xs
xsm
sm
md
lg

คนไทยจะเลือก “ฝีมือหรือความผิด-ทักษิณ”?

เผยแพร่:   โดย: ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย

การพูดบิดเบือน-เฉไฉ-กะล่อน พูดเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี พูดเอาความดีใส่ตัว เอาความชั่วให้คนอื่น เป็นคุณสมบัติพิเศษของนักการเมืองโกงชาติบ้านเมืองเสมอมา

นักการเมืองขี้โกงพยายามทำให้การคอร์รัปชันชาติ ที่เป็นเรื่องชั่วให้กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่น่ารังเกียจ แถมเป็นเรื่องไม่ผิดทำนองคลองธรรมอีกต่างหาก

นักการเมือง “ภาพดี” บางคน ที่นักการเมืองขี้โกงหนุนหลังให้เป็นใหญ่ ยังแอบ “ชี้โพรงให้กระรอก” ด้วยการสอนว่า

“..ต้องโกงให้เป็น..โกงให้เนียน..โกงแล้วสังคมไม่รู้ว่า..โกง..”

ที่ร้ายกว่านั้น..นักการเมือง “ภาพดี” ที่อยากเป็นนายกฯ นานๆ ยังเล่นแร่แปรธาตุช่วยนักการเมืองขี้โกง ด้วยการแสร้งทำทีเป็นดึงโครงการไม่โปร่งใสไว้ หรือทะลึ่งโยนเอาโครงการไม่โปร่งใสไปฟอกผ่านหน่วยงานรัฐบางแห่ง ดังเช่น การเช่ารถเมล์เอ็นจีวีจากจีน 4 พันคัน เป็นต้น

รัฐบาลอภิสิทธิ์ใช้เล่ห์เตะลูกไปให้สภาพัฒน์ศึกษาว่า ควรทำหรือไม่ควรทำหรือควรทำอย่างไร? สภาพัฒน์ก็ทำทีเป็นคร่ำเคร่งศึกษา และต้องใช้เวลาศึกษาอย่างละเอียด จนต้องทำเรื่องขอต่อเวลาศึกษาโครงการนี้จากรัฐบาล

จากนั้นก็ใช้หลักวิชาเกินแทนหลักวิชาการที่ถูกต้อง มาฟอกความสกปรกไม่โปร่งใสของโครงการ ด้วยการ “ชักแม่น้ำทั้งห้า” มาอธิบายต่อสังคม แบบไม่สมเหตุสมผลชนิด “เอาสีข้างเข้าถู” จนผู้รู้จริงในโครงการนี้ทนไม่ไหวต้องออกมาโต้แย้งกันมากมาย ทำเอาผู้ทรงคุณวุฒิภาพดีในสภาพัฒน์เสียผู้เสียคนกันไปเลย

ขอบอกว่า..คนไทยวันนี้ไม่ได้โง่นะ สังคมข่าวสารข้อมูลทำให้รู้ว่า เลขาฯสภาพัฒน์ “โอ๊บ-โอ๊บ” ชื่อเล่นว่า “กบ” คนนี้..คนที่ได้ต่ออายุราชการอีก 1 ปีนั้น สนิทสนมกับ “ยี้ห้อย” ชนิดเออออ..ชี้หมาเป็นตะกวด-ชี้ตะกวดเป็นควายกันได้เลยล่ะ!

จึงไม่ควรแปลกใจ เมื่อโครงการสารพัดของ “ยี้ห้อย” ซึ่งสภาพัฒน์จะต้องรับรองหรือเห็นด้วย อีกทั้งยังต้องใช้เงินงบประมาณหลวงมหาศาลวิ่งแซงโค้งแซงคิวผ่านฉลุยได้ราวปาฏิหาริย์ ในขณะที่โครงการจำเป็นและเป็นประโยชน์มากกว่า ต้องสะดุดหยุดกึกลงอย่างไร้เหตุผลอธิบาย?

นั่นทำให้พรรคบางพรรคที่ร่วมรัฐบาลอภิสิทธิ์ ภูมิใจรวยกันจนพุงปลิ้นถึงขนาดขนส.ส.ไปเลี้ยงฉลองผลสำเร็จ ในการตุน “กระสุนดินดำ” ได้ชนิดเป็นกอบเป็นกำถึงแดนดินถิ่นผู้ดี..มหานครลอนดอนโน่นแน่ะ

ต้องยอมรับว่า “ยี้ห้อย” ฝีมือไม่ด้อยไปกว่า “ทักษิณ” บางมุม “ยี้ห้อย” ยังดูเก่งกว่า “คนหน้าเหลี่ยม” ด้วยซ้ำไป เพราะ “ยี้ห้อย” ไม่ทำตัวเป็นเป้าให้ถูกเปิดโปงโจมตีขับไล่จนไม่มีแผ่นดินแม่จะซุกหัวนอนอย่าง “คนหน้าเหลี่ยม” ดังทุกวันนี้

“ยี้ห้อย” ใช้ยุทธวิธีเป็น “อีแอบ” นั่งบงการอยู่เบื้องหลัง แถมใช้นายกฯ ภาพดีรูปหล่อเป็นเกราะกำบังและช่วยเหลืออีกต่างหาก เข้าตำราการเมืองขั้น “เทพ” เขาทำกัน นั่นคือ..เหนืออภิสิทธิ์มี “เทพเทือก” เหนือเทพเทือกมี “เทพห้อย” ไงล่ะครับ

ก่อนวันลอยกระทงหลงทางของ “คนหน้าเหลี่ยม” พายัพ ชินวัตร น้องชายสุดเลิฟคนเดียวของ “มหาราษฎร์หน้าเหลี่ยม” และเป็นเพื่อนสุดสวาทขาดใจของม่ายสาว “สิเรียม” ได้โผล่หน้าให้สัมภาษณ์แบบฟันธงว่า

...ถึงเวลาที่คนไทยต้องเลือกระหว่างฝีมือกับความผิดของทักษิณแล้วล่ะ..

แปลเป็นภาษาชาวบ้านแบบตรงไปตรงมา ความหมายคำพูดของคนชื่อ พายัพ ชินวัตร น้องชายนักโทษหนีคุก “ทักษิณมหาราษฎร์” ก็คือ

พวกลื้อเหล่าคนไทยอยากพ้นความยากจน ก็ต้องยอมให้คนขี้โกงและได้ทำผิดแล้ว อย่างนักโทษชายหนีคุก ทักษิณ ชินวัตร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ส่วนเรื่องการโกงในอดีตมากมายกับการจะโกงในอนาคตนั้น ก็ต้องไม่สนใจเอาผิดด้วยนะจะบอกให้!

ความคิดนี้..ไม่ต่างไปจากนักธุรกิจการเมืองชั่วทั้งหลาย ที่เห็นประเทศไทยเป็น “บริษัท” ที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์อันมหาศาล จึงยั่วน้ำลายให้นักลงทุนทางธุรกิจที่มุ่งแสวงหาแต่ผลกำไร ตาลุกวาวกับผลประโยชน์ที่จะได้รับ โดยไม่แยแสความถูก-ผิดหรือทำนองคลองธรรมใดๆ ทั้งสิ้น

นั่นทำให้สภาพประชาธิปไตยไทย เสมือน “สัตว์ป่วย” ที่ถูก “ฝูงแร้ง” รุมทึ้งรุมกินทั้งเป็น!

ตอนนี้..พวกนักธุรกิจการเมืองขี้โกงทุกคน จึงดาหน้ามาลงทุนกับการซื้อเสียงและโกงการเลือกตั้ง จนประชาธิปไตยกลายเป็นธนาธิปไตยไปเสียฉิบ

เพราะหากนักธุรกิจการเมืองพรรคใดได้เสียง ส.ส.เข้าสภามากที่สุด ก็เท่ากับได้ยึดครองประเทศไทยไว้ในกำมือไงล่ะครับ

พูดเพราะและดูเก๋ไก๋เป็นประชาธิปไตยหน่อย ก็คือ นักธุรกิจการเมืองคนใดซื้อเสียงชนะการเลือกตั้ง ก็จะกลายเป็นนักการเมืองที่ประชาชนเลือกตั้งให้เข้าสภาเข้าบริหารประเทศชาติอย่างถูกต้องกฎหมาย ตามระบอบประชาธิปไตยไงล่ะครับ

ส่วนเรื่องขี้โกงจากการซื้อเสียงเลือกตั้งนั้น นักธุรกิจการเมืองชั่วทุกคนจะรู้ดีว่า ต้องระดมสรรพวิธีวิ่งเต้นให้ตัวเองและส.ส.พรรคตน รอดจากใบแดงเปลี่ยมมาเป็นใบขาว หากใบแดงเปลี่ยนเป็นใบขาวไม่ได้ ก็ขอให้ลงโทษแค่ใบเหลือง เพื่อจะได้ลงเลือกตั้งกันใหม่ หากไม่ได้ทั้งใบเหลืองและใบขาว..ก็วิ่งเต้น ดึงเรื่องให้ช้า..ช้าจนลืมกันไปเลย

เรื่องตรวจสอบการโกงและซื้อเสียงการเลือกตั้งนั้น บางกรณี กกต.ต้องใช้เวลายืดเยื้อเป็นแรมปีหรือหลายปีทีเดียว นักธุรกิจการเมืองชั่วก็จะปล่อยให้ กกต.ทำงานกันแบบ “ถึงก็ช่าง-ไม่ถึงก็ช่าง” ไปเรื่อยๆ

แต่การบริหารชาติ..นักธุรกิจการเมืองขี้โกง ไม่เคยรอหรือฟังใครหน้าไหนทั้งสิ้น พวกเขาจะเดินหน้าตั้งรัฐบาลยึดอำนาจรัฐไว้ในกำมือก่อน เพื่อจะได้โกงบ้านโกงเมืองกันเลย

เมื่อนักธุรกิจการเมืองคนใดได้ขึ้นเป็นนายกฯ ก็จะถือว่า..ประเทศไทยเป็นบริษัทของพวกตน 100% การคอร์รัปชันได้เงินราษฎร์เงินหลวงเข้ากระเป๋านั้น นักธุรกิจการเมืองชั่วถือว่า..เป็นค่าเหนื่อยในการบริหารชาติ ที่ทำได้-แต่ต้องแอบทำกันแบบงุบงิบเงียบๆ ครับ

ทว่า พายัพ ชินวัตร ได้จุดพลุอย่างเปิดเผยว่า วันนี้ประชาชนคนไทยจะต้องเลือกระหว่างฝีมือกับความผิดของทักษิณ?

ถือเป็นคำพูดเจ้าเล่ห์ที่เป็น “ยาพิษ” โดยแท้ นักโทษชายหนีคุก “ทักษิณ” ไม่ได้มีฝีมืออะไรเลย การบริหารชาติที่ผ่านมาของทักษิณ เป็นการใช้เงินภาษีของประชาชนมาหาเสียง ด้วยนโยบายประชานิยมแบบใช้ “อัฐยาย” ซื้อ “ขนมยาย” เพื่อให้ “ยายกิน” ครับ

แถมทักษิณใช้เงินภาษีประชาชน 100 บาท มาซื้อของหรือแจกจ่ายให้กับประชาชนแค่ 50-60 บาท ส่วนเงินที่หายไปอีก 40-50 บาทนั้น พลพรรค “หน้าเหลี่ยมมหาราษฎร์” ยังเอาเข้ากระเป๋าตนและพวกหน้าตาเฉย ด้วยพวกเขาถือว่าเงินที่โกงนี้..เป็นค่าเหนื่อย หรือค่าจ้างในการบริหารชาติไทยไงล่ะครับ

สำหรับ “มหาราษฎร์หน้าเหลี่ยม” แล้ว บางงานหรือเงินก้อนโตบางก้อน มิใช่กินกันแบบวัดครึ่งกรรมการครึ่งนะครับ หากแต่บางที “มัคนายกหน้าเหลี่ยม” กินรวบคนเดียวเลย โดยวัดไม่ได้สักสตางค์แดงเดียวก็มีให้เห็นอยู่เนืองๆ

จึงไม่น่าแปลกใจที่ทักษิณแจ้ง ป.ป.ช.ว่า มีเงินแค่ไม่กี่หมื่นล้านบาท ในขณะที่ทักษิณมีเงินที่ได้มาโดยไม่โปร่งใส เที่ยวฝากเที่ยวซ่อนไว้ในต่างประเทศอีกหลายแสนล้านบาท

ที่สำคัญกว่านั้น..ประชาชนคนไทยจับได้ไล่ทันว่า ทักษิณมิได้ทำเพื่อคนไทยโดยส่วนใหญ่ดังเช่นการแปรรูป ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยข้ออ้างประชาชนจะได้รับสิ่งที่ดีกว่า ทว่า..การณ์กลับตรงกันข้าม หุ้นมากมายมหาศาลของ ปตท.ล้วนตกไปอยู่ในมือของนักธุรกิจการเมืองชั่ว โดยประชาชนคนส่วนใหญ่ซื้อหาไม่ได้เลย

เท่านั้นไม่พอ..นอกจากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงใน ปตท.ทั้งในด้านการบริหารและบริการแล้ว ประชาชนคนไทยยังไม่เคยได้ใช้น้ำมันราคาถูกเลย ใช้แต่น้ำมันราคาแพงจนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า แต่ปตท.กลับขูดรีดเลือดเนื้อประชาชน ด้วยการฟันกำไรปลายปีนับแสนล้านบาท เพื่อเอาเงินไปแจกจ่ายให้กับหุ้นส่วนที่มีนักธุรกิจการเมืองแอบถืออยู่จนกระเป๋าตุงกันถ้วนหน้า

นั่นคือ หนึ่งใน “ฝีมือ” การบริหารชาติบ้านเมือง แบบเห็นแก่ได้และโลภมากไม่รู้จักพอของ “ทักษิณ” กับพวกในนามพรรคไทยรักไทย ที่ถูกจับได้คาหนังคาเขาว่าโกงการเลือกตั้ง จนถูกศาลฯ ตัดสินยุบพรรคในข้อหา เป็นอันตรายอย่างร้ายแรงต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

แน่นอน..ทำชั่วครั้งที่หนึ่งได้ การทำชั่วครั้งที่สอง-สามย่อมตามมา นักโทษชายหนีคุกทักษิณและพวก จึงจำต้องเปลี่ยนชื่อมาเป็นพรรคพลังประชาชน แต่ในที่สุดก็โดนยุบพรรคในข้อหาเดียวกันอีกจนได้ ตอนนี้จึงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นคำรบสามว่า พรรคเพื่อชิน..เอ๊ย..เพื่อไทยครับ

การทำความชั่วด้วยการคอร์รัปชันโกงกินบ้านเมืองของพวกนักธุรกิจการเมืองชั่วหรือโจรใส่สูท ในสภาบางคนบางกลุ่มบางพวกวันนี้ ยังได้บิดเบือนการคอร์รัปชันให้เป็นเสมือนโรคที่แก้ไขให้หายไม่ได้..ถือเป็นโรคคู่บ้านคู่เมืองไปเสียแล้ว

ขนาดโพลบางสำนัก..ที่สำรวจคนไม่กี่คนยังระบุว่า นักการเมืองจะคอร์รัปชันก็ได้ แต่ขอเพียงโกงแล้วให้ประชาชนได้ผลประโยชน์บ้าง..ก็แล้วกัน!

แน่นอน..ผมไม่เคยเชื่อโพลเจ้าเล่ห์นี้อย่างเด็ดขาด เพราะผมเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่อยากให้บ้านเมืองศิวิไลซ์ อยากให้บ้านเมืองได้นักการเมืองที่ดี เสียสละ ซื่อสัตย์ กล้าทำในสิ่งดีงามและขจัดสิ่งชั่วร้าย รวมทั้งทำงานเป็นหรือเก่งครับ

ต้องถือว่า..นักธุรกิจการเมืองชั่วนั้น ครองประเทศไทยมานานเกินพอแล้ว พวกมันโกงชาติโกงประชาชนจนประเทศไทยใกล้จะล่มจมแล้วครับ

ถึงเวลาแล้วหรือยัง..ที่พวกเราคนไทย จะทำบุญครั้งใหญ่ให้ชาติ ทำความดี-สร้างอนาคตที่ดีให้ลูกหลานไทย ร่วมมือ-ร่วมใจขจัด-ขับไล่ นักธุรกิจการเมืองขี้โกงลงจากเวทีการเมือง ด้วยการไม่เลือกนักการเมืองขี้โกงแบบ “คนหน้าเหลี่ยม” และพวกพ้องไงล่ะครับ!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น