xs
xsm
sm
md
lg

กองทัพซัดพท.สร้างกระแส ปฏิเสธสนธิกำลังร่วมตร.สกัดม็อบเสื้อแดง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะดูแลความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านอ้างว่ารัฐบาลเตรียมให้ทหารสนธิกำลังกับตำรวจ 10,000 นายเพื่อสกัดกั้นการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 24 ก.พ.ว่า พูดไปเรื่อยเปื่อย รัฐบาลเพียงประชุมกับหน่วนงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมอาเซียน ซัมมิท ซึ่งถือเป็นการโฆษณาประเทศไทย ไปสู่สายตาชาวโลก ดังนั้น อยากให้ทุกฝ่ายรักษาภาพพจน์และหน้าตาของประเทศไทยด้วย
ส่วนการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงต้องการให้รัฐบาลยุบสภาก่อนการประชุมอาเซียน นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีทางยุบสภาโดยรัฐบาลจะรักษาความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นทุกวิธีทาง โดยใช้กำลังตำรวจ หากไม่เพียงพอ หรือรับมือไม่ไหว ก็จำเป็นต้องใช้กำลังสนับสนุนจากทหาร รัฐบาลไม่ปิดกลั้นการชุมนุม แต่การชุมนุม ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่บุกรุก หรือทำลายสถานที่ราชาการ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้มาตรฐานในการรักษาความปลอดภัย โดยเริ่มจากการเจรจา ฉีดน้ำ จับกุม ซึ่งจะไม่มีการใช้ความรุนแรง แต่รัฐบาลจะใช้ความอดทน ความเข้มแข็งในการปฏิบัติหน้าที่กับกลุ่มผู้มาชุมนุม
ส่วนที่ฝ่ายค้านออกมาระบุว่า รัฐบาลได้มีการนำรถบด และตั้งบังเกอร์ รอบทำเนียบฯ เพื่อกั้นกลุ่มมวลชนเสื้อแดงนั้น นายสุเทพ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า ไม่มีรัฐบาลจะดำเนินการทุกอย่างตามมาตรฐานสากล เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง และไม่ให้เกิดการนองเลือดเกิดขึ้น
พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สูงสุด กล่าวปฏิเสธข้อกล่าวหาของ พรรคเพื่อไทยที่ระบุว่ากองทัพและตำรวจส่งกำลังกว่าหมื่นนายเพื่อสกัดกั้นกลุ่มคนเสื่อแดงในการชุมนุมในวันที่ 24 ก.พ. และเชื่อว่าข้อกล่าวหานี้จะไม่ส่งผลเสียต่อกองทัพเพราะไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหา
อย่าไปเชื่อข้อกล่าวหานี้ กองทัพทำหน้าที่ของกองทัพ และเป็นกองทัพของประชาชน กองทัพในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้มั่นใจกองทัพว่าจะยืนอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมและดีที่สุดในทุกสภาวการณ์
พล.อ.ทรงกิตติ เชื่อว่าการกล่าวหาเช่นนี้ของพรรคเพื่อไทย เป็นการสร้างกระแสข่าว ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยจะต้องก้าวเดินหน้าต่อไปเพื่อประชาชนทั้ง 60 ล้านคน อยากให้ทุกคนมีความร่วมมือกันที่ทำงานให้ประเทศเทศชาติเพื่อให้เดินหน้าต่อไปในสภาวะแบบนี้ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกผันผวน ในขณะที่ประเทศจะต้องพยุง และดูแลประชาชนให้เดินหน้ากันต่อไป เราอยากให้ทุกคนสามัคคี
ผู้สื่อข่าวถามว่ากองทัพพยายามเดินหน้าสร้างความสมานฉันท์ แต่นักการเมืองบางกลุ่มไม่สนใจการสร้างความสมานฉันท์ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ประชาชนทราบดีว่าใครพูดออกมาแล้วเป็นอย่างไร ประชาชนมีวิจารณญาณ ต้องให้เกียรติประชาชน อย่าไปกังวล ไม่มีเรื่องที่กังวล
ผู้สื่อข่าวถามว่า กองทัพมีการวิเคราะห์หรือไม่ว่า ทำไม่กองทัพถึงถูกโจมตีหนักในช่วงนี้ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า กองทัพในช่วงเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนที่กองทัพจะไม่ถูกโจมตี แต่มันมีทุกช่วง ทั้งนี้เมื่อใครคิดว่ากองทัพทำไว้ไม่เป็นไปตามที่ตนเองคิด ก็จะบอกว่าไม่ถูกต้อง ทั้งที่ว่าเราเดินหน้าในการทำงานในการช่วยด้วยระบบ และด้วยองค์กรตลอดเวลา
ส่วนในฐานะที่เป็นเพื่อน ตท.10 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะขอร้องให้หยุดการเคลื่อนไหวเพื่อยุติปัญหาทีเกิดขึ้น หลังจากที่ประกาศขอสู้ตายทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ตนไม่ทราบและไม่สามารถจะกล่าวได้ แต่พูดกันแล้วว่าการแนะนำบุคคลหนึ่งบุคคลใดทุกท่านมีวิจารณญาณมีความเป็นคิด มีความเป็นตัวของตัวเอง แต่ทุกคนที่เป็นคนไทยจะต้องทำเพื่อส่วนรวม และเพื่อประเทศชาติ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.กล่าวว่า ขณะนี้การดูแลการชุมนุมเป็นหน้าที่ของตำรวจอยู่ แต่หากจะเป็นต้องใช้ทหารก็จะเข้ามาในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ส่วนจำนวนกำลังพลที่จะนำมาใช้ก็จะเท่าเดิม โดยจะทำหน้าที่รักษาความสงบและดูแลสถานที่เท่านั้นคงไม่ได้ใช้กำลังทหารออกไปเพื่อทำให้เกิดความรุนแรงแต่อย่างใด
พล.อ.อนุพงษ์ ยืนยันว่า กองทัพไม่ได้ใช่อาวุธและไม่มีมาตรการรุนแรง อย่างที่ถูกกล่าวหา การจะดำเนินการอย่างไรอยู่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้พิจารณาว่าจะใช้มาตรการ
สำหรับเอกสารที่ฝ่ายค้านอ้างว่าเป็นเอกสารลับในการสลายกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องลับ เป็นการดำเนินการโดยใช้แนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอลงไปช่วยรัฐบาลตามกรอบที่ได้รับมอบหมายมา ทั้งนี้เจตนาเพื่อช่วยกันประคับประคองสถานการณ์วิกฤตของคนที่อยู่ห่างไกลสามารถผ่านวิกฤติเศรษฐกิจได้เป็นหลัก ไม่มีเจตนาที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับคนกลุ่มใดอย่างไรเลย โดยเนื้อหาไม่ใช่เรื่องลับ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เอกสารที่หลุดออกมามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ฝ่ายค้านประทับตราเอง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามว่า จะมีการดำเนินการอย่างไรกับเอกสารลับที่หลุดออกไป พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องปกติ ถ้าพูดถึงองค์กรทั่วไปขอยืนยันว่าเอกสารนี้ไม่ใช่เรื่องลับเป็นเรื่องปกติที่ทำ และตนก็ยังไม่เคยเห็นจึงไม่ทราบ แต่ขอยืนยันว่าไม่มี
ผู้สื่อข่าวถามว่าในเรื่องของเอกสารลับหรือไม่ลับ แต่เมื่อหลุดออกมาแล้ว จำเป็นจะต้องมีการตรวจสอบหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่จำเป็น เพราะมี มาตรการอยู่แล้ว จะเป็นอย่างไรก็ตามคงไม่ใช่ประเด็นที่จะมาพูดกันเพื่อหาเหตุคงไม่ใช่
กำลังโหลดความคิดเห็น