ก่อนจะเข้าเรื่อง ผมอยากจะขอส่งปัญหามายังท่านผู้อ่านจำนวนหนึ่งที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกับผมอยู่ระยะหนึ่ง บางท่านอาจจะเห็นว่าไม่ได้เป็นปัญหา แต่หลายท่าน โดยเฉพาะคนที่ผมใกล้ชิดด้วย เห็นว่าปัญหานี้เป็นเรื่องพวกการลักลอบละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ไร้มารยาท บางคนว่าถึงต่ำทราม ไม่รู้จักว่าอะไรควรทำ หรือไม่ควรทำ
ปัญหาที่ว่านี้ เกิดกับผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะ
บริษัทที่ให้บริการมักจะไปติดต่อ โดยได้ประโยชน์ก็คงเล็กๆ น้อยๆ รับส่งข้อความเอสเอ็มเอส เข้าไปยังผู้ใช้บริการของตนโดยพลการ ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าผู้รับนั้น เต็มใจหรือไม่
ความจริงนั้น ถ้าไม่เปิดดูก็คงไม่ใช่ปัญหา
แต่การมีสัญญานเตือนในจังหวะที่หากคุณเข้าประชุมอยู่ หรือตอนที่คุณต้องการใช้สมาธิในเวลาทำงานบางประเภท
มันกวนตีนครับ
แล้วสาระที่ส่งก็ห่วยแตกเสียด้วย มีตั้งแต่พวกบอกดวงชะตา ทั้งๆ ที่ไอ้เวรตะไล พวกดูหมอบักเสี่ยวเหล่านั้น มันไม่รู้เลยว่าคุณเกิดเมื่อไร ที่ไหน เวลาอะไร มันก็ย่อมผิดเป็นธรรมดา
เหลวไหล มัวเมาสิ้นดี
บางทีก็สะเออะให้ฟังหรือให้โหลดเพลงสับปะรังเค ไร้รสนิยม
ผมอยากจะส่งหนังสือสมบัติผู้ดีให้กับพวกบริษัทเครือข่ายมือถือ ไม่ก็อยากจะพบพ่อแม่ไอ้พวกคนส่ง เคยอบรมลูกมันบ้างหรือเปล่าเรื่องมารยาทสมบัติผู้ดี
แม้ผมจะไม่เปิด และไม่ต้องการรับรู้ข้อความใดๆ ผมจึงได้ติดต่อบริษัทที่เขารู้ว่าจะตัดสัญญาณไอ้พวกนี้ได้อย่างไร
โอ้โฮ แม่เจ้าพระคุณ มันมีกรรมวิธี ไม่ง่ายนะ
ผมใช้เวลาพอสมควร
ปรากฏว่า มือถือผมใช้ซิมการ์ดซึ่งเป็นขององค์กร เขาก็ชี้แจงว่า ผมต้องทำเรื่องที่องค์กรผมก่อน ว่าจะอนุมัติให้ยกเลิกรับเอสเอ็มเอสหรือไม่
ไม่รู้ว่ามันจะตัดเองไม่ได้หรืออย่างไร
ทั้งๆ ที่เขาเอาหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน เอาชื่อเสียงเรียงนาม ที่ทำงาน ฯลฯ ผมไปหมดแล้ว
ซึ่งก็น่าจะพอเพียงแล้ว
แต่ก็ยังไม่ได้ครับ
เพื่อนผมก็มีปัญหาอีหรอบเดียวกัน
เขาเป็นแค่ที่ปรึกษา ซิมการ์ดก็ของเขาเอง แต่เขาเกิดไปบอกว่าบริษัทที่เขาเป็นที่ปรึกษาคืออะไร
มันกลับเป็นว่า เขาควรไปบอกบริษัทเสียก่อน
อย่างนี้ก็มี
ผมจึงได้ข้อสรุปชั้นนี้ว่า ผลประโยชน์ที่บริษัทมือถือได้รับนั้น คงไม่ใช่จิ๊บจ๊อยตามที่ผมคิดเสียแล้ว
คงจะได้เป็นกอบเป็นกำ
ไอ้ผมมันคิดว่า รับงานแค่ไซด์ไลน์มันไม่น่าจะมาก จนทำเรื่องง่ายให้มันเรื่องยุ่งๆ เข้าไว้
จนบัดนี้ผมก็ยังมีขยะข้อความเข้ามาตามเดิม
ผมอยากจะบอกไอ้พวกที่กระเหี้ยนกระหือรือชอบโฆษณาสรรพคุณผ่านบริษัทมือถือ ว่าอย่ามักง่ายที่จะละเมิดสิทธิคนอื่น และชอบยัดเยียดนักเลย
หาช่องทาง หรือใช้วิธีอื่นดีกว่า
คุณจะโฆษณาผ่านสื่ออื่นๆ จะคุ้มค่ากว่า ไม่ว่าสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ หรือโทรทัศน์ มันพิสูจน์แล้วว่าคุ้มกว่ากัน
โทรศัพท์นั้น เขามีไว้ติดต่อสื่อสารสำหรับธุรกิจหรือการงาน หรือคุยกับคนที่เขาต้องการจะพูดคุยด้วย
ไอ้เข้ามาเสือกมาสอดนั้น มันเป็นเรื่องของพวกไร้จรรยาบรรณ ไม่ควรเข้ามาหรอกครับ
แต่ผมเชื่อว่า การเสือกนั้น คงเป็นสันดาน แก้คงไม่หายอยู่แล้ว
และมันก็คงทำต่อไป เสียเงินในการใช้สิทธิเสือกตามกมลสันดานในการละลาบละล้วงชาวบ้านเช่นเคย
เพื่อนผมหลายคนคิดอยู่ว่า ควรฟ้องมันเหมือนในต่างประเทศที่ฝรั่งรายหนึ่งเก็บปริมาณที่โดนว่ากี่ครั้งแล้วคิดเงิน คิดค่าเสียหาย
ศาลก็ดีนะ รับฟ้อง
ได้เงินไปล้านกว่าบาท
นับว่าเก่งมากที่เอาผิดทั้งผู้ส่งข้อความ และบริษัทมือถือก็ต้องจ่ายอีกต่างหาก เพราะเป็นพาหนะในการร่วมมือกับเขาด้วย
ที่ผมเอาเรื่องนี้เข้ามากล่าว ณ ที่นี้ก็เพราะเพื่อนอยากให้ผมเขียน
พวกเหล่านี้จะได้รู้ว่ามีคนจำนวนหนึ่งเขาไม่เต็มใจให้พวกคุณละลาบละล้วง ข่มขืนเขาด้วยวิธีการเข้ามาเสือกในโทรศัพท์ซึ่งเป็นการทำลายสิทธิส่วนตัวของเขา
ผมได้ติดต่อกับร้านโทรศัพท์มือถือยี่ห้อหนึ่งที่ไอทีมอลล์ หลักสี่ พลาซ่า พนักงานอำนวยความสะดวกให้ผม แม้ว่าต้องใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง และทนฟังกับการโยกโยนของเครือข่ายที่พยายามบ่ายเบี่ยง รวมทั้งจงใจถึงสายหลุด 2 ครั้ง อีกทั้งได้หาโอกาส ขอทั้งเบอร์ บัตรประชาชน ชื่อเสียงเรียงนาม อะไรต่อมิอะไรของผมไปหมด
แม้กระทั่งขอเบอร์โทร.ผม (ผมมีซิม 2 เบอร์)
พอซิมอันแรกใช้ไม่ได้ ผมบอกมีอีกซิมหนึ่ง เขาก็บอกว่า อีกซิมหนึ่งเป็นบัตรเติมเงิน ซึ่งใช้ยกเลิกไม่ได้
ฟังมันพูดเข้า
ทั้งๆ ที่ผมมารู้ภายหลังว่า มันยกเลิกได้เช่นกัน
วิธีแบบนี้ ผมเป็นนายใหญ่ ผมเลิกจ้างพนักงานในส่วนนี้ไปแล้วละครับ
ครับ... แม้เรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก
แต่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนั้น เป็นเรื่องใหญ่ มันสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายกรณี และคนไทยมักคิดว่ามันเรื่องเล็กน้อย
การละเมิดสิทธิ ใช่ว่าจะเกิดกับกรณีนี้เท่านั้น
เราเห็นในกรณีอื่นๆ อยู่บ่อยๆ แต่เราชาชินกับมัน
สิทธิมีหลายอย่าง ตั้งแต่สิทธิในการบริโภค สิทธิที่จะอยู่ในฐานะมนุษย์
สิทธิที่จะได้รับบริการอย่างเสมอภาค
และสิทธิที่จะไม่ถูกข่มขืนจากคนในครอบครัว ไม่ว่าจากสามี หรือบิดา เป็นต้น
ทุกวันนี้ คนเราถูกทำร้ายโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะเด็กและสตรี
มันมักจะเริ่มต้นจากการที่คนไม่เคารพสิทธิกัน
และเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องการไม่เคารพสิทธิอย่างเดียว
แต่เกิดจากสันดานที่บริษัทมือถือ เห็นว่าการเสือกนั้นไม่เสียหาย โดยเฉพาะเสือกกับผู้บริโภค
ปัญหาที่ว่านี้ เกิดกับผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะ
บริษัทที่ให้บริการมักจะไปติดต่อ โดยได้ประโยชน์ก็คงเล็กๆ น้อยๆ รับส่งข้อความเอสเอ็มเอส เข้าไปยังผู้ใช้บริการของตนโดยพลการ ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าผู้รับนั้น เต็มใจหรือไม่
ความจริงนั้น ถ้าไม่เปิดดูก็คงไม่ใช่ปัญหา
แต่การมีสัญญานเตือนในจังหวะที่หากคุณเข้าประชุมอยู่ หรือตอนที่คุณต้องการใช้สมาธิในเวลาทำงานบางประเภท
มันกวนตีนครับ
แล้วสาระที่ส่งก็ห่วยแตกเสียด้วย มีตั้งแต่พวกบอกดวงชะตา ทั้งๆ ที่ไอ้เวรตะไล พวกดูหมอบักเสี่ยวเหล่านั้น มันไม่รู้เลยว่าคุณเกิดเมื่อไร ที่ไหน เวลาอะไร มันก็ย่อมผิดเป็นธรรมดา
เหลวไหล มัวเมาสิ้นดี
บางทีก็สะเออะให้ฟังหรือให้โหลดเพลงสับปะรังเค ไร้รสนิยม
ผมอยากจะส่งหนังสือสมบัติผู้ดีให้กับพวกบริษัทเครือข่ายมือถือ ไม่ก็อยากจะพบพ่อแม่ไอ้พวกคนส่ง เคยอบรมลูกมันบ้างหรือเปล่าเรื่องมารยาทสมบัติผู้ดี
แม้ผมจะไม่เปิด และไม่ต้องการรับรู้ข้อความใดๆ ผมจึงได้ติดต่อบริษัทที่เขารู้ว่าจะตัดสัญญาณไอ้พวกนี้ได้อย่างไร
โอ้โฮ แม่เจ้าพระคุณ มันมีกรรมวิธี ไม่ง่ายนะ
ผมใช้เวลาพอสมควร
ปรากฏว่า มือถือผมใช้ซิมการ์ดซึ่งเป็นขององค์กร เขาก็ชี้แจงว่า ผมต้องทำเรื่องที่องค์กรผมก่อน ว่าจะอนุมัติให้ยกเลิกรับเอสเอ็มเอสหรือไม่
ไม่รู้ว่ามันจะตัดเองไม่ได้หรืออย่างไร
ทั้งๆ ที่เขาเอาหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน เอาชื่อเสียงเรียงนาม ที่ทำงาน ฯลฯ ผมไปหมดแล้ว
ซึ่งก็น่าจะพอเพียงแล้ว
แต่ก็ยังไม่ได้ครับ
เพื่อนผมก็มีปัญหาอีหรอบเดียวกัน
เขาเป็นแค่ที่ปรึกษา ซิมการ์ดก็ของเขาเอง แต่เขาเกิดไปบอกว่าบริษัทที่เขาเป็นที่ปรึกษาคืออะไร
มันกลับเป็นว่า เขาควรไปบอกบริษัทเสียก่อน
อย่างนี้ก็มี
ผมจึงได้ข้อสรุปชั้นนี้ว่า ผลประโยชน์ที่บริษัทมือถือได้รับนั้น คงไม่ใช่จิ๊บจ๊อยตามที่ผมคิดเสียแล้ว
คงจะได้เป็นกอบเป็นกำ
ไอ้ผมมันคิดว่า รับงานแค่ไซด์ไลน์มันไม่น่าจะมาก จนทำเรื่องง่ายให้มันเรื่องยุ่งๆ เข้าไว้
จนบัดนี้ผมก็ยังมีขยะข้อความเข้ามาตามเดิม
ผมอยากจะบอกไอ้พวกที่กระเหี้ยนกระหือรือชอบโฆษณาสรรพคุณผ่านบริษัทมือถือ ว่าอย่ามักง่ายที่จะละเมิดสิทธิคนอื่น และชอบยัดเยียดนักเลย
หาช่องทาง หรือใช้วิธีอื่นดีกว่า
คุณจะโฆษณาผ่านสื่ออื่นๆ จะคุ้มค่ากว่า ไม่ว่าสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ หรือโทรทัศน์ มันพิสูจน์แล้วว่าคุ้มกว่ากัน
โทรศัพท์นั้น เขามีไว้ติดต่อสื่อสารสำหรับธุรกิจหรือการงาน หรือคุยกับคนที่เขาต้องการจะพูดคุยด้วย
ไอ้เข้ามาเสือกมาสอดนั้น มันเป็นเรื่องของพวกไร้จรรยาบรรณ ไม่ควรเข้ามาหรอกครับ
แต่ผมเชื่อว่า การเสือกนั้น คงเป็นสันดาน แก้คงไม่หายอยู่แล้ว
และมันก็คงทำต่อไป เสียเงินในการใช้สิทธิเสือกตามกมลสันดานในการละลาบละล้วงชาวบ้านเช่นเคย
เพื่อนผมหลายคนคิดอยู่ว่า ควรฟ้องมันเหมือนในต่างประเทศที่ฝรั่งรายหนึ่งเก็บปริมาณที่โดนว่ากี่ครั้งแล้วคิดเงิน คิดค่าเสียหาย
ศาลก็ดีนะ รับฟ้อง
ได้เงินไปล้านกว่าบาท
นับว่าเก่งมากที่เอาผิดทั้งผู้ส่งข้อความ และบริษัทมือถือก็ต้องจ่ายอีกต่างหาก เพราะเป็นพาหนะในการร่วมมือกับเขาด้วย
ที่ผมเอาเรื่องนี้เข้ามากล่าว ณ ที่นี้ก็เพราะเพื่อนอยากให้ผมเขียน
พวกเหล่านี้จะได้รู้ว่ามีคนจำนวนหนึ่งเขาไม่เต็มใจให้พวกคุณละลาบละล้วง ข่มขืนเขาด้วยวิธีการเข้ามาเสือกในโทรศัพท์ซึ่งเป็นการทำลายสิทธิส่วนตัวของเขา
ผมได้ติดต่อกับร้านโทรศัพท์มือถือยี่ห้อหนึ่งที่ไอทีมอลล์ หลักสี่ พลาซ่า พนักงานอำนวยความสะดวกให้ผม แม้ว่าต้องใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง และทนฟังกับการโยกโยนของเครือข่ายที่พยายามบ่ายเบี่ยง รวมทั้งจงใจถึงสายหลุด 2 ครั้ง อีกทั้งได้หาโอกาส ขอทั้งเบอร์ บัตรประชาชน ชื่อเสียงเรียงนาม อะไรต่อมิอะไรของผมไปหมด
แม้กระทั่งขอเบอร์โทร.ผม (ผมมีซิม 2 เบอร์)
พอซิมอันแรกใช้ไม่ได้ ผมบอกมีอีกซิมหนึ่ง เขาก็บอกว่า อีกซิมหนึ่งเป็นบัตรเติมเงิน ซึ่งใช้ยกเลิกไม่ได้
ฟังมันพูดเข้า
ทั้งๆ ที่ผมมารู้ภายหลังว่า มันยกเลิกได้เช่นกัน
วิธีแบบนี้ ผมเป็นนายใหญ่ ผมเลิกจ้างพนักงานในส่วนนี้ไปแล้วละครับ
ครับ... แม้เรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก
แต่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนั้น เป็นเรื่องใหญ่ มันสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายกรณี และคนไทยมักคิดว่ามันเรื่องเล็กน้อย
การละเมิดสิทธิ ใช่ว่าจะเกิดกับกรณีนี้เท่านั้น
เราเห็นในกรณีอื่นๆ อยู่บ่อยๆ แต่เราชาชินกับมัน
สิทธิมีหลายอย่าง ตั้งแต่สิทธิในการบริโภค สิทธิที่จะอยู่ในฐานะมนุษย์
สิทธิที่จะได้รับบริการอย่างเสมอภาค
และสิทธิที่จะไม่ถูกข่มขืนจากคนในครอบครัว ไม่ว่าจากสามี หรือบิดา เป็นต้น
ทุกวันนี้ คนเราถูกทำร้ายโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะเด็กและสตรี
มันมักจะเริ่มต้นจากการที่คนไม่เคารพสิทธิกัน
และเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องการไม่เคารพสิทธิอย่างเดียว
แต่เกิดจากสันดานที่บริษัทมือถือ เห็นว่าการเสือกนั้นไม่เสียหาย โดยเฉพาะเสือกกับผู้บริโภค