การ์ตูนยุคหล้อย (หล่อ+ห้อย) โดย “เงา” ในหน้า 2 ของหนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวันฉบับเมื่อวานนี้ (2พ.ย.) นอกจากจะขำแล้วทำให้นึกเป็นห่วงใครบางคน
ในการ์ตูน4 ช่องจบของเงา เริ่มต้นจากชายคนที่คุณเองเห็นแค่ปากก็รู้ว่าเป็นใคร เขานั่งรับโทรศัพท์จากใครคนหนึ่งที่รู้จักตัวของเขาเป็นอย่างดี เพราะบทสนทนาของปลายสายทักทายว่า “สวัสดีคุณเป็ด...ไม่มาเยี่ยมเยียนกันเลยนะครับ”
บุรุษที่ปากห้อยทำตาเหลือกขึ้นข้างบนเหมือนกำลังนึกก่อนจะตอบไปว่า “เอ๋...ใครครับ?”
เสียงปลายสายทำท่าเหมือนผิดหวังที่บุรุษปากห้อยจำเขาไม่ได้ “อะไร!?...จำเสียงผมไม่ได้เหรอ ...ไอ้เราอุตส่าห์คิดถึง”
“ขอโทษด้วย...ผมจำเสียงไม่ได้จริงๆ ครับ” บุรุษปากห้อยท่าทางคิดหนักแต่คิดไม่ออกจนต้องถามไปตรงๆ ว่า ...คุณคือใคร?
พลันนั้นปลายสายก็ตอบกลับมา คำตอบไม่สั้น ไม่ยาวแต่ก็ทำให้บุรุษปากห้อยถึงกับตาถลน ขนหัวลุกซู่
“ผมเอง...ราเกซ!!”
…
“ราเกซ” ที่ว่านี้ ก็คือคนคนเดียวกับ ราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษาธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ หรือบีบีซี ที่ปัจจุบันหลงเหลือเพียงแต่ชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเงินไทยถูกศาลแคนาดาตัดสินส่งตัวกลับมาไทย เมื่อวันศุกร์ที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา
การกลับมาไทยของนายราเกซ กลายเป็นข่าวครึกโครม ด้วยสื่อมวลชนให้ความสนใจเกาะติดสถานการณ์ของเขาอย่างใกล้ชิดทำให้ชื่อของอดีตคนที่ครั้งหนึ่งถูกเรียกว่า “พ่อมดการเงิน” ของวงการเงินไทยเมื่อสิบกว่าปีก่อนดังกระฉ่อนขึ้นมาอีกครั้ง
ความโด่งดังของข่าว ‘ราเกซ’ มีผลให้คนทั่วบ้านทั่วเมืองกระทั่งลูกเด็กเล็กแดงแม้จะไม่รู้จักประวัติความเป็นมาของเขา วันนี้กลับรู้จักจดจำชื่อ ราเกซ ได้มากกว่ารัฐมนตรีบางคนในคณะรัฐบาลอภิสิทธิ์แล้ว
ทว่า...ใครบางคน หรือบางกลุ่ม โดยเฉพาะนักการเมืองใหญ่ทั้งหลายที่อดีตเคยรู้จักราเกซเป็นอย่างดี วันนี้กลับลืม แกล้งลืม ทำเป็นไม่รู้จักราเกซ
คิดแล้วก็น่าอนาถใจแทนนายราเกซ ที่นอกจากสภาพร่างกายของตนเองโรยราลงไปมาก ความสัมพันธ์ที่เคยมีกับนักการเมืองเหล่านั้นก็ยังผุกร่อนลงตามกาลเวลา
แต่จะว่าไปแล้วจะไปโทษนักการเมืองที่เคยแอบอิงผลประโยชน์จากนายราเกซ จากแบงก์บีบีซี ก็ไม่ได้ เพราะเรื่องมันก็นานมาแล้ว นานจนอะไรต่อมิอะไรเปลี่ยนแปลงไปพอๆ กับสังขารของคน และนับประสาอะไรกับนักการเมืองที่มักมีความจำสั้น!
น่าเสียดาย ... น่าเสียดาย ที่ “ผมเอง ราเกซ” ในการ์ตูนของเงาน่าจะแนะนำตัวเองให้คนหน้าคล้ายนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำคนสำคัญของกลุ่ม16ในอดีต และพรรคร่วมในรัฐบาลปัจจุบันเพิ่มเติมอีกสักหน่อย
...ว่า เขา นายราเกซ เป็นชาวอินเดีย ถือสองสัญชาติ นับเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ทางด้านวิศวกรรมทางการเงิน
เกิดที่อังกฤษเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2495 เป็นบุตรคนโตในจำนวน 3 คนพี่น้อง จบการศึกษาด้านวรรณกรรมจากมหาวิทยาลัยนิวเดลี และจบปริญญาโทสาขาเดียวกันที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ อังกฤษ (เกียรตินิยม) ในปี 2517 แต่กลับสนใจด้านการเงินมากกว่า หลังจบการศึกษาได้เป็นโบรกเกอร์ค้าเงินให้ Silman ในเครือบริษัทโซโลมอน บอมเบย์ฯ
หลังจากนั้น 4 ปี ย้ายไปทำงานที่ฮ่องกงกับ Wocomgroup เครือวิงออนแบงก์ และพบรักกับสาวชาวไทย คือสุวรรณา หาญวรเกียรติ ซึ่งสมัยนั้นเป็นพนักงานของไทยประสิทธิ์ประกันภัย สาขาฮ่องกง และแต่งงานกันในปี 2523
ราเกซเข้ามาเมืองไทยประมาณปี 2527 เริ่มต้นอาชีพเป็นคอลัมนิสต์ให้กับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ก่อนที่จะออกมาเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
ต่อจากนั้นเมื่อวงการตลาดเงินตลาดทุนถึงจุดเปลี่ยนตามโลกาภิวัตน์ช่วงปี 2533 ยุคนั้นกิจกรรมในตลาดทุนคึกคักผู้คนในแวดวงการเงินต่างแสวงหาช่องทางธุรกิจใหม่ๆ ที่กำลังจะตามมา อาทิ ธุรกิจเวนเจอร์ แคปิตอล (สถาบันการเงินร่วมทุนกับบริษัทลูกค้าตั้งแต่เริ่มจากนั้นผลักดันให้เข้าตลาดแล้วขายหุ้นทำกำไร) ธุรกิจในตลาดหุ้นนอกตลาด (Over The Counter market) เป็นต้น
ชื่อของ ‘ราเกซ สักเสนา’ ซึ่งตอนนั้นเขายังเป็นที่ปรึกษาอยู่ที่ บงล.สหธนกิจไทยก็หอมหวนในวงการ และก็เป็น เอกชัย อธิคมนันทะ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บีบีซี ในขณะนั้นชักนำเขาให้รู้จัก เกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ กรรมการและผู้จัดการใหญ่ บีบีซี จนรับราเกซเข้ามานั่งในตำแหน่งที่ปรึกษา
ที่บีบีซีนี้เองถือเป็นจุดเริ่มต้นขยายการแสวงหาผลประโยชน์กอบโกยเอาจากแบงก์โดยอาศัยความเป็นผู้เชี่ยวชาญการเงินเล่นแร่แปรธาตุไปจนถึงเพาะสร้างความสัมพันธ์ให้แก่นายราเกซ และ กลุ่มนักการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มนักการเมืองหนุ่มในนามกลุ่ม 16
แต่อย่างไรก็ตาม ก็นับเป็นจุดจบของทั้งบุคคล ตัวละครที่เกี่ยวข้องกับนายราเกซ และแบงก์บีบีซีในเวลาต่อมาเช่นกัน เมื่อแบงก์ชาติเข้าแทรกแซงในเดือนมีนาคม2539แล้วก็ล่มจนต้องปิดกิจการ
ต่อจากนั้น นายเกริกเกียรติถูกดำเนินคดีในข้อกล่าวหายักยอกทรัพย์ และทุจริตหลายคดี ขณะที่นายราเกซหลบหนีไปแคนาดาตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2539
13 ปีเศษแล้วที่เรื่องนี้คาราคาซังมานาน
นับจากนี้พฤติการณ์ต่างๆ ของคดีจะถูกขุดคุ้ยขึ้นมาใหม่ ส่วนจะเชื่อมโยงถึงใครบ้างก็ต้องติดตามกันอย่างระทึก จึงเป็นธรรมดาอยู่ดีที่คนซึ่งเคยสัมพันธ์กับนายราเกซ จะรู้สึกหวาดระแวงและขวัญผวา แม้ว่า นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะแสดงความเห็นว่า เป็นเรื่องที่ยากจะขยายผลก็ตาม
อ่านการ์ตูน ทบทวนอดีตแล้วมองมาปัจจุบัน หากนายราเกซแนะนำตัวเองอย่างนี้เสียตั้งแต่ทีแรก...บุรุษปากห้อยก็คงรื้อฟื้นความทรงจำของตนเองได้ไม่ยาก
บางทีอาการขนหัวลุกเกลียว ตาค้างของบุรุษปากห้อยหลังจากได้ยินเสียง “ผมเอง ราเกซ” อาจจะไม่เกิด...หรือเกิดไม่ทัน เพราะเขาอาจชิงช็อกหมดสติไปก่อนก็เป็นได้!!
หมายเหตุ: ข้อมูลของราเกซ สักเสนา เรียบเรียงมาจากนิตยสาร “ผู้จัดการรายเดือน”
ในการ์ตูน4 ช่องจบของเงา เริ่มต้นจากชายคนที่คุณเองเห็นแค่ปากก็รู้ว่าเป็นใคร เขานั่งรับโทรศัพท์จากใครคนหนึ่งที่รู้จักตัวของเขาเป็นอย่างดี เพราะบทสนทนาของปลายสายทักทายว่า “สวัสดีคุณเป็ด...ไม่มาเยี่ยมเยียนกันเลยนะครับ”
บุรุษที่ปากห้อยทำตาเหลือกขึ้นข้างบนเหมือนกำลังนึกก่อนจะตอบไปว่า “เอ๋...ใครครับ?”
เสียงปลายสายทำท่าเหมือนผิดหวังที่บุรุษปากห้อยจำเขาไม่ได้ “อะไร!?...จำเสียงผมไม่ได้เหรอ ...ไอ้เราอุตส่าห์คิดถึง”
“ขอโทษด้วย...ผมจำเสียงไม่ได้จริงๆ ครับ” บุรุษปากห้อยท่าทางคิดหนักแต่คิดไม่ออกจนต้องถามไปตรงๆ ว่า ...คุณคือใคร?
พลันนั้นปลายสายก็ตอบกลับมา คำตอบไม่สั้น ไม่ยาวแต่ก็ทำให้บุรุษปากห้อยถึงกับตาถลน ขนหัวลุกซู่
“ผมเอง...ราเกซ!!”
…
“ราเกซ” ที่ว่านี้ ก็คือคนคนเดียวกับ ราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษาธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ หรือบีบีซี ที่ปัจจุบันหลงเหลือเพียงแต่ชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเงินไทยถูกศาลแคนาดาตัดสินส่งตัวกลับมาไทย เมื่อวันศุกร์ที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา
การกลับมาไทยของนายราเกซ กลายเป็นข่าวครึกโครม ด้วยสื่อมวลชนให้ความสนใจเกาะติดสถานการณ์ของเขาอย่างใกล้ชิดทำให้ชื่อของอดีตคนที่ครั้งหนึ่งถูกเรียกว่า “พ่อมดการเงิน” ของวงการเงินไทยเมื่อสิบกว่าปีก่อนดังกระฉ่อนขึ้นมาอีกครั้ง
ความโด่งดังของข่าว ‘ราเกซ’ มีผลให้คนทั่วบ้านทั่วเมืองกระทั่งลูกเด็กเล็กแดงแม้จะไม่รู้จักประวัติความเป็นมาของเขา วันนี้กลับรู้จักจดจำชื่อ ราเกซ ได้มากกว่ารัฐมนตรีบางคนในคณะรัฐบาลอภิสิทธิ์แล้ว
ทว่า...ใครบางคน หรือบางกลุ่ม โดยเฉพาะนักการเมืองใหญ่ทั้งหลายที่อดีตเคยรู้จักราเกซเป็นอย่างดี วันนี้กลับลืม แกล้งลืม ทำเป็นไม่รู้จักราเกซ
คิดแล้วก็น่าอนาถใจแทนนายราเกซ ที่นอกจากสภาพร่างกายของตนเองโรยราลงไปมาก ความสัมพันธ์ที่เคยมีกับนักการเมืองเหล่านั้นก็ยังผุกร่อนลงตามกาลเวลา
แต่จะว่าไปแล้วจะไปโทษนักการเมืองที่เคยแอบอิงผลประโยชน์จากนายราเกซ จากแบงก์บีบีซี ก็ไม่ได้ เพราะเรื่องมันก็นานมาแล้ว นานจนอะไรต่อมิอะไรเปลี่ยนแปลงไปพอๆ กับสังขารของคน และนับประสาอะไรกับนักการเมืองที่มักมีความจำสั้น!
น่าเสียดาย ... น่าเสียดาย ที่ “ผมเอง ราเกซ” ในการ์ตูนของเงาน่าจะแนะนำตัวเองให้คนหน้าคล้ายนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำคนสำคัญของกลุ่ม16ในอดีต และพรรคร่วมในรัฐบาลปัจจุบันเพิ่มเติมอีกสักหน่อย
...ว่า เขา นายราเกซ เป็นชาวอินเดีย ถือสองสัญชาติ นับเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ทางด้านวิศวกรรมทางการเงิน
เกิดที่อังกฤษเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2495 เป็นบุตรคนโตในจำนวน 3 คนพี่น้อง จบการศึกษาด้านวรรณกรรมจากมหาวิทยาลัยนิวเดลี และจบปริญญาโทสาขาเดียวกันที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ อังกฤษ (เกียรตินิยม) ในปี 2517 แต่กลับสนใจด้านการเงินมากกว่า หลังจบการศึกษาได้เป็นโบรกเกอร์ค้าเงินให้ Silman ในเครือบริษัทโซโลมอน บอมเบย์ฯ
หลังจากนั้น 4 ปี ย้ายไปทำงานที่ฮ่องกงกับ Wocomgroup เครือวิงออนแบงก์ และพบรักกับสาวชาวไทย คือสุวรรณา หาญวรเกียรติ ซึ่งสมัยนั้นเป็นพนักงานของไทยประสิทธิ์ประกันภัย สาขาฮ่องกง และแต่งงานกันในปี 2523
ราเกซเข้ามาเมืองไทยประมาณปี 2527 เริ่มต้นอาชีพเป็นคอลัมนิสต์ให้กับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ก่อนที่จะออกมาเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
ต่อจากนั้นเมื่อวงการตลาดเงินตลาดทุนถึงจุดเปลี่ยนตามโลกาภิวัตน์ช่วงปี 2533 ยุคนั้นกิจกรรมในตลาดทุนคึกคักผู้คนในแวดวงการเงินต่างแสวงหาช่องทางธุรกิจใหม่ๆ ที่กำลังจะตามมา อาทิ ธุรกิจเวนเจอร์ แคปิตอล (สถาบันการเงินร่วมทุนกับบริษัทลูกค้าตั้งแต่เริ่มจากนั้นผลักดันให้เข้าตลาดแล้วขายหุ้นทำกำไร) ธุรกิจในตลาดหุ้นนอกตลาด (Over The Counter market) เป็นต้น
ชื่อของ ‘ราเกซ สักเสนา’ ซึ่งตอนนั้นเขายังเป็นที่ปรึกษาอยู่ที่ บงล.สหธนกิจไทยก็หอมหวนในวงการ และก็เป็น เอกชัย อธิคมนันทะ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บีบีซี ในขณะนั้นชักนำเขาให้รู้จัก เกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ กรรมการและผู้จัดการใหญ่ บีบีซี จนรับราเกซเข้ามานั่งในตำแหน่งที่ปรึกษา
ที่บีบีซีนี้เองถือเป็นจุดเริ่มต้นขยายการแสวงหาผลประโยชน์กอบโกยเอาจากแบงก์โดยอาศัยความเป็นผู้เชี่ยวชาญการเงินเล่นแร่แปรธาตุไปจนถึงเพาะสร้างความสัมพันธ์ให้แก่นายราเกซ และ กลุ่มนักการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มนักการเมืองหนุ่มในนามกลุ่ม 16
แต่อย่างไรก็ตาม ก็นับเป็นจุดจบของทั้งบุคคล ตัวละครที่เกี่ยวข้องกับนายราเกซ และแบงก์บีบีซีในเวลาต่อมาเช่นกัน เมื่อแบงก์ชาติเข้าแทรกแซงในเดือนมีนาคม2539แล้วก็ล่มจนต้องปิดกิจการ
ต่อจากนั้น นายเกริกเกียรติถูกดำเนินคดีในข้อกล่าวหายักยอกทรัพย์ และทุจริตหลายคดี ขณะที่นายราเกซหลบหนีไปแคนาดาตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2539
13 ปีเศษแล้วที่เรื่องนี้คาราคาซังมานาน
นับจากนี้พฤติการณ์ต่างๆ ของคดีจะถูกขุดคุ้ยขึ้นมาใหม่ ส่วนจะเชื่อมโยงถึงใครบ้างก็ต้องติดตามกันอย่างระทึก จึงเป็นธรรมดาอยู่ดีที่คนซึ่งเคยสัมพันธ์กับนายราเกซ จะรู้สึกหวาดระแวงและขวัญผวา แม้ว่า นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะแสดงความเห็นว่า เป็นเรื่องที่ยากจะขยายผลก็ตาม
อ่านการ์ตูน ทบทวนอดีตแล้วมองมาปัจจุบัน หากนายราเกซแนะนำตัวเองอย่างนี้เสียตั้งแต่ทีแรก...บุรุษปากห้อยก็คงรื้อฟื้นความทรงจำของตนเองได้ไม่ยาก
บางทีอาการขนหัวลุกเกลียว ตาค้างของบุรุษปากห้อยหลังจากได้ยินเสียง “ผมเอง ราเกซ” อาจจะไม่เกิด...หรือเกิดไม่ทัน เพราะเขาอาจชิงช็อกหมดสติไปก่อนก็เป็นได้!!
หมายเหตุ: ข้อมูลของราเกซ สักเสนา เรียบเรียงมาจากนิตยสาร “ผู้จัดการรายเดือน”