ใครเล่นไพ่เขมรคราวนี้เห็นทีได้ไม่คุ้มเสีย ทั้งยังทำให้กระแสต่อต้านการทรยศชาติและการขายชาติที่คุกรุ่นมาก่อนหน้านี้ลุกโชนโชติช่วงสว่างไสว ทำให้คนไทยทั่วประเทศได้รู้เช่นเห็นชาติว่าความจริงเป็นอย่างไร ใครทรยศชาติและขายชาติกันบ้าง
กระทั่งเห็นเป็นเลาๆ ลางๆ แล้วค่อยๆ ชัดขึ้นเป็นลำดับว่าเรื่องราวจะดำเนินไปอย่างไร และจะเกิดผลร้ายต่อบ้านเมืองอย่างไร
ดังนั้นในวันนี้กระแสการต่อต้านการทรยศชาติและการขายชาติจึงตีกลับกลายเป็นไฟที่ไหม้มือคนเล่นไพ่เขมร จนมีทีท่าว่าจะถือไพ่ตัวนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว
ก็ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า การที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนนั้น ไม่เพียงแต่จะทำให้ประเทศไทยมีเกียรติภูมิสูงเด่นขึ้นในสายตาประชาคมโลก แต่จะทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำโดดเด่นเป็นสง่าราศีในเวทีผู้นำของประเทศต่างๆ ทั้งที่จะมาเข้าประชุมและที่จับตาดูอยู่ทั่วโลกด้วย
เป็นภาพและเป็นสถานการณ์ที่ใครที่อิจฉาตาร้อนแล้วไม่อาจยอมทนนิ่งอยู่ได้เป็นอันขาด โดยเฉพาะคนที่เคยดูหมิ่นปรามาสนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไว้ว่าเป็นเด็กบ้าง หรือเป็นผู้นำที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมบ้าง ย่อมวุ่นวายใจ ไม่มีทางที่จะยอมให้เกิดความสำเร็จขึ้นได้เป็นอันขาด
เพราะเหตุนี้จึงมีการทำทุกวิถีทางเพื่อจะล้มหรือทำลายการประชุมสุดยอดอาเซียนในประเทศไทยให้จงได้ไม่ว่าโดยวิธีใดๆ และได้ทำให้เห็นมาแล้วโดยการล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยาเมื่อเดือนเมษายน ปีนี้
ล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยาได้แล้วก็ไชโยโห่ร้องกันเป็นการใหญ่ว่าเป็นชัยชนะ แต่นั่นเป็นชัยชนะเฉพาะสำหรับคนเพียงไม่กี่คนที่ไฟริษยาสุมใจอยู่ ในขณะที่ประเทศไทย ภาคธุรกิจไทย และคนไทย เสียหายยับเยิน
และความเสียหายนี้ก็ถูกชี้ตราหน้าไปยังขบวนการที่ล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนนั้น จนกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาคนไทยโดยทั่วไปแล้ว
เมื่อการประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยาล้มลงก็ต้องเลื่อนการจัดประชุมและได้เลื่อนมาเป็นช่วงปลายเดือนตุลาคม ที่หัวหิน ซึ่งย่อมตกเป็นเป้าหมายที่จะต้องล้มหรือทำลายเช่นเดียวกับการล้มการประชุมที่พัทยามาแล้ว
ดังนั้นการขับเคลื่อนก่อการชุมนุมทั้งในกรุงเทพฯ และหัวหินจึงเกิดขึ้น จนทำให้รัฐบาลหัวปั่น ไม่เป็นอันบริหารราชการแผ่นดิน ต้องมาคิดอ่านวางแผนรับมือกับการป่วนบ้านป่วนเมืองครั้งใหญ่
ทว่าคราวนี้จะปล่อยให้ล้มเหลวเหมือนคราวที่แล้วไม่ได้ เพราะถ้าหากล้มเหลวอีกก็รู้ตัวดีว่าจะเป็นความล้มเหลวที่ไม่สามารถอยู่บริหารราชการแผ่นดินได้อีกต่อไป และประเทศไทยก็จะไม่มีอะไรเหลือหรออีกแล้ว
ดังนั้นรัฐบาลจึงได้ทุ่มเทสรรพกำลังในการป้องกันมิให้เกิดอันตรายขึ้น ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และในพื้นที่ที่จะมีการประชุมสุดยอดอาเซียนที่หัวหิน
ฝ่ายหนึ่งคือรัฐบาลต้องการให้การประชุมดำเนินไปอย่างราบรื่นเรียบร้อย แต่อีกพวกหนึ่งก็ต้องการล้มการประชุมให้จงได้ เพื่อบำบัดความริษยาอาฆาตของตนและเพื่อหวังผลต่อการล้มรัฐบาลไปในตัว ดังนั้นการเตรียมการและการเคลื่อนไหวจึงทุ่มเทกันแทบหมดหน้าตัก
ในพื้นที่กรุงเทพมหานครแม้จะมีข่าวและเหตุการณ์หลายอย่างที่ก่อให้เกิดความอกสั่นขวัญหายแก่ประชาชนทั่วไป แต่ในที่สุดเหตุการณ์ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี และเช่นเดียวกันกับพื้นที่หัวหิน เหตุการณ์ก็ผ่านไปโดยราบรื่นเรียบร้อย
แต่สิ่งที่คนไทยไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น นั่นคือการเดินทางมาประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมประชุมของนายฮุนเซน ซึ่งปัจจุบันนี้คนไทยจำนวนหนึ่งได้เปลี่ยนชื่อให้ใหม่ว่านาย “ฮวยเซ็ง” ได้เกิดเหตุการณ์เหยียบหน้าและทำลายเกียรติภูมิของประเทศไทย และคนไทยอย่างร้ายแรงที่สุด
นายฮุนเซนฉวยโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนเปิดแถลงข่าวในทันทีที่เดินทางถึงประเทศไทย ตบหน้าศาลไทย ตบหน้ารัฐบาลไทย ตบหน้ากองทัพไทย และคนไทยอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ
ด้วยการประกาศต่อสื่อมวลชนว่าจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พำนักในเขมร จะตั้งให้เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรี จะไม่ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนให้กับประเทศไทย เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทั่งท้าว่าจะสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
เท่านั้นแหละเกิดเรื่อง! บรรดาประชาชาติไทยทั้งมวลที่ล้วนมีความเคียดแค้นฝังใจในพระยาละแวกที่กระทำย่ำยีประเทศไทยจนสมเด็จพระนเรศวรมหาราชต้องยกกองทัพไปปราบแล้วตัดหัวเอาเลือดล้างพระบาทเพื่อชำระความแค้น จึงรุมกันประณามนายฮุนเซนชนิดไม่ไว้น้ำหน้าเช่นเดียวกัน
แล้วพากันเคียดแค้นชิงชังไปถึงคนที่คิดและเข้าใจว่าสมรู้ร่วมคิดกับนายฮุนเซนให้มากระทำย่ำยีน้ำใจคนไทยในประเทศไทยดังกล่าวด้วย ดังนั้นบรรดาผู้เกี่ยวข้องกับนายฮุนเซนในเรื่องนี้จึงต้องรับแรงกระทบจากความโกรธแค้นชิงชังของคนไทยที่มีน้ำใจรักชาติไปเต็มๆ และต้องปฏิเสธความรับผิดชอบกันจ้าละหวั่นอยู่ในขณะนี้
กระแสการต่อต้านการดึงเขมรมาย่ำยีประเทศไทยไหม้ลามไปทั่วประเทศ โดยผู้คนทุกวงการ ทุกสาขาอาชีพ แม้กระทั่งสื่อมวลชนที่เคยเลือกข้างต่างก็ไม่อาจยอมรับการดึงเอาเขมรเข้ามาทำย่ำยีกับประเทศไทยเช่นนี้
สถานีวิทยุแทบทุกสถานี สถานีโทรทัศน์แทบทุกแห่ง หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ คอลัมนิสต์แทบทุกคอลัมน์ล้วนประณามไปในทางเดียวกันว่าการดึงเขมรเข้ามาหยามน้ำหน้าประเทศไทยในครั้งนี้เป็นการทรยศชาติ เป็นการขายชาติ แม้กระทั่งการด่ากราดอย่างสาดเสียเทเสียชนิดไม่เผาผีกันก็เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
นักวิชาการหลายกลุ่มได้แฉพฤติกรรมขายชาติออกมาเป็นระลอกๆ และยังเตือนคนไทยทั่วทั้งประเทศว่าการไปดึงเอาเขมรเข้ามาย่ำยีประเทศไทยจะเป็นการซ้ำรอยเขมรที่ไปดึงเอากองทัพเวียดนามเข้ามายึดเขมรเพื่อให้กลุ่มนายฮุนเซนมีอำนาจ และเกิดผลต่อมาคือถูกฮุบดินแดนจำนวนมาก โดยปริปากใดๆ ไม่ได้
กระตุ้นเตือนคนไทยให้ตื่นรู้ว่าหากไปดึงเอาเขมรมาย่ำยีประเทศไทยหรือคิดอาศัยกำลังเขมรมาร่วมกับกองกำลังบางกลุ่มทั้งในและนอกรัฐบาลเพื่อยึดอำนาจและฟื้นอำนาจเก่าขึ้นมาแล้ว ในที่สุดประเทศไทยก็จะเดินตามรอยเขมร
นั่นคืออาจจะต้องเสียดินแดนและผลประโยชน์ของชาติจำนวนมหาศาลให้กับเขมรเพื่อเป็นบรรณาการตอบแทนบุญคุณของเขมร ที่มากระทำต่อประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีคนไทยหน้าไหนยอมรับได้
ไฟที่ไหม้ไพ่เขมรยังไหม้ลามไปถึงพม่า เพราะในการพูดของนายฮุนเซนดังกล่าวยังได้ลามปามพาดพิงไปถึงชาวพม่าด้วย โดยกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เช่นเดียวกับนางอองซาน ซูจีของพม่า
ก็เกิดเรื่องใหญ่ เพราะคนพม่าจำนวนมากไม่อาจยอมรับการเปรียบเทียบเช่นนี้ของนายฮุนเซนได้
ชุมชนชาวพม่าในประเทศไทย กระทั่งสภาเพื่อประชาธิปไตยของพม่า ได้ออกแถลงการณ์ประณามนายฮุนเซนว่าดูหมิ่นชาวพม่า โดยอ้างว่านางอองซาน ซูจีไม่เคยปฏิเสธกระบวนการยุติธรรม ไม่เคยทรยศชาติ และไม่เคยทุจริตคอร์รัปชัน
สื่อมวลชนในพม่าก็พากันเสนอข่าวประสานกันเป็นระลอกๆ ในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญคือได้ระบุถึงพฤติกรรมของนางอองซาน ซูจีว่าเป็นอย่างหนึ่ง ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นอีกอย่างหนึ่ง เปรียบเทียบกันไม่ได้
ทำให้ชาวพม่าได้รู้พฤติกรรมและพฤติการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างกว้างขวางว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการที่ได้ร่วมมือกับอดีตนายทหารผู้มีอำนาจของพม่าที่ถูกขับออกจากอำนาจไปแล้วว่าเป็นไปเพื่ออะไรอย่างล่อนจ้อน
ไฟไหม้ไพ่เขมรลามไปถึงพม่าแล้ว ยังลามไปถึงบรูไนด้วย เพราะชาวบรูไนและสื่อบรูไนไม่พอใจที่นายฮุนเซนได้กระทำย่ำยีประเทศไทยซึ่งเป็นมิตรประเทศอย่างหนึ่ง และไม่พอใจลิ่วล้อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บางคนที่ให้ข่าวเท็จแก่สื่อมวลชนว่าในระหว่างที่พระราชาธิบดีแห่งบรูไนเดินทางมาประชุมสุดยอดอาเซียนในประเทศไทย ได้ไปพักที่บ้านของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งไม่มีมูลความจริงเลย และทำให้เกิดความเสียหายแก่พระราชาธิบดีแห่งบรูไน
สื่อบรูไนจึงพากันเสนอข่าวประณามนายฮุนเซนจนก้องกระหึ่มไปทั้งคาบสมุทรมลายู
ส่วนในเขมร ทั้งพรรคฝ่ายค้าน ทั้งทหาร และพลเรือน ต่างพากันแสดงความไม่พอใจที่นายฮุนเซนประพฤติตนรับใช้นักการเมืองไทย นำเอาประเทศเขมรมาเป็นปรปักษ์กับคนไทย จึงเกิดแรงสั่นไหวกระเพื่อมอย่างรุนแรง จนกระทั่งนำไปสู่การปลดผู้บัญชาการทหารสูงสุดไปแล้ว
ไฟเขมรกำลังไหม้ลามไปอย่างกว้างขวาง กระทบไปถึงหลายประเทศแล้ว เห็นทีจะถือไพ่เขมรต่อไปไม่ได้แล้ว และต้องตามดูว่าใครจะต้องเป็นแพะรับบาปในการเล่นไพ่เขมรใบนี้?
กระทั่งเห็นเป็นเลาๆ ลางๆ แล้วค่อยๆ ชัดขึ้นเป็นลำดับว่าเรื่องราวจะดำเนินไปอย่างไร และจะเกิดผลร้ายต่อบ้านเมืองอย่างไร
ดังนั้นในวันนี้กระแสการต่อต้านการทรยศชาติและการขายชาติจึงตีกลับกลายเป็นไฟที่ไหม้มือคนเล่นไพ่เขมร จนมีทีท่าว่าจะถือไพ่ตัวนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว
ก็ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า การที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนนั้น ไม่เพียงแต่จะทำให้ประเทศไทยมีเกียรติภูมิสูงเด่นขึ้นในสายตาประชาคมโลก แต่จะทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำโดดเด่นเป็นสง่าราศีในเวทีผู้นำของประเทศต่างๆ ทั้งที่จะมาเข้าประชุมและที่จับตาดูอยู่ทั่วโลกด้วย
เป็นภาพและเป็นสถานการณ์ที่ใครที่อิจฉาตาร้อนแล้วไม่อาจยอมทนนิ่งอยู่ได้เป็นอันขาด โดยเฉพาะคนที่เคยดูหมิ่นปรามาสนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไว้ว่าเป็นเด็กบ้าง หรือเป็นผู้นำที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมบ้าง ย่อมวุ่นวายใจ ไม่มีทางที่จะยอมให้เกิดความสำเร็จขึ้นได้เป็นอันขาด
เพราะเหตุนี้จึงมีการทำทุกวิถีทางเพื่อจะล้มหรือทำลายการประชุมสุดยอดอาเซียนในประเทศไทยให้จงได้ไม่ว่าโดยวิธีใดๆ และได้ทำให้เห็นมาแล้วโดยการล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยาเมื่อเดือนเมษายน ปีนี้
ล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยาได้แล้วก็ไชโยโห่ร้องกันเป็นการใหญ่ว่าเป็นชัยชนะ แต่นั่นเป็นชัยชนะเฉพาะสำหรับคนเพียงไม่กี่คนที่ไฟริษยาสุมใจอยู่ ในขณะที่ประเทศไทย ภาคธุรกิจไทย และคนไทย เสียหายยับเยิน
และความเสียหายนี้ก็ถูกชี้ตราหน้าไปยังขบวนการที่ล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนนั้น จนกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาคนไทยโดยทั่วไปแล้ว
เมื่อการประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยาล้มลงก็ต้องเลื่อนการจัดประชุมและได้เลื่อนมาเป็นช่วงปลายเดือนตุลาคม ที่หัวหิน ซึ่งย่อมตกเป็นเป้าหมายที่จะต้องล้มหรือทำลายเช่นเดียวกับการล้มการประชุมที่พัทยามาแล้ว
ดังนั้นการขับเคลื่อนก่อการชุมนุมทั้งในกรุงเทพฯ และหัวหินจึงเกิดขึ้น จนทำให้รัฐบาลหัวปั่น ไม่เป็นอันบริหารราชการแผ่นดิน ต้องมาคิดอ่านวางแผนรับมือกับการป่วนบ้านป่วนเมืองครั้งใหญ่
ทว่าคราวนี้จะปล่อยให้ล้มเหลวเหมือนคราวที่แล้วไม่ได้ เพราะถ้าหากล้มเหลวอีกก็รู้ตัวดีว่าจะเป็นความล้มเหลวที่ไม่สามารถอยู่บริหารราชการแผ่นดินได้อีกต่อไป และประเทศไทยก็จะไม่มีอะไรเหลือหรออีกแล้ว
ดังนั้นรัฐบาลจึงได้ทุ่มเทสรรพกำลังในการป้องกันมิให้เกิดอันตรายขึ้น ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และในพื้นที่ที่จะมีการประชุมสุดยอดอาเซียนที่หัวหิน
ฝ่ายหนึ่งคือรัฐบาลต้องการให้การประชุมดำเนินไปอย่างราบรื่นเรียบร้อย แต่อีกพวกหนึ่งก็ต้องการล้มการประชุมให้จงได้ เพื่อบำบัดความริษยาอาฆาตของตนและเพื่อหวังผลต่อการล้มรัฐบาลไปในตัว ดังนั้นการเตรียมการและการเคลื่อนไหวจึงทุ่มเทกันแทบหมดหน้าตัก
ในพื้นที่กรุงเทพมหานครแม้จะมีข่าวและเหตุการณ์หลายอย่างที่ก่อให้เกิดความอกสั่นขวัญหายแก่ประชาชนทั่วไป แต่ในที่สุดเหตุการณ์ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี และเช่นเดียวกันกับพื้นที่หัวหิน เหตุการณ์ก็ผ่านไปโดยราบรื่นเรียบร้อย
แต่สิ่งที่คนไทยไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น นั่นคือการเดินทางมาประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมประชุมของนายฮุนเซน ซึ่งปัจจุบันนี้คนไทยจำนวนหนึ่งได้เปลี่ยนชื่อให้ใหม่ว่านาย “ฮวยเซ็ง” ได้เกิดเหตุการณ์เหยียบหน้าและทำลายเกียรติภูมิของประเทศไทย และคนไทยอย่างร้ายแรงที่สุด
นายฮุนเซนฉวยโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนเปิดแถลงข่าวในทันทีที่เดินทางถึงประเทศไทย ตบหน้าศาลไทย ตบหน้ารัฐบาลไทย ตบหน้ากองทัพไทย และคนไทยอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ
ด้วยการประกาศต่อสื่อมวลชนว่าจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พำนักในเขมร จะตั้งให้เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรี จะไม่ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนให้กับประเทศไทย เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทั่งท้าว่าจะสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
เท่านั้นแหละเกิดเรื่อง! บรรดาประชาชาติไทยทั้งมวลที่ล้วนมีความเคียดแค้นฝังใจในพระยาละแวกที่กระทำย่ำยีประเทศไทยจนสมเด็จพระนเรศวรมหาราชต้องยกกองทัพไปปราบแล้วตัดหัวเอาเลือดล้างพระบาทเพื่อชำระความแค้น จึงรุมกันประณามนายฮุนเซนชนิดไม่ไว้น้ำหน้าเช่นเดียวกัน
แล้วพากันเคียดแค้นชิงชังไปถึงคนที่คิดและเข้าใจว่าสมรู้ร่วมคิดกับนายฮุนเซนให้มากระทำย่ำยีน้ำใจคนไทยในประเทศไทยดังกล่าวด้วย ดังนั้นบรรดาผู้เกี่ยวข้องกับนายฮุนเซนในเรื่องนี้จึงต้องรับแรงกระทบจากความโกรธแค้นชิงชังของคนไทยที่มีน้ำใจรักชาติไปเต็มๆ และต้องปฏิเสธความรับผิดชอบกันจ้าละหวั่นอยู่ในขณะนี้
กระแสการต่อต้านการดึงเขมรมาย่ำยีประเทศไทยไหม้ลามไปทั่วประเทศ โดยผู้คนทุกวงการ ทุกสาขาอาชีพ แม้กระทั่งสื่อมวลชนที่เคยเลือกข้างต่างก็ไม่อาจยอมรับการดึงเอาเขมรเข้ามาทำย่ำยีกับประเทศไทยเช่นนี้
สถานีวิทยุแทบทุกสถานี สถานีโทรทัศน์แทบทุกแห่ง หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ คอลัมนิสต์แทบทุกคอลัมน์ล้วนประณามไปในทางเดียวกันว่าการดึงเขมรเข้ามาหยามน้ำหน้าประเทศไทยในครั้งนี้เป็นการทรยศชาติ เป็นการขายชาติ แม้กระทั่งการด่ากราดอย่างสาดเสียเทเสียชนิดไม่เผาผีกันก็เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
นักวิชาการหลายกลุ่มได้แฉพฤติกรรมขายชาติออกมาเป็นระลอกๆ และยังเตือนคนไทยทั่วทั้งประเทศว่าการไปดึงเอาเขมรเข้ามาย่ำยีประเทศไทยจะเป็นการซ้ำรอยเขมรที่ไปดึงเอากองทัพเวียดนามเข้ามายึดเขมรเพื่อให้กลุ่มนายฮุนเซนมีอำนาจ และเกิดผลต่อมาคือถูกฮุบดินแดนจำนวนมาก โดยปริปากใดๆ ไม่ได้
กระตุ้นเตือนคนไทยให้ตื่นรู้ว่าหากไปดึงเอาเขมรมาย่ำยีประเทศไทยหรือคิดอาศัยกำลังเขมรมาร่วมกับกองกำลังบางกลุ่มทั้งในและนอกรัฐบาลเพื่อยึดอำนาจและฟื้นอำนาจเก่าขึ้นมาแล้ว ในที่สุดประเทศไทยก็จะเดินตามรอยเขมร
นั่นคืออาจจะต้องเสียดินแดนและผลประโยชน์ของชาติจำนวนมหาศาลให้กับเขมรเพื่อเป็นบรรณาการตอบแทนบุญคุณของเขมร ที่มากระทำต่อประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีคนไทยหน้าไหนยอมรับได้
ไฟที่ไหม้ไพ่เขมรยังไหม้ลามไปถึงพม่า เพราะในการพูดของนายฮุนเซนดังกล่าวยังได้ลามปามพาดพิงไปถึงชาวพม่าด้วย โดยกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เช่นเดียวกับนางอองซาน ซูจีของพม่า
ก็เกิดเรื่องใหญ่ เพราะคนพม่าจำนวนมากไม่อาจยอมรับการเปรียบเทียบเช่นนี้ของนายฮุนเซนได้
ชุมชนชาวพม่าในประเทศไทย กระทั่งสภาเพื่อประชาธิปไตยของพม่า ได้ออกแถลงการณ์ประณามนายฮุนเซนว่าดูหมิ่นชาวพม่า โดยอ้างว่านางอองซาน ซูจีไม่เคยปฏิเสธกระบวนการยุติธรรม ไม่เคยทรยศชาติ และไม่เคยทุจริตคอร์รัปชัน
สื่อมวลชนในพม่าก็พากันเสนอข่าวประสานกันเป็นระลอกๆ ในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญคือได้ระบุถึงพฤติกรรมของนางอองซาน ซูจีว่าเป็นอย่างหนึ่ง ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นอีกอย่างหนึ่ง เปรียบเทียบกันไม่ได้
ทำให้ชาวพม่าได้รู้พฤติกรรมและพฤติการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างกว้างขวางว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการที่ได้ร่วมมือกับอดีตนายทหารผู้มีอำนาจของพม่าที่ถูกขับออกจากอำนาจไปแล้วว่าเป็นไปเพื่ออะไรอย่างล่อนจ้อน
ไฟไหม้ไพ่เขมรลามไปถึงพม่าแล้ว ยังลามไปถึงบรูไนด้วย เพราะชาวบรูไนและสื่อบรูไนไม่พอใจที่นายฮุนเซนได้กระทำย่ำยีประเทศไทยซึ่งเป็นมิตรประเทศอย่างหนึ่ง และไม่พอใจลิ่วล้อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บางคนที่ให้ข่าวเท็จแก่สื่อมวลชนว่าในระหว่างที่พระราชาธิบดีแห่งบรูไนเดินทางมาประชุมสุดยอดอาเซียนในประเทศไทย ได้ไปพักที่บ้านของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งไม่มีมูลความจริงเลย และทำให้เกิดความเสียหายแก่พระราชาธิบดีแห่งบรูไน
สื่อบรูไนจึงพากันเสนอข่าวประณามนายฮุนเซนจนก้องกระหึ่มไปทั้งคาบสมุทรมลายู
ส่วนในเขมร ทั้งพรรคฝ่ายค้าน ทั้งทหาร และพลเรือน ต่างพากันแสดงความไม่พอใจที่นายฮุนเซนประพฤติตนรับใช้นักการเมืองไทย นำเอาประเทศเขมรมาเป็นปรปักษ์กับคนไทย จึงเกิดแรงสั่นไหวกระเพื่อมอย่างรุนแรง จนกระทั่งนำไปสู่การปลดผู้บัญชาการทหารสูงสุดไปแล้ว
ไฟเขมรกำลังไหม้ลามไปอย่างกว้างขวาง กระทบไปถึงหลายประเทศแล้ว เห็นทีจะถือไพ่เขมรต่อไปไม่ได้แล้ว และต้องตามดูว่าใครจะต้องเป็นแพะรับบาปในการเล่นไพ่เขมรใบนี้?
