ประเทศไทย..เป็นของพวกเอ็งไม่กี่คนหรือไง..จึงโกงเอ้า..โกงเอา..โกงไม่รู้จักหยุดจักหย่อน..โกงไม่รู้จักพอสักที โกงจนชาติไทยใกล้จะล่มจมแล้วนะเฟ้ย..!!!
ผมเจอ “คำถาม” บ่อยๆ ว่า คนไทยหน้าไหน..ที่ทำให้ชาติใกล้จะล่มจม! คงต้อง“ตอบ” ตรงไปตรงมา..มิใช่ตอบแบบยิงด้วยวิถีโค้งอย่างปืนครกนะครับ
ตอบเข้าเป้าเลย..ก็คือ..คนไทยสองกลุ่มวิชาชีพหลัก ที่แอบทำงานชั่วๆ อย่างเข้าขากันทั้งลับและเปิดเผย มีส่วนสำคัญที่ทำให้ชาติบ้านเมืองตกต่ำ และจมอยู่ในสภาพใกล้จะล่มจมแล้ว นั่นคือ
หนึ่ง..พวกนักสื่อสารมวลชนชั่ว (บางคน) ที่ขายตัว-ขายวิญญาณ-ขายคุณธรรม-ขายจริยธรรม-ขายความดีที่พึงจะมีในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ให้กับพวกคนชั่วทั้งแบบลับๆและเปิดเผย!
สอง..พวกนักการเมืองชั่ว (บางกลุ่ม) ที่ใช้เงินและผลประโยชน์ซื้อเสียง โกงการเลือกตั้งเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร และยึดครองอำนาจรัฐไว้ในกำมือ!
คนสองกลุ่มนี้..สัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น ทั้งในด้านอำนาจหน้าที่และผลประโยชน์ที่ซ่อนเร้นและเปิดเผย ส่วนผลงานนั้นก็ส่งผลในทางบวกอย่างสามานย์ เอื้อกัน-เสริมกันและกันอยู่ตลอดเวลา เรามาแกะรอยคนสองกลุ่มนี้ว่า กระทำชั่วเป็นนิตย์จากวิชาชีพของพวกเขานั้น ส่งผลในด้านลบต่อชาติบ้านเมืองและประชาชนคนไทยอย่างไรบ้าง
กลุ่มสื่อสารมวลชนชั่วนั้น..จริงๆ แล้ว โดยวิชาชีพที่พวกเขาร่ำเรียนมา ควรจะต้องทำตนเป็น “หมา” ที่ “กล้าเห่า-เห่าเก่ง” ต้องอยู่ยามเฝ้าทั้งบ้านทั้งเมืองให้ประชาชนคนไทย หากมีคนไทยใจชั่วกลุ่มไหน..จะคอร์รัปชัน หากมีคนไทยใจทรามหน้าไหน..จะขายชาติ หากมีคนไทยที่เอาแต่ได้กลุ่มไหน..จะทำเรื่องชั่วๆ ที่ส่งผลเสียหายต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ประชาชน การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ฯลฯ
พวกทำงานสื่อสารมวลชนที่ดี ก็จะต้อง “เห่า-บอก-เห่า-เตือน” ให้รู้ เพื่อจะได้ป้องกัน-เปิดโปงหรือลงโทษคนชั่วเหล่านั้น ตามตัวบทกฎหมายหรือใช้สังคมลงทัณฑ์ไงล่ะครับ
ทว่า..การณ์กลับตรงกันข้ามจากหน้ามือเป็นหลังตีน เพราะพวกสื่อสารมวลชนชั่วเหล่านั้น ได้สร้างผลงานทางสื่อสารพัดเรื่อง สารพัดรูปแบบ ที่โกหกหลอกลวง-จนทำให้เรื่องขาวกลายเป็นดำ-เรื่องผิดกลายเป็นถูก หรือจงใจทำเรื่องจริงให้เฉไฉ-บิดเบือน-ผิดเพี้ยนไปจากความจริง กระทั่งเรื่องที่ควรเสนอ..กลับปกปิด..ไม่ยอมเสนอข่าวสารต่อสาธารณชนไงล่ะครับ ฯลฯ
ผลงานจากพวกสื่อมวลชนชั่วๆ เหล่านั้น ได้ทำให้ประชาชนคนไทยจำนวนมาก ที่เข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร-ข้อเท็จจริง-ต้องหลงผิดเข้าจังเบอร์ หรือหลงเข้าใจเรื่องจริงแบบผิดเพี้ยน หรือเข้าใจแบบตรงกันข้ามกับความเป็นจริง จากเรื่องสีขาวกลายกลับเป็นสีเทาหรือสีดำไปเลย
ที่สำคัญได้เขียนข่าวหรือนำเสนอบทความสารพัดชนิดอย่างผิดๆ ไม่ถูกต้อง จนประชาชนหลงผิดคิดว่า..นักการเมืองชั่ว คือ นักการเมืองดี และนักการเมืองที่ดีกลายเป็นนักการเมืองชั่วไปเสียฉิบ
ยามพวกนักการเมืองชั่วคอร์รัปชันโกงกินบ้านเมือง พวกสื่อสารมวลชนชั่วเหล่านั้น ก็ช่วยปกปิดไม่เสนอข่าว-บิดเบือนข่าว-เฉไฉความผิดความชั่วให้อีกต่างหาก
การกระทำของสื่อมวลชนชั่วๆ เหล่านั้น ส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมให้นักการเมืองชั่วๆ ทั้งหลายพ้นผิดในกรรมชั่ว หรือลดทอนความรุนแรงในกรรมชั่ว หรือเพิ่มโอกาสให้นักการเมืองชั่วมีโอกาสมากขึ้นในการได้รับชัยชนะที่สนามเลือกตั้ง ที่สำคัญ..ทำองค์กรอิสระหรือกลไกเกี่ยวกับการเลือกตั้งไม่รู้ข้อเท็จจริง ยังผลให้นักการเมืองชั่วที่ซื้อเสียงโกงการเลือกตั้ง พ้นภัยจากใบแดง-ใบเหลืองของ กกต.อีกด้วย
โอ้ย..การประโคมเสนอข่าวสารของสื่อสารมวลชนชั่วๆ ที่สร้างทั้งงานขีดเขียน-บทความ-บทวิเคราะห์-สารคดี ฯลฯ ล้วนเสริมส่งอย่างสามานย์ให้กับนักการเมืองชั่ว ชนิดไร้ยางอายและไร้จรรยาบรรณอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้ประชาชนคนไทยหลงใหลได้ปลื้มอย่างผิดๆ กับพวกนักการเมืองชั่วๆ เหล่านั้นไงล่ะครับ
ครานี้..มาส่องกล้องคนกลุ่มที่สอง..หรือพวกนักการเมืองชั่วกันหน่อย คนชั่วพวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้มีอิทธิพลที่ทำธุรกิจสีเทา บางคนถึงกับทำธุรกิจค่อนไปในทางสีดำด้วยซ้ำไป บางคนก็มีเงินมีทองถึงขั้นเศรษฐีร้อยล้านพันล้าน จนถึงอภิมหาเศรษฐีหมื่นล้านแสนล้านเลยล่ะครับ
แต่นักการเมืองชั่วพวกนี้..กลับใช้วิธีเดินเข้าสภาฯ อย่างผิดกฎหมาย ด้วยการซื้อเสียงโกงการเลือกตั้ง..จนชนะ
แน่นอน..พวกนักการเมืองชั่วที่ได้เป็น ส.ส.ก็จะเปลี่ยนจากคนธรรมดาสามัญ กลายเป็น “ตะกวด-นั่งวอทอง” เข้าสภาอัน “ทรงเกือก” กันเป็นฝูงๆ
จากนั้น..บรรดา “ตะกวด” ก็จะเลือก “ตะกวด” ตัวหนึ่ง ขึ้นเป็น “จ่าฝูง-นั่งวอทองฝังเพชร” ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก่อนที่ “จ่าฝูงตะกวด” ตัวนั้น..จะเลือกสรรตะกวดในสภาอันทรงเกือกอีก 35 ตัว มาเป็นคณะรัฐมนตรีไงล่ะครับ
ประวัติศาสตร์โลกบอกมนุษยชาติให้รู้ว่า โลกแห่งประชาธิปไตยที่ดีนั้น..การเลือกตั้งต้องบริสุทธิ์สะอาด ชัยชนะของนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยต้องโปร่งใส หากการเลือกตั้งที่ใด-มุมใดในโลก มีนักการเมืองชั่วไม่ว่า..หน้าไหน-พวกไหน-พรรคไหน ใช้เงินซื้อเสียงและโกงการเลือกตั้งจนชนะคู่แข่งทางการเมือง แสดงว่า..นั่นมิใช่ระบอบประชาธิปไตยครับ!
ประชาธิปไตยเช่นนั้นเป็นประชาธิปไตยจอมปลอม เป็นประชาธิปไตยสามานย์-ไร้คุณธรรม-ไร้จริยธรรมที่ดี เป็นธนาธิปไตย-คณาธิปไตยของคนชั่ว หลายประเทศในโลกที่เกิดเรื่องชั่วๆ ทำนองนี้ จึงเกิดการประท้วงใหญ่..จนบางแห่งกลายเป็นการจลาจลเผาบ้านเผาเมือง เพราะประชาชนไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งอันอยุติธรรมนั้น
แถมบางประเทศเลยเถิดจนเกิดรัฐประหารล้มล้างระบอบประชาธิปไตยกันเลยครับ!
สำหรับประเทศไทยแลนด์แดนสยาม ยุคอภิมหาเศรษฐี..ด็อกเตอร์นักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร ตามด้วยยุครัฐบาลนอมินี สมัคร สุนทรเวช นักการเมืองชั่วบางคน-บางกลุ่ม-บางพรรค ได้ใช้เงินมหาศาลซื้อเสียง และโกงการเลือกตั้งอย่างหน้าด้านๆ จนถูกจับได้คาหนังคาเขา..จึงถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินความผิดลงโทษ ด้วยการยุบพรรคถึงสองครั้งสองครามาแล้ว
แต่..เฮ้อ..พวกนักการเมืองชั่วที่หน้าหนากว่า “กระเบื้องโอฬาร” ที่เป็นทั้งจอมขี้โกงและจอมกะล่อนเหล่านั้น มักจะพูดเจื้อยแจ้วแบบนกแก้วนกขุนทองว่า
พวกผม (พวกกู) คือ ส.ส.ที่ประชาชนเลือกเข้าสภาอันทรง (เกือก) เกียรติ อ้อ..แล้วสภาอันทรง (เกือก) เกียรตินี้ ก็ได้เลือกนายกรัฐมนตรี “หน้าเหลี่ยม” นายกรัฐมนตรี“จมูกชมพู่” บ้าง นายกรัฐมนตรีชาย-ชายกระโปรงซาลาเปาแดงทับอีหลี มาปกครองชาติบ้านเมือง
นักการเมืองชั่วของไทยมักคิดว่า พวกตนได้จ่าย (เศษ) เงินซื้อเสียงและซื้อสิทธิจากประชาชน ได้ยึดครองสัมปทานอำนาจรัฐอย่างสมบูรณ์แล้ว จากนั้นพวกคนชั่วก็จะตั้งหน้าตั้งตาโกงชาติ “กินรวบ” โกยเงินเข้ากระเป๋าตัวและพวกพ้องไม่กี่ตัว..เอ๊ย.ไม่กี่คนครับ!
เท่านั้นไม่พอ..พวกนักการเมืองชั่วยังคิดว่า เศษเงินที่หว่านไปกับการซื้อเสียงซื้ออำนาจรัฐนั้น ทำให้พวกตนมีสิทธิที่จะเที่ยวสั่งการให้ตำรวจบางคน ใช้อาวุธสงครามเข่นฆ่าประชาชน ที่ชุมนุมอย่างสงบสันติและมีเพียงสองมือเปล่า จนต้องบาดเจ็บ-พิการ-ตายได้เช่นนั้นหรือ?
สังคมไทยใกล้จะล่มจมอย่างที่เห็นในวันนี้ หากโทษว่า..ใครผิดมากและผิดเป็นอันดับแรกนั้น ผมคงต้องโทษสื่อสารมวลชนชั่วก่อนเลยครับ
วิชาชีพของ “หมอ” ที่ดีนั้น ต้องรู้ว่า..ยาไหนดีต่อร่างกาย..และยาไหนเป็นอันตรายต่อร่างกายหรือเป็นยาพิษ..จริงไหม?
หมอที่ดีกับสื่อสารมวลชนที่ดี..ไม่ต่างกัน สื่อสารมวลชนที่ดีต้องรู้ว่า ข่าวสารใดดีต่อปัญญาเป็น “อาหารที่ดีของสมอง” สามารถสร้างภูมิต้านทานที่ดีและทำให้ประชาชนรู้ทันการโกหกพกลม การบิดเบือนให้ร้ายป้ายสีของบรรดานักการเมืองชั่วในทุกมิติ
นอกจากนั้นนักสื่อสารมวลที่ดี ยังต้องรู้อย่างถ่องแท้และรับผิดชอบต่อสังคมว่า ข่าวสารใดร้าย..เป็น “อันตรายร้ายแรงต่อสมอง” ทำให้ผู้คนได้ข้อมูลที่บิดเบือน-ไม่ครบถ้วนตามความจริง หรือได้ข้อมูลอย่างผิดๆ ชนิดตรงกันข้ามกับความจริงเลย
สื่อสารมวลชนหลายคนเปรียบตัวเองเป็นเสมือน “กระจก” กระจกนั้น..จะสะท้อนภาพตรงหน้าให้เห็นตามความเป็นจริงได้ ต่อเมื่อ “กระจก” อยู่ในมิติแห่งความสว่างเท่านั้น
แต่หากมนุษย์ต้องอยู่ในมิติแห่งความมืดล่ะ? สนธิ ลิ้มทองกุล สื่อมวลชนอาวุโสได้เสนอให้สื่อมวลชนเป็น “ตะเกียง” เพราะแสงจาก “ตะเกียง” จะส่องให้มนุษย์เห็นภาพตนเองใน “กระจก” หรือสว่างพอที่มนุษย์จะใช้ “ตะเกียง” ส่องเดินไปบนหนทางชีวิตไงล่ะครับ
สำหรับผมแล้ว..สื่อมวลชนที่ดีต้องเฉลียวฉลาด ต้องรู้ว่า..ใครเป็นคนดีและใครเป็นคนชั่ว สื่อมวลชนที่ดี..ต้องกล้าต่อสู้-กล้าเปิดโปง-กล้าพูดความจริง-กล้าโค่นล้มคนชั่ว ที่เข้ามายึดอำนาจรัฐอย่างฉ้อฉล สื่อมวลชนที่ดี..ต้องกล้าเลือกข้างคนดี มิใช่เข้าข้างคนชั่วที่มีอำนาจ ต้องส่งเสริมคนดีให้ขึ้นปกครองบ้านเมืองอย่างมุ่งมั่น
ที่สำคัญ..สื่อมวลชนที่ดีจะต้องไม่อ้าง หรือวางตัวเป็นกลางอย่างสามานย์ระหว่างความดี-ความชั่ว-คนดี-คนชั่ว เพราะสื่อมวลชนสามานย์เช่นนั้น ผมถือว่าเป็นพวกสื่อมวลชน “กาฝาก” หรือเป็นพวก “หมัด-เห็บ” ที่หากินอยู่บนร่าง “หมาขี้เรื้อน” ใกล้สิ้นลมหายใจ
ความเป็นกลางของสื่อมวลชนสามานย์เหล่านั้น เป็นการจงใจส่งเสริมความชั่ว-คนชั่ว-การทำชั่ว-นักการเมืองชั่วอีกรูปแบบหนึ่ง
ชัดไหม..ไอ้เวรตะไล..สื่อสารมวลชนชั่วกลุ่มหนึ่ง สมคบกับนักการเมืองชั่วกลุ่มใหญ่ เป็นต้นเหตุและเป็นจำเลยตัวจริง ที่ทำให้ชาติและประชาชน ใกล้ “อิ๋บอ๋าย” อยู่ในขณะนี้ไงล่ะครับ!
ผมเจอ “คำถาม” บ่อยๆ ว่า คนไทยหน้าไหน..ที่ทำให้ชาติใกล้จะล่มจม! คงต้อง“ตอบ” ตรงไปตรงมา..มิใช่ตอบแบบยิงด้วยวิถีโค้งอย่างปืนครกนะครับ
ตอบเข้าเป้าเลย..ก็คือ..คนไทยสองกลุ่มวิชาชีพหลัก ที่แอบทำงานชั่วๆ อย่างเข้าขากันทั้งลับและเปิดเผย มีส่วนสำคัญที่ทำให้ชาติบ้านเมืองตกต่ำ และจมอยู่ในสภาพใกล้จะล่มจมแล้ว นั่นคือ
หนึ่ง..พวกนักสื่อสารมวลชนชั่ว (บางคน) ที่ขายตัว-ขายวิญญาณ-ขายคุณธรรม-ขายจริยธรรม-ขายความดีที่พึงจะมีในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ให้กับพวกคนชั่วทั้งแบบลับๆและเปิดเผย!
สอง..พวกนักการเมืองชั่ว (บางกลุ่ม) ที่ใช้เงินและผลประโยชน์ซื้อเสียง โกงการเลือกตั้งเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร และยึดครองอำนาจรัฐไว้ในกำมือ!
คนสองกลุ่มนี้..สัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น ทั้งในด้านอำนาจหน้าที่และผลประโยชน์ที่ซ่อนเร้นและเปิดเผย ส่วนผลงานนั้นก็ส่งผลในทางบวกอย่างสามานย์ เอื้อกัน-เสริมกันและกันอยู่ตลอดเวลา เรามาแกะรอยคนสองกลุ่มนี้ว่า กระทำชั่วเป็นนิตย์จากวิชาชีพของพวกเขานั้น ส่งผลในด้านลบต่อชาติบ้านเมืองและประชาชนคนไทยอย่างไรบ้าง
กลุ่มสื่อสารมวลชนชั่วนั้น..จริงๆ แล้ว โดยวิชาชีพที่พวกเขาร่ำเรียนมา ควรจะต้องทำตนเป็น “หมา” ที่ “กล้าเห่า-เห่าเก่ง” ต้องอยู่ยามเฝ้าทั้งบ้านทั้งเมืองให้ประชาชนคนไทย หากมีคนไทยใจชั่วกลุ่มไหน..จะคอร์รัปชัน หากมีคนไทยใจทรามหน้าไหน..จะขายชาติ หากมีคนไทยที่เอาแต่ได้กลุ่มไหน..จะทำเรื่องชั่วๆ ที่ส่งผลเสียหายต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ประชาชน การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ฯลฯ
พวกทำงานสื่อสารมวลชนที่ดี ก็จะต้อง “เห่า-บอก-เห่า-เตือน” ให้รู้ เพื่อจะได้ป้องกัน-เปิดโปงหรือลงโทษคนชั่วเหล่านั้น ตามตัวบทกฎหมายหรือใช้สังคมลงทัณฑ์ไงล่ะครับ
ทว่า..การณ์กลับตรงกันข้ามจากหน้ามือเป็นหลังตีน เพราะพวกสื่อสารมวลชนชั่วเหล่านั้น ได้สร้างผลงานทางสื่อสารพัดเรื่อง สารพัดรูปแบบ ที่โกหกหลอกลวง-จนทำให้เรื่องขาวกลายเป็นดำ-เรื่องผิดกลายเป็นถูก หรือจงใจทำเรื่องจริงให้เฉไฉ-บิดเบือน-ผิดเพี้ยนไปจากความจริง กระทั่งเรื่องที่ควรเสนอ..กลับปกปิด..ไม่ยอมเสนอข่าวสารต่อสาธารณชนไงล่ะครับ ฯลฯ
ผลงานจากพวกสื่อมวลชนชั่วๆ เหล่านั้น ได้ทำให้ประชาชนคนไทยจำนวนมาก ที่เข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร-ข้อเท็จจริง-ต้องหลงผิดเข้าจังเบอร์ หรือหลงเข้าใจเรื่องจริงแบบผิดเพี้ยน หรือเข้าใจแบบตรงกันข้ามกับความเป็นจริง จากเรื่องสีขาวกลายกลับเป็นสีเทาหรือสีดำไปเลย
ที่สำคัญได้เขียนข่าวหรือนำเสนอบทความสารพัดชนิดอย่างผิดๆ ไม่ถูกต้อง จนประชาชนหลงผิดคิดว่า..นักการเมืองชั่ว คือ นักการเมืองดี และนักการเมืองที่ดีกลายเป็นนักการเมืองชั่วไปเสียฉิบ
ยามพวกนักการเมืองชั่วคอร์รัปชันโกงกินบ้านเมือง พวกสื่อสารมวลชนชั่วเหล่านั้น ก็ช่วยปกปิดไม่เสนอข่าว-บิดเบือนข่าว-เฉไฉความผิดความชั่วให้อีกต่างหาก
การกระทำของสื่อมวลชนชั่วๆ เหล่านั้น ส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมให้นักการเมืองชั่วๆ ทั้งหลายพ้นผิดในกรรมชั่ว หรือลดทอนความรุนแรงในกรรมชั่ว หรือเพิ่มโอกาสให้นักการเมืองชั่วมีโอกาสมากขึ้นในการได้รับชัยชนะที่สนามเลือกตั้ง ที่สำคัญ..ทำองค์กรอิสระหรือกลไกเกี่ยวกับการเลือกตั้งไม่รู้ข้อเท็จจริง ยังผลให้นักการเมืองชั่วที่ซื้อเสียงโกงการเลือกตั้ง พ้นภัยจากใบแดง-ใบเหลืองของ กกต.อีกด้วย
โอ้ย..การประโคมเสนอข่าวสารของสื่อสารมวลชนชั่วๆ ที่สร้างทั้งงานขีดเขียน-บทความ-บทวิเคราะห์-สารคดี ฯลฯ ล้วนเสริมส่งอย่างสามานย์ให้กับนักการเมืองชั่ว ชนิดไร้ยางอายและไร้จรรยาบรรณอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้ประชาชนคนไทยหลงใหลได้ปลื้มอย่างผิดๆ กับพวกนักการเมืองชั่วๆ เหล่านั้นไงล่ะครับ
ครานี้..มาส่องกล้องคนกลุ่มที่สอง..หรือพวกนักการเมืองชั่วกันหน่อย คนชั่วพวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้มีอิทธิพลที่ทำธุรกิจสีเทา บางคนถึงกับทำธุรกิจค่อนไปในทางสีดำด้วยซ้ำไป บางคนก็มีเงินมีทองถึงขั้นเศรษฐีร้อยล้านพันล้าน จนถึงอภิมหาเศรษฐีหมื่นล้านแสนล้านเลยล่ะครับ
แต่นักการเมืองชั่วพวกนี้..กลับใช้วิธีเดินเข้าสภาฯ อย่างผิดกฎหมาย ด้วยการซื้อเสียงโกงการเลือกตั้ง..จนชนะ
แน่นอน..พวกนักการเมืองชั่วที่ได้เป็น ส.ส.ก็จะเปลี่ยนจากคนธรรมดาสามัญ กลายเป็น “ตะกวด-นั่งวอทอง” เข้าสภาอัน “ทรงเกือก” กันเป็นฝูงๆ
จากนั้น..บรรดา “ตะกวด” ก็จะเลือก “ตะกวด” ตัวหนึ่ง ขึ้นเป็น “จ่าฝูง-นั่งวอทองฝังเพชร” ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก่อนที่ “จ่าฝูงตะกวด” ตัวนั้น..จะเลือกสรรตะกวดในสภาอันทรงเกือกอีก 35 ตัว มาเป็นคณะรัฐมนตรีไงล่ะครับ
ประวัติศาสตร์โลกบอกมนุษยชาติให้รู้ว่า โลกแห่งประชาธิปไตยที่ดีนั้น..การเลือกตั้งต้องบริสุทธิ์สะอาด ชัยชนะของนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยต้องโปร่งใส หากการเลือกตั้งที่ใด-มุมใดในโลก มีนักการเมืองชั่วไม่ว่า..หน้าไหน-พวกไหน-พรรคไหน ใช้เงินซื้อเสียงและโกงการเลือกตั้งจนชนะคู่แข่งทางการเมือง แสดงว่า..นั่นมิใช่ระบอบประชาธิปไตยครับ!
ประชาธิปไตยเช่นนั้นเป็นประชาธิปไตยจอมปลอม เป็นประชาธิปไตยสามานย์-ไร้คุณธรรม-ไร้จริยธรรมที่ดี เป็นธนาธิปไตย-คณาธิปไตยของคนชั่ว หลายประเทศในโลกที่เกิดเรื่องชั่วๆ ทำนองนี้ จึงเกิดการประท้วงใหญ่..จนบางแห่งกลายเป็นการจลาจลเผาบ้านเผาเมือง เพราะประชาชนไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งอันอยุติธรรมนั้น
แถมบางประเทศเลยเถิดจนเกิดรัฐประหารล้มล้างระบอบประชาธิปไตยกันเลยครับ!
สำหรับประเทศไทยแลนด์แดนสยาม ยุคอภิมหาเศรษฐี..ด็อกเตอร์นักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร ตามด้วยยุครัฐบาลนอมินี สมัคร สุนทรเวช นักการเมืองชั่วบางคน-บางกลุ่ม-บางพรรค ได้ใช้เงินมหาศาลซื้อเสียง และโกงการเลือกตั้งอย่างหน้าด้านๆ จนถูกจับได้คาหนังคาเขา..จึงถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินความผิดลงโทษ ด้วยการยุบพรรคถึงสองครั้งสองครามาแล้ว
แต่..เฮ้อ..พวกนักการเมืองชั่วที่หน้าหนากว่า “กระเบื้องโอฬาร” ที่เป็นทั้งจอมขี้โกงและจอมกะล่อนเหล่านั้น มักจะพูดเจื้อยแจ้วแบบนกแก้วนกขุนทองว่า
พวกผม (พวกกู) คือ ส.ส.ที่ประชาชนเลือกเข้าสภาอันทรง (เกือก) เกียรติ อ้อ..แล้วสภาอันทรง (เกือก) เกียรตินี้ ก็ได้เลือกนายกรัฐมนตรี “หน้าเหลี่ยม” นายกรัฐมนตรี“จมูกชมพู่” บ้าง นายกรัฐมนตรีชาย-ชายกระโปรงซาลาเปาแดงทับอีหลี มาปกครองชาติบ้านเมือง
นักการเมืองชั่วของไทยมักคิดว่า พวกตนได้จ่าย (เศษ) เงินซื้อเสียงและซื้อสิทธิจากประชาชน ได้ยึดครองสัมปทานอำนาจรัฐอย่างสมบูรณ์แล้ว จากนั้นพวกคนชั่วก็จะตั้งหน้าตั้งตาโกงชาติ “กินรวบ” โกยเงินเข้ากระเป๋าตัวและพวกพ้องไม่กี่ตัว..เอ๊ย.ไม่กี่คนครับ!
เท่านั้นไม่พอ..พวกนักการเมืองชั่วยังคิดว่า เศษเงินที่หว่านไปกับการซื้อเสียงซื้ออำนาจรัฐนั้น ทำให้พวกตนมีสิทธิที่จะเที่ยวสั่งการให้ตำรวจบางคน ใช้อาวุธสงครามเข่นฆ่าประชาชน ที่ชุมนุมอย่างสงบสันติและมีเพียงสองมือเปล่า จนต้องบาดเจ็บ-พิการ-ตายได้เช่นนั้นหรือ?
สังคมไทยใกล้จะล่มจมอย่างที่เห็นในวันนี้ หากโทษว่า..ใครผิดมากและผิดเป็นอันดับแรกนั้น ผมคงต้องโทษสื่อสารมวลชนชั่วก่อนเลยครับ
วิชาชีพของ “หมอ” ที่ดีนั้น ต้องรู้ว่า..ยาไหนดีต่อร่างกาย..และยาไหนเป็นอันตรายต่อร่างกายหรือเป็นยาพิษ..จริงไหม?
หมอที่ดีกับสื่อสารมวลชนที่ดี..ไม่ต่างกัน สื่อสารมวลชนที่ดีต้องรู้ว่า ข่าวสารใดดีต่อปัญญาเป็น “อาหารที่ดีของสมอง” สามารถสร้างภูมิต้านทานที่ดีและทำให้ประชาชนรู้ทันการโกหกพกลม การบิดเบือนให้ร้ายป้ายสีของบรรดานักการเมืองชั่วในทุกมิติ
นอกจากนั้นนักสื่อสารมวลที่ดี ยังต้องรู้อย่างถ่องแท้และรับผิดชอบต่อสังคมว่า ข่าวสารใดร้าย..เป็น “อันตรายร้ายแรงต่อสมอง” ทำให้ผู้คนได้ข้อมูลที่บิดเบือน-ไม่ครบถ้วนตามความจริง หรือได้ข้อมูลอย่างผิดๆ ชนิดตรงกันข้ามกับความจริงเลย
สื่อสารมวลชนหลายคนเปรียบตัวเองเป็นเสมือน “กระจก” กระจกนั้น..จะสะท้อนภาพตรงหน้าให้เห็นตามความเป็นจริงได้ ต่อเมื่อ “กระจก” อยู่ในมิติแห่งความสว่างเท่านั้น
แต่หากมนุษย์ต้องอยู่ในมิติแห่งความมืดล่ะ? สนธิ ลิ้มทองกุล สื่อมวลชนอาวุโสได้เสนอให้สื่อมวลชนเป็น “ตะเกียง” เพราะแสงจาก “ตะเกียง” จะส่องให้มนุษย์เห็นภาพตนเองใน “กระจก” หรือสว่างพอที่มนุษย์จะใช้ “ตะเกียง” ส่องเดินไปบนหนทางชีวิตไงล่ะครับ
สำหรับผมแล้ว..สื่อมวลชนที่ดีต้องเฉลียวฉลาด ต้องรู้ว่า..ใครเป็นคนดีและใครเป็นคนชั่ว สื่อมวลชนที่ดี..ต้องกล้าต่อสู้-กล้าเปิดโปง-กล้าพูดความจริง-กล้าโค่นล้มคนชั่ว ที่เข้ามายึดอำนาจรัฐอย่างฉ้อฉล สื่อมวลชนที่ดี..ต้องกล้าเลือกข้างคนดี มิใช่เข้าข้างคนชั่วที่มีอำนาจ ต้องส่งเสริมคนดีให้ขึ้นปกครองบ้านเมืองอย่างมุ่งมั่น
ที่สำคัญ..สื่อมวลชนที่ดีจะต้องไม่อ้าง หรือวางตัวเป็นกลางอย่างสามานย์ระหว่างความดี-ความชั่ว-คนดี-คนชั่ว เพราะสื่อมวลชนสามานย์เช่นนั้น ผมถือว่าเป็นพวกสื่อมวลชน “กาฝาก” หรือเป็นพวก “หมัด-เห็บ” ที่หากินอยู่บนร่าง “หมาขี้เรื้อน” ใกล้สิ้นลมหายใจ
ความเป็นกลางของสื่อมวลชนสามานย์เหล่านั้น เป็นการจงใจส่งเสริมความชั่ว-คนชั่ว-การทำชั่ว-นักการเมืองชั่วอีกรูปแบบหนึ่ง
ชัดไหม..ไอ้เวรตะไล..สื่อสารมวลชนชั่วกลุ่มหนึ่ง สมคบกับนักการเมืองชั่วกลุ่มใหญ่ เป็นต้นเหตุและเป็นจำเลยตัวจริง ที่ทำให้ชาติและประชาชน ใกล้ “อิ๋บอ๋าย” อยู่ในขณะนี้ไงล่ะครับ!