ASTVผู้จัดการรายวัน-- กัมพูชาเริ่มถอนทหารบางส่วนกับรถถังจากชายแดนไทยด้านจังหวัดพระวิหารในวันพุธ (26 ส.ค.) ที่ผ่านมา ตามบัญชาของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีฮุนเซน นอกจากนั้นการถอนทหารยังมีข้นหลังการพบเจรจาในกรุงพนมเปญเมื่อวันจันทร์ ระหว่างผู้บัญชาการกองทัพของสองประเทศ
"การถอนรถถังเป็นคำสั่งของท่านนายกรัฐมนตรีฮุนเซนเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว รถถังเหล่านั้นจะกลับไปยังที่ตั้งเดิม" หนังสือพิมพ์รายวันภาษาเขมรรัศมีกัมพูชา (Reasmei Kampuchea) อ้างคำพูดของ พล.อ.เจียดารา รองผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติ
ขณะเดียวกันหนังสือพิมพ์ดืมอัมปึล (Deum Ampil) กล่าวว่า การถอนกำลังดังกล่าว ยังมีขึ้นเพื่อให้ทหารเหล่านั้น ได้กลับไปช่วยครอบครัวทำไร่ทำนาในช่วงฤดูฝนอีกด้วย
ยังไม่มีการเปิดเผยตัวประมาณการว่ากัมพูชาส่งทหารเข้าไปประจำตามแนวชายแดนติดกับไทยด้านปราสาทพระวิหารและภูมะเขือ (Phnom Trop) เป็นจำวนเท่าไร แต่ในช่วงที่สองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากันตรึงเครียดระหว่างเดือน ส.ค.-ต.ค.ปีที่แล้วนั้น มีทหารกัมพูชาประจำการอยู่รอบๆ ปราสาทพระวิหารกว่า 1,000 คน
"เราอยากจะเห็นชายแดนที่มีความมั่นคงปลอดภัย มีการพัฒนาที่ดี ปราศจากการเผชิญหน้ากับประเทศเพื่อนบ้าน" พล.อ.ดารากล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อที่กระทรวงกลาโหม
"เราเริ่มถอนรถถังของเราตั้งแต่วันที่ 26 เป็นต้นไป.. รถถังเหล่านั้นกลับไปยังที่ตั้ง แต่ถ้าหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง เราก็ยังสามารถเคลื่อนกับไปที่ชายแดนได้อย่างเร็วที่สุดเท่าที่ต้องการ" รองผู้บัญชาการกองทัพกัมพูชากล่าว
ทหารของสองฝ่ายเผชิญหน้ากันที่บริเวณปราสาทพระวิหารมาตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.2551 นำไปสู่การปะทะกัน 2 ครั้งในเดือน ต.ค.ปีเดียวกัน และต้นเดือน เม.ย.ปีนี้ มีทหารเสียชีวิตรวมกัน 7 คน
การพบเจรจาระหว่าง พล.อ.ทรงกิตติ จักราบาตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของไทย กับ พล.อ.สะเรือน (Pol Saroeun) ผู้บัญชาการกองทัพราชอาณาจักรกัมพูชาเมื่อวันจันทร์ สองฝ่ายยังปวารณาจะขยายความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างกัน เพื่อแสดงความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกันต่อประชาคมระหว่างประเทศอีกด้วย
หลังการพบเจรจาดังกล่าว ผบ.กองทัพกัมพูชา กับ ผบ.สูงสุดของไทย ได้ออกแถลงว่า ความเป็นอริต่อกันที่ชายแดนด้านปราสาทพระวิหารได้สิ้นสุดลงแล้ว
"เราจะแก้ทุกปัญหาด้วยสันติวิธีและรัฐบาลไทยก็กำลังพยายามเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างฝ่ายต่างๆ" หนังสือพิมพ์ดืมอัมปึลอ้างคำกล่าวของ ผบ.สูงสุดกองทัพไทย
พล.อ.ทรงกิตติยังกล่าวอีกว่า สองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมกันพัฒนาพื้นที่ชายแดน รวมทั้งการสร้างระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชนสองประเทศในการไปมาหาสู่กัน และ ฝ่ายไทยยินต้อนรับการเยือนของคณะทางทหารของฝ่ายกัมพูชาทุกเวลาและทุกระดับอีกด้วย ดืมอัมปึลกล่าว
ผบ.กองทัพกัมพูชาให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่า การพบเจรจาราดำเนินไปในบรรยากาศที่เป็นมิตร กัมพูชายังได้ขอร้องให้ฝ่ายไทยช่วยสนับสนุนพืชผลการเกษตรของกัมพูชา และขอให้ทหารไทยอะลุ่มอล่วยให้แก่ชาวเขมรที่อยู่ในเขตชนบท ที่มักจะไปหาไม้ฟืนตามแนวชายแดน ซึ่งอาจจะข้ามพรมแดนไทยเข้าไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และ ผบ.สูงสุดของฝ่ายไทยให้คำมั่นจะนำเรื่องนี้ไปสู่การปฏิบัติ "ดืมอัมปึล" กล่าว
พล.ต.เสรย์เดื๊อก (Srey Doeuk) ผู้บัญชาการทหารในพ้นที่ปราสาทพระวิหาร ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ทางโทรศัพท์ในวันพุธ ระบุว่า สถานการณ์ที่นั่นเป็นปกติดี "ทหารสองฝ่ายมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน"
ข่าวการถอนทหารออกจากชายแดนไทยเริ่มสะพัดในกรุงพนมเปญตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว สมเด็จฯ ฮุนเซน ได้เปิดเผยเรื่องนี้ระหว่างปราศรัยใน จ.โพธิสัตว์ (Pursat) ในวันอาทิตย์
สื่อของกัมพูชากล่าวว่าสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว หลังการไปเยือนไทยเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ของนายฮอร์นัมฮอง (Hor Nam Hong) รัฐมนตรีต่างประเทศซึ่งให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่า การพบเจรจากับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศของไทยเป็นไปภายใต้บรรยากาศที่เป็นมิตรและสร้างสรรค์
นายฮองกล่าวอีกว่าไทยและกัมพูชากำลังหาทางถอนทหารออกจากชายแดนเพื่อลดความตึงเครียด และเลี่ยงการปะทะ นอกจากนั้นสองฝ่ายยังตกลงจะขยายความสัมพันธ์ร่วมมือต่อกันอย่างรอบด้าน
ฝ่ายไทยได้ตกลงจะเปิดพรมแดนอีกแห่งหนึ่งในเขตนิคมบึงสนอร์ จ.บ้านใต้มีชัย (Banteay Meanchey) ทางตอนใต้ของ อ.อรัญประเทศ และ สองฝ่ายยังได้ร่วมกันเซ็นความตกลงว่าด้วยการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษที่คดีถึงที่สุดแล้ว
สองประเทศได้ตกลงจะขยายความสัมพันธ์ความร่วมมือต่อกัน ทั้งด้านการศึกษา วัฒนธรรม แรงงาน สาธารณสุข ด้านสังคม ยุติธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การโทรคมนาคม การท่องเที่ยว การค้า การลงทุน การเงิน การคมนาคมขนส่ง การเดินอากาศ ด้านอุตสาหกรรม เหมืองแร่และพลังงาน น้ำมันและก๊าซ การเกษตร การป่าไม้กับการประมง
ทั้งหมดนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในระดับรัฐบาล ซึ่งได้ทำให้สมเด็จฯ ฮุนเซน สั่งถอนกำลังออกจาก ชายแดน เพื่อสนองต่อท่าทีที่เป็นมิตรของฝ่ายไทย สื่อในกัมพูชากล่าว
นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ทางชายแดนด้าน จ.โพธิสัตว์ ทหารไทยได้ลดกำลังพลประจำการตามแนวชายแดนลงเหลือเพียงประมาณ 30 นาย แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยเกี่ยวกับจำนวนทหารที่จะถอนออกจากแนวของฝ่ายกัมพูชา
"เราได้เปลี่ยนแผนการเสริมกำลังทหารเล็กน้อย .. ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นก็จะใช้เวลาไม่นานในการส่งทหารกลับไป (ชายแดน) แต่หวังว่ามันจะไม่มีอะไร" สมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าวที่โพธิสัตว์ ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์และวิทยุไปทั่วประเทศ
"ในยุคสมัยใหม่นี้เราจำเป็นต้องหารือเรื่องราวทั้งหลายทั้งปวงกับฝ่ายต่างๆ และเราไม่อยากเห็นผู้คนหลั่งเลือด" รม.กัมพูชากล่าว.