ในฐานะอดีตนักข่าวสายการเมือง – ความมั่นคง บอกตรงๆ ว่าเรื่องราวของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และสมเด็จฯ ฮุนเซน ที่กำลังเป็นข่าวร้อนข่าวร้ายอยู่หน้าจอโทรทัศน์หน้าปัดวิทยุในขณะนี้...
เป็นเรื่องที่หัวเราะมิได้ ร้องไห้มิออก ได้แต่เกิดอาการจุกอก จนได้แต่เตะลมแก้อาการแน่นเสียด...
ระหว่างแถลงข่าวกับสื่อมวลชนเมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา “สุริยใส กตะศิลา” ว่าที่เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ หลุดออกมาด้วยอาการเบื่อโลกตอนหนึ่งว่า ขณะนี้ “บิ๊กจิ๋ว –แม้ว –ฮุนเซน” เปรียบเสมือนสามเกลอ รุ่น 2 ที่มีปฏิบัติการร่วมกัน.
“วีระ –จตุพร –ณัฐวุฒิ” ยืดอกสี่ศอกได้เลยว่าได้เป็นสามเกลอ (หัวขวด) รุ่นแรก แน่กว่า เก่งกว่า เพราะมีรุ่นน้องเดินตามหลัง แถมให้กะตังค์อีกต่างหาก...
ในบรรดาสามเกลอ รุ่น 2 ผมนึกไม่ถึงว่าทำไมพล.อ.ชวลิต “พี่จิ๋ว หวานเจี๊ยบ” ของผมถึงได้ตัดสินใจพาชีวิตวัย 77 ปีมาเล่นบทบาทอย่างที่เห็นและเป็นไป...
* อุดมการณ์ในนามของโซ่ข้อกลาง ต้องการสร้างสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในประเทศ จึงต้องยอมเปลืองตัว ยอมกลายเป็นนักศึกษาหลักสูตรทรยศชาติ รุ่น 1 สามเกลอรุ่น 2
* ผลประโยชน์ – เงินตรา เพราะมีลูกน้องบริวารที่ต้องดูแลเอื้อเฟื้ออีกมากมาย ทั้งลูกน้องที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองอยู่บ้างและลูกน้องที่รอรับแต่ผลประโยชน์
* อำนาจ อันเป็นกิเลสตัณหาหรือความปรารถนาส่วนลึก เคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 22 ของประเทศไทย แล้วยอมลดชั้นมาเป็นรองนายกฯ ในรัฐบาลทักษิณและรัฐบาลสมชาย การย่างสามขุมมาอยู่พรรคเพื่อไทยหนนี้อาจถูกหวยตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ได้ แม้มันอาจจะเป็นไปได้น้อยมาก...วันนี้จึงต้องโชว์บทบาทให้เข้าตาทักษิณให้มากที่สุด
มองกลางๆ กว้างๆ และเป็นธรรมกับท่านพล.อ.ชวลิตคงต้องเอา 3 ข้อ มารวมกันแล้วสรุปอีกทีว่า เหตุที่ชายชื่อ “ชวลิต” ยังไม่รู้จักสงครามครั้งสุดท้ายของตัวเองก็เพราะ..
“อำนาจและผลประโยชน์” เป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อเป็นการส่วนตัวว่า อดีตเจ้ากรมยุทธการทหารบก, อดีตเสนาธิการทหารบก, อดีต ผบ.ทบ.และรักษาการ ผบ.สูงสุด และอดีตนายกรัฐมนตรี อย่างพล.อ.ชวลิตกับเกม “อำนาจและผลประโยชน์” บนเส้นลวดที่พล.อ.ชวลิตกำลังปีนป่ายอยู่ในวันนี้ ยังวางอยู่บนเกมการเมืองที่มองไปข้างหน้าหลายเดือนหรือเป็นปี เป็นเกม “ข้ามช็อต”...
เกมข้ามช็อตที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ผู้มีความรักและปรารถนาดีต่อพล.อ.ชวลิตต้องออกมาดักคอดักทางว่า..ถ้าคิดไม่รอบคอบมันคือการทรยศชาติ...
แต่วันนี้ดูเหมือนว่า “บิ๊กจิ๋ว” เลือกที่จะเดินหน้า หันหน้ากันคนละทาง สร้างดาวกันคนละดวงกับพล.อ.เปรมแล้วอย่างเด่นชัด
...................
กลับมาที่ “ฮุนเซน” และ “ทักษิณ ชินวัตร”
เริ่มที่พล.อ.ชวลิตต้องออกแรงไปเยือนสมเด็จฯ ฮุนเซน เพียงเพื่อให้ฮุนเซนตอกย้ำว่า “ทักษิณ” คือเพื่อนชั่วนิรันดร์ของเขา ตอนนี้เขากำลังจะสร้างบ้านพักในกัมพูชาให้ทักษิณ
ขณะเดินทางมาร่วมประชุมอาเซียนซัมมิท ฮุนเซนยังจงใจทำปืนลั่นอีกว่าเขาจะตั้งทักษิณเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ทักษิณควรได้รับความเป็นธรรมจากระบบยุติธรรมไทย เพราะทักษิณก็ไม่ต่างจากนางอองซาน ซูจี แห่งพม่าที่ถูกการเมืองรังแก...
อันที่จริง กล่าวกันอย่างถึงที่สุด “ทักษิณ” กับ “ฮุนเซน” นั้น ไม่ได้มีสัมพันธภาพที่ดูดดื่มในเชิงมิตรภาพและความรักความจริงใจกันมากมายอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจ ตรงข้ามในบางครั้งขัดแย้ง ตึงเครียดกันอีกต่างหาก แต่ด้วยมิตรภาพที่แท้จริงของทั้งสองก็คือ “ผลประโยชน์ร่วม” ที่ไม่เข้าใครออกใครความสัมพันธ์จึงดำเนินมาได้เหมือนโจรคบโจรยังไงยังงั้น
กรณีรัฐบาลทักษิณและรัฐบาลหุ่นเชิดสมัคร-สมชาย ปูทางและเอื้อเฟื้อผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ กรณีเขาพระวิหารให้กับกัมพูชา –ฮุนเซน คือหนึ่งในตัวอย่างของคำว่า “ผลประโยชน์ร่วม”
วันนี้ “ทักษิณ” ที่โผล่ได้แต่เสียงและตัวอักษรผ่านทวิสเตอร์ ตกผลึกในยุทธศาสตร์ยุทธวิธีร่วมกับกองทัพคนเสื้อแดงแล้วว่าจะชูธงสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่จะโค่นล้มคนที่พวกเขาเรียกว่ามหาอำมาตย์คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่มีสิทธิเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 20
และคนเสื้อแดง สามเกลอหัวขวดได้ปราศรัยเผยแพร่ข้อมูลเป็นครีมรองพื้นไปแล้วว่า พล.อ.เปรมเป็นคนทะเยอทะยานอยากจะเป็นอะไรๆ ที่มากไปกว่าองคมนตรี พวกเขาต้องขัดขวางเพราะปล่อยไปบ้านเมืองจะลุกเป็นไฟบรรลัยกัลป์ ก่อนที่พวกเขาจะประกาศในที่สุดว่าจะต้องแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 20 เพื่อสกัดพล.อ.เปรม...
เป็นการปราศรัย –ประกาศผ่านสถานีโทรทัศน์พีเพิล ชาแนล ที่ใครได้ฟังแล้วต้องสะดุ้งไหว ยกเว้นรัฐบาลที่ยังปล่อยให้การพูดจาปราศรัยในเชิงหมิ่นเหม่ต่อสถาบันผ่านเวทีและรายการต่างๆ ดำเนินต่อไปได้...
วันนี้...แม้ดูเหมือนว่าแนวรบคนเสื้อแดง –ทักษิณจะคึกคัก รอทำสงครามแตกหักไล่รัฐบาลในเดือนพ.ย. 2552 นี้ แต่ผมยังมองไม่เห็นหนทางว่าจะทำอะไรรัฐบาลได้ ยกเว้นพวกเขาจะยกพลมาได้ 5 แสนหรือล้านคนตามราคาคุย...
ถ้าสิ้นปียังไล่รัฐบาลไม่ได้ ดีไม่ดีผมว่าทักษิณอาจจะตรอมใจตายไปก่อนใครเพื่อน อดเล่นเกม “ข้ามช็อต” กับพี่จิ๋ว...
อย่างไรก็ตาม คนที่เป็นรัฐบาลก็อย่าได้วางตนอยู่บนความประมาท
- อย่าประมาทหรือทำเป็นเฉยเมยกับอารมณ์ความรู้สึกของคนไทยที่ทนไม่ได้กับความไร้มารยาทของฮุนเซนที่มาป่วนไทย โดยที่รัฐบาลได้ตอบโต้เพียงแผ่วเบา และดูจะไม่นำพากับข้อเสนอของฝ่ายต่างๆ
- อย่าประมาทกับคนที่ดูเหมือนล้มละลายไร้ราคาอย่างพี่จิ๋ว หวานเจี๊ยบ ของผม...อย่าประมาทกับกองกำลังคนมีสีแก่ๆ ที่ตบเท้าเข้าพรรคเพื่อไทย...อย่าประมาทกับความหน้ามืดตามัวของกลุ่มคนที่กำลังตบเท้าชักแถวเข้าไปเป็นนักศึกษาหลักสูตรทรยศชาติ รุ่น 2 รุ่น 3 และรุ่น....
สงครามของ “บิ๊กจิ๋ว-แม้ว-ฮุนเซน” เพิ่งเริ่มต้น
และแท้จริงแล้วสำหรับพล.อ.ชวลิตท่านไม่มี ไม่รู้จักคำว่า “สงครามครั้งสุดท้าย” แต่อย่างใด !!??
samr_rod@hotmail.com
เป็นเรื่องที่หัวเราะมิได้ ร้องไห้มิออก ได้แต่เกิดอาการจุกอก จนได้แต่เตะลมแก้อาการแน่นเสียด...
ระหว่างแถลงข่าวกับสื่อมวลชนเมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา “สุริยใส กตะศิลา” ว่าที่เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ หลุดออกมาด้วยอาการเบื่อโลกตอนหนึ่งว่า ขณะนี้ “บิ๊กจิ๋ว –แม้ว –ฮุนเซน” เปรียบเสมือนสามเกลอ รุ่น 2 ที่มีปฏิบัติการร่วมกัน.
“วีระ –จตุพร –ณัฐวุฒิ” ยืดอกสี่ศอกได้เลยว่าได้เป็นสามเกลอ (หัวขวด) รุ่นแรก แน่กว่า เก่งกว่า เพราะมีรุ่นน้องเดินตามหลัง แถมให้กะตังค์อีกต่างหาก...
ในบรรดาสามเกลอ รุ่น 2 ผมนึกไม่ถึงว่าทำไมพล.อ.ชวลิต “พี่จิ๋ว หวานเจี๊ยบ” ของผมถึงได้ตัดสินใจพาชีวิตวัย 77 ปีมาเล่นบทบาทอย่างที่เห็นและเป็นไป...
* อุดมการณ์ในนามของโซ่ข้อกลาง ต้องการสร้างสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในประเทศ จึงต้องยอมเปลืองตัว ยอมกลายเป็นนักศึกษาหลักสูตรทรยศชาติ รุ่น 1 สามเกลอรุ่น 2
* ผลประโยชน์ – เงินตรา เพราะมีลูกน้องบริวารที่ต้องดูแลเอื้อเฟื้ออีกมากมาย ทั้งลูกน้องที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองอยู่บ้างและลูกน้องที่รอรับแต่ผลประโยชน์
* อำนาจ อันเป็นกิเลสตัณหาหรือความปรารถนาส่วนลึก เคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 22 ของประเทศไทย แล้วยอมลดชั้นมาเป็นรองนายกฯ ในรัฐบาลทักษิณและรัฐบาลสมชาย การย่างสามขุมมาอยู่พรรคเพื่อไทยหนนี้อาจถูกหวยตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ได้ แม้มันอาจจะเป็นไปได้น้อยมาก...วันนี้จึงต้องโชว์บทบาทให้เข้าตาทักษิณให้มากที่สุด
มองกลางๆ กว้างๆ และเป็นธรรมกับท่านพล.อ.ชวลิตคงต้องเอา 3 ข้อ มารวมกันแล้วสรุปอีกทีว่า เหตุที่ชายชื่อ “ชวลิต” ยังไม่รู้จักสงครามครั้งสุดท้ายของตัวเองก็เพราะ..
“อำนาจและผลประโยชน์” เป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อเป็นการส่วนตัวว่า อดีตเจ้ากรมยุทธการทหารบก, อดีตเสนาธิการทหารบก, อดีต ผบ.ทบ.และรักษาการ ผบ.สูงสุด และอดีตนายกรัฐมนตรี อย่างพล.อ.ชวลิตกับเกม “อำนาจและผลประโยชน์” บนเส้นลวดที่พล.อ.ชวลิตกำลังปีนป่ายอยู่ในวันนี้ ยังวางอยู่บนเกมการเมืองที่มองไปข้างหน้าหลายเดือนหรือเป็นปี เป็นเกม “ข้ามช็อต”...
เกมข้ามช็อตที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ผู้มีความรักและปรารถนาดีต่อพล.อ.ชวลิตต้องออกมาดักคอดักทางว่า..ถ้าคิดไม่รอบคอบมันคือการทรยศชาติ...
แต่วันนี้ดูเหมือนว่า “บิ๊กจิ๋ว” เลือกที่จะเดินหน้า หันหน้ากันคนละทาง สร้างดาวกันคนละดวงกับพล.อ.เปรมแล้วอย่างเด่นชัด
...................
กลับมาที่ “ฮุนเซน” และ “ทักษิณ ชินวัตร”
เริ่มที่พล.อ.ชวลิตต้องออกแรงไปเยือนสมเด็จฯ ฮุนเซน เพียงเพื่อให้ฮุนเซนตอกย้ำว่า “ทักษิณ” คือเพื่อนชั่วนิรันดร์ของเขา ตอนนี้เขากำลังจะสร้างบ้านพักในกัมพูชาให้ทักษิณ
ขณะเดินทางมาร่วมประชุมอาเซียนซัมมิท ฮุนเซนยังจงใจทำปืนลั่นอีกว่าเขาจะตั้งทักษิณเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ทักษิณควรได้รับความเป็นธรรมจากระบบยุติธรรมไทย เพราะทักษิณก็ไม่ต่างจากนางอองซาน ซูจี แห่งพม่าที่ถูกการเมืองรังแก...
อันที่จริง กล่าวกันอย่างถึงที่สุด “ทักษิณ” กับ “ฮุนเซน” นั้น ไม่ได้มีสัมพันธภาพที่ดูดดื่มในเชิงมิตรภาพและความรักความจริงใจกันมากมายอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจ ตรงข้ามในบางครั้งขัดแย้ง ตึงเครียดกันอีกต่างหาก แต่ด้วยมิตรภาพที่แท้จริงของทั้งสองก็คือ “ผลประโยชน์ร่วม” ที่ไม่เข้าใครออกใครความสัมพันธ์จึงดำเนินมาได้เหมือนโจรคบโจรยังไงยังงั้น
กรณีรัฐบาลทักษิณและรัฐบาลหุ่นเชิดสมัคร-สมชาย ปูทางและเอื้อเฟื้อผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ กรณีเขาพระวิหารให้กับกัมพูชา –ฮุนเซน คือหนึ่งในตัวอย่างของคำว่า “ผลประโยชน์ร่วม”
วันนี้ “ทักษิณ” ที่โผล่ได้แต่เสียงและตัวอักษรผ่านทวิสเตอร์ ตกผลึกในยุทธศาสตร์ยุทธวิธีร่วมกับกองทัพคนเสื้อแดงแล้วว่าจะชูธงสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่จะโค่นล้มคนที่พวกเขาเรียกว่ามหาอำมาตย์คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่มีสิทธิเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 20
และคนเสื้อแดง สามเกลอหัวขวดได้ปราศรัยเผยแพร่ข้อมูลเป็นครีมรองพื้นไปแล้วว่า พล.อ.เปรมเป็นคนทะเยอทะยานอยากจะเป็นอะไรๆ ที่มากไปกว่าองคมนตรี พวกเขาต้องขัดขวางเพราะปล่อยไปบ้านเมืองจะลุกเป็นไฟบรรลัยกัลป์ ก่อนที่พวกเขาจะประกาศในที่สุดว่าจะต้องแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 20 เพื่อสกัดพล.อ.เปรม...
เป็นการปราศรัย –ประกาศผ่านสถานีโทรทัศน์พีเพิล ชาแนล ที่ใครได้ฟังแล้วต้องสะดุ้งไหว ยกเว้นรัฐบาลที่ยังปล่อยให้การพูดจาปราศรัยในเชิงหมิ่นเหม่ต่อสถาบันผ่านเวทีและรายการต่างๆ ดำเนินต่อไปได้...
วันนี้...แม้ดูเหมือนว่าแนวรบคนเสื้อแดง –ทักษิณจะคึกคัก รอทำสงครามแตกหักไล่รัฐบาลในเดือนพ.ย. 2552 นี้ แต่ผมยังมองไม่เห็นหนทางว่าจะทำอะไรรัฐบาลได้ ยกเว้นพวกเขาจะยกพลมาได้ 5 แสนหรือล้านคนตามราคาคุย...
ถ้าสิ้นปียังไล่รัฐบาลไม่ได้ ดีไม่ดีผมว่าทักษิณอาจจะตรอมใจตายไปก่อนใครเพื่อน อดเล่นเกม “ข้ามช็อต” กับพี่จิ๋ว...
อย่างไรก็ตาม คนที่เป็นรัฐบาลก็อย่าได้วางตนอยู่บนความประมาท
- อย่าประมาทหรือทำเป็นเฉยเมยกับอารมณ์ความรู้สึกของคนไทยที่ทนไม่ได้กับความไร้มารยาทของฮุนเซนที่มาป่วนไทย โดยที่รัฐบาลได้ตอบโต้เพียงแผ่วเบา และดูจะไม่นำพากับข้อเสนอของฝ่ายต่างๆ
- อย่าประมาทกับคนที่ดูเหมือนล้มละลายไร้ราคาอย่างพี่จิ๋ว หวานเจี๊ยบ ของผม...อย่าประมาทกับกองกำลังคนมีสีแก่ๆ ที่ตบเท้าเข้าพรรคเพื่อไทย...อย่าประมาทกับความหน้ามืดตามัวของกลุ่มคนที่กำลังตบเท้าชักแถวเข้าไปเป็นนักศึกษาหลักสูตรทรยศชาติ รุ่น 2 รุ่น 3 และรุ่น....
สงครามของ “บิ๊กจิ๋ว-แม้ว-ฮุนเซน” เพิ่งเริ่มต้น
และแท้จริงแล้วสำหรับพล.อ.ชวลิตท่านไม่มี ไม่รู้จักคำว่า “สงครามครั้งสุดท้าย” แต่อย่างใด !!??
samr_rod@hotmail.com