายที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม(ก.ก.)แต่ราคาจริงอยู่ที่ 14 บาทต่อก.ก.โดยรัฐบาลมีนโยบายตรึงราคาไปจนถึงส.ค. 2553 ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ปตท.มีภาระขาดทุนสะสมจนถึงเดือนส.ค.ประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท”นายประเสริฐกล่าว
ปัจจุบันสถานีแม่เอ็นจีวีของปตท.มีทั้งสิ้น 18 แห่ง กำลังการจ่ายก๊าซรวมทั้งสิ้น 3,600 ตันต่อวัน เมื่อรวมกับความสามารถการจ่ายก๊าซของปั๊มเอ็นจีวีประเภทแนวท่อส่งก๊าซที่มีจำนวน 78 แห่งทำให้สามารถจ่ายก๊าซทั้หมดเพิ่มเป็น 7,750 ตันต่อวัน โดยปตท.เปิดปั๊มเอ็นจีวีบริการทั่วประเทศแล้ว 358 สถานีซึ่งจะเพิ่มให้เป็น 400 แห่งภายในสิ้นปีนี้
ขณะที่สถานีแม่ที่เอกชนลงทุนขณะนี้มี 3 แห่งโดยของบริษัทสากล เอนเนอยี่ จ.ปทุมธานีเป็นแห่งแรก และแห่งที่ 2 อยู่ที่ปทุมธานีเช่นกันและแห่งที่ 3 กำลังดำเนินการอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
สำหรับแผนการลงทุนด้านท่อก๊าซธรรมชาติที่จะขยายการใช้เอ็นจีวีไปยังภาคอีสานโดยมีระยะทาง 300 กิโลเมตรจากจ.ระยองไปยังสระบุรีได้รับรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)แล้วแต่ยังไม่ได้ก่อสร้าง คงจะต้องรอคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดเกี่ยวกับกรณีมาบตาพุดก่อนเนื่องจากยังไม่มั่นใจว่าท้ายสุดจะต้องเข้ามาตรา 67 หรือไม่แม้ว่าจะไม่เข้าข่าย 8กิจการกระทบสิ่งแวดล้อมและชุมชนรุนแรงตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมก็ตาม ส่วนแนวท่อย่อยที่จะเดินไปยังจ.นครราชสีมาเป็นท่อขนาดเล็กกำลังศึกษาความเหมาะสมอยู่
นายชัชชัย สุเมธโชติเมธา กรรมการผู้จัดการ บริษัทสากล เอนเนอยี จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ลงทุนสร้างสถานีแม่เอ็นจีวีของปตท.แห่งแรกลงทุนทั้งสิ้น 220 ล้านบาทซึ่งสาเหตุที่เข้ามาลงทุนเพราะมองอนาคตว่าธุรกิจเอ็นจีวีจะได้รับการตอบรับจากผู้ใช้รถยนต์มากขึ้นเพราะน้ำมันน่าจะมีราคาแพง
