“อมร” แนะการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ต้องยกเลิกอำนาจพรรคปลด ส.ส. พร้อมให้นายกฯมาจากคนภายนอกได้ ส่วนการยกร่าง รธน.ฉบับใหม่ ต้องยกเลิกเผด็จการโดยพรรคการเมืองเสียก่อน ด้าน “บุญสร้าง” หนุนแนวคิดปลดล็อค ส.ส.จากพรรค นายกฯไม่ต้องมาจากการ เลือกตั้ง ระบุเป็นการให้อำนาจเผด็จการกับคนบางกลุ่ม ย้ำทหารต้องเป็นกลางทางการเมือง
นายอมร จันทรสมบูรณ์ กรรมการกฤษฎีกา และนักกฎหมายมหาชน กล่าวตอนหนึ่งระหว่างงานเสวนา เรื่อง รัฐธรรมนูญที่เหมาะสมกับประเทศไทย ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร วานนี้ (9 ธ.ค.) ว่าใครก็ตามที่จะเข้ามาแก้ไขจะต้องทราบ 3 ขั้นตอนของปัญหาคือต้องรู้สาเหตุของปัญหา ต้องรู้จุดหมายของการแก้ปัญหาและต้องรู้วิธีการที่จะไปสู่จุดหมาย
ทั้งนี้ สาเหตุของปัญหาการเมืองไทยคือ การทุจริตคอรัปชั่นอย่างมโหฬารของนักการเมืองซึ่งเกิดจากการผูกขาดอำนาจรัฐโดยนักการเมืองนายทุนในระบบเผด็จการโดยพรรคการเมือง นายทุนธุรกิจในระบบรัฐสภาประเทศเดียวในโลก และเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535
ขณะที่รัฐธรรมนูญที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่ความจริงแล้วส.ส.ไม่มีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ได้ตามมโนธรรมของตนเอง ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตย แต่กลับบัญญัติให้พรรคการเมืองมีอำนาจให้ส.ส.พ้นจากการเป็นส.ส. หากไม่ปฏิบัติตามมติพรรค
ส่วนจุดหมายของการแก้ปัญหาบ้านเมือง หรือการมีการเมืองใหม่ คือการสร้างระบบสถาบันการเมืองรูปแบบใหม่ที่ให้ฝ่ายบริหารมีเสถียรภาพและประสิทธิภาพโดยไม่บังคับว่าส.ส.ต้องสังกัดพรรค และสำหรับวิธีการที่จะไปสู่จุดหมายได้คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปฏิรูปการเมืองหรือสร้างการเมืองใหม่ ที่จะต้องนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความเสื่อมทางการเมืองและการทุจริตคอรัปชั่นของนักการเมืองที่มาจาก การเลือกตั้ง ซึ่งจะทำได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการจัดรูปแบบและการกำหนดกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญขององค์กรยกร่างรัฐธรรมนูญที่จะต้องดีและเหมาะสม เพราะหากไม่ดีและไม่เหมาะสม ผลงาน ขององค์กรดังกล่าวก็จะไม่ดีเป็นเงาตามตัว
นายอมร กล่าวว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีรัฐบาลแห่งชาตินั้น ในขั้นแรกจะต้องให้ สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกในปัจจุบันไว้ แต่ต้องยกเลิกอำนาจของ พรรคการเมืองในการมีมติให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส.พ้นออกจากตำแหน่ง และให้นายกรัฐมนตรีมาจากบุคคลภายนอกได้ แต่บุคคลดังกล่าวจะต้องเป็นกลาง ทางสังคม ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีก็จะมีอำนาจแต่งตั้งรัฐมนตรีจากบุคคล ที่พรรคการเมืองต่างๆ เสนอขึ้นมาเพื่อจัดตั้งเป็นรัฐบาลแห่งชาติต่อไป
นอกจากนี้ควรเพิ่มมาตรการให้ ส.ส.ลงมติไม่ไว้วางใจในตัวนายกรัฐมนตรีได้ ส่วนยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องยกเลิกระบบเผด็จการโดยพรรคการเมือง เสียก่อน และสร้างระบบสถาบันการเมืองที่รัฐบาลมีเสถียรภาพอย่างแท้จริงพล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีต ผบ.สูงสุด ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมเสวนาเรื่อง รัฐธรรมนูญที่เหมาะสมกับประเทศไทยว่า การบรรยายนำโดย ศ.ดร.อมร จันทรสมบูรณ์ ที่เป็นนักกฎหมายมหาชนที่หลายคนยอมรับ โดยท่าน มองว่า รัฐธรรมนูญข้อหลักที่น่าจะแก้อย่างเร่งด่วน มี 3 มาตรา คือ 1.มาตราให้ส.ส.สังกัดพรรคการเมือง 2.มาตราให้ส.ส.อยู่ในความควบคุมของพรรค 3.นายกรัฐมนตรีต้องมาจากส.ส. เพราะมาตราเหล่านี้เป็นข้อกำหนดว่าใครจะเป็นผู้มีอำนาจ เพราะจะให้อำนาจเผด็จการกับบ้างกลุ่มไม่ได้ และข้อสำคัญคือ ไม่มีประเทศไหนในโลก ที่ไม่มีข้อนี้เลยแม้แต่ข้อเดียว ซึ่งทั้ง 3 มาตราทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ขณะนี้เพราะ ใครๆ พยายามแย่งกัน เพื่อให้ได้อำนาจเผด็จการรัฐสภา ส่วนรัฐบาลแห่งชาติ ไม่ได้มีการพูดถึง แต่รัฐบาลแห่งชาติเป็นแนวทางที่ดีและหลายคนเห็นด้วย แต่เป็นไปได้ยาก
"หากข้อหลักของกติกาบ้านเมือง หรือระบบของบ้านเมืองอยู่ในหลักที่เหมาะสม ถึงแม้จะมีผลเสียเกิดขึ้น แต่ก็น้อย เราเดินซ้ำแล้วซ้ำอีก และยอมที่จะเดินในวงจรอุบาทว์เก่าๆ และไม่เคยคิดว่าเกิดเพราะอะไร คลำกันอยู่ แต่ไม่ถูกจุด ซึ่งเชื่อว่ารัฐธรรมนูญมีผลในเรื่องหลักๆ และเกิดจากคนด้วย ถ้าคนดีมากๆ ระบบไม่ดีเท่าไร ไปได้สบาย แต่ถ้าคนเลวมากๆ จะทำระบบให้ดีคงยาก หากคนกลางๆ ระบบจะช่วยได้มาก เพราะระบบเลวก็แย่ ทั้งนี้การสร้างระบบใช้เงินน้อยมาก รัฐธรรมนูญ ทำให้ดีแล้วประโยชน์จะสู่บ้านเมืองเรา เราแก้เรื่องอื่นแทบแย่ แต่ถ้ารัฐธรรมนูญไม่เอื้อจะแก้ได้ยาก"
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่า รัฐธรรมนูญ 50 ในยุค คมช. เกิดความผิดพลาด พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ไม่ได้เกิดเฉพาะ คมช. แต่เกิดมาตั้งแต่ปี 2517 และค่อยๆ กลืนเข้าไปเรื่อยๆ จนขณะนี้สมบูรณ์แบบ คือ เผด็จการโดยพรรคเมืองที่ได้อำนาจ
ส่วนที่ฝ่ายการเมืองวิ่นฝุ่นตลบเพื่อจับขั้วตั้งรัฐบาลนั้น พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ไม่มีความเห็น แต่เรื่องฝุ่นตลบในเมืองไทย ตนเห็นมาหลายตลบ นึกว่า ฝุ่นตลบเสร็จจะมีม้าขาวออกมาหลัง ฝุ่น แต่อาจจะเป็นสีอื่นก็ได้ ขณะนี้สิ่งที่ดีที่สุด คือ ขอให้ทุกคน นึกถึงความเสียสละเพื่อบ้านเมือง หากคนเสียสละไม่พอ ฝุ่นตลบคงไม่พอ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นด้วยหรือไม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ขอไม่แสดงความคิดเห็น แต่ขอให้ได้คนที่ดีที่สุด และทีมที่ดีสุดช่วยกันเสียสละเพื่อบ้านเมือง เมื่อถามถึงกรณีที่ทหารพยายามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า พูดไปคงไม่เหมาะ แต่ในตอนที่ตนดำรงตำแหน่งคิดว่า การวางตัวเป็นกลางสำคัญที่สุด เมื่อเกษียณออกมาแล้ว คงพูดในรายละเอียดไม่ได้ ส่วนจะฝากอะไรถึงพล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.หรือไม่นั้นพล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ไม่มีอะไรเพราะท่านเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว
"ต้องไปถามท่านโดยตรง ต้องคุยกับท่านเพราะความชัดเจนอยู่ที่ท่าน ท่านอาจจะมีอะไรชี้แจง และไม่ได้เป็นอย่างที่คนหลายคนคิดก็เป็นได้ หรือเราอาจจะเข้าใจผิด แต่สมัยที่ผมเป็นผบ.สูงสุด พยายามทำให้ทุกอย่างเป็นกลางอย่างเต็มที่ เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งปกติถ้ากองทัพไม่เป็นกลางก็ยุ่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวผบ.เหล่าทัพพอสมควร ดังนั้นทุกคนควรจะยืนให้ดี ยืนเพื่อสร้างสรรค์ แต่ถ้าจะยืนเอียงสักหน่อย ต้องชี้แจงให้โปร่งใส เพื่อให้คนเข้าใจว่ามีความจำเป็นอย่างไร ซึ่งผมเชื่อว่า หากมีเหตุผล ทุกคนเขาจะฟัง แต่โดยทั่วไป ดีที่สุดคือยืนให้ดีในที่ที่ควรจะยืน ไม่ยากเย็นอะไร"
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่จะแก้วิกฤติชาติควรมีลักษณะอย่างไร พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ควรเป็นคนที่ดี เสียสละ เข้มแข็ง เมื่อถามว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เหมาะสมหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ท่าทาง คุณสมบัติ ท่านไม่เลว ทั้งนี้ในที่สุดเมื่อฝุ่นตลบหายไปแล้วออกมาเป็นใครต้องช่วยกัน ไม่เช่นนั้นจะแย่ไปใหญ่ ส่วนจะมีกลุ่มเสื้อแดงออกมาสร้างความวุ่นวายหรือไม่ ตนเดาไม่ออก เพราะเกี่ยวกับความคิดเห็นของคนหลายฝ่าย
นายอมร จันทรสมบูรณ์ กรรมการกฤษฎีกา และนักกฎหมายมหาชน กล่าวตอนหนึ่งระหว่างงานเสวนา เรื่อง รัฐธรรมนูญที่เหมาะสมกับประเทศไทย ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร วานนี้ (9 ธ.ค.) ว่าใครก็ตามที่จะเข้ามาแก้ไขจะต้องทราบ 3 ขั้นตอนของปัญหาคือต้องรู้สาเหตุของปัญหา ต้องรู้จุดหมายของการแก้ปัญหาและต้องรู้วิธีการที่จะไปสู่จุดหมาย
ทั้งนี้ สาเหตุของปัญหาการเมืองไทยคือ การทุจริตคอรัปชั่นอย่างมโหฬารของนักการเมืองซึ่งเกิดจากการผูกขาดอำนาจรัฐโดยนักการเมืองนายทุนในระบบเผด็จการโดยพรรคการเมือง นายทุนธุรกิจในระบบรัฐสภาประเทศเดียวในโลก และเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535
ขณะที่รัฐธรรมนูญที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่ความจริงแล้วส.ส.ไม่มีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ได้ตามมโนธรรมของตนเอง ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตย แต่กลับบัญญัติให้พรรคการเมืองมีอำนาจให้ส.ส.พ้นจากการเป็นส.ส. หากไม่ปฏิบัติตามมติพรรค
ส่วนจุดหมายของการแก้ปัญหาบ้านเมือง หรือการมีการเมืองใหม่ คือการสร้างระบบสถาบันการเมืองรูปแบบใหม่ที่ให้ฝ่ายบริหารมีเสถียรภาพและประสิทธิภาพโดยไม่บังคับว่าส.ส.ต้องสังกัดพรรค และสำหรับวิธีการที่จะไปสู่จุดหมายได้คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปฏิรูปการเมืองหรือสร้างการเมืองใหม่ ที่จะต้องนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความเสื่อมทางการเมืองและการทุจริตคอรัปชั่นของนักการเมืองที่มาจาก การเลือกตั้ง ซึ่งจะทำได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการจัดรูปแบบและการกำหนดกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญขององค์กรยกร่างรัฐธรรมนูญที่จะต้องดีและเหมาะสม เพราะหากไม่ดีและไม่เหมาะสม ผลงาน ขององค์กรดังกล่าวก็จะไม่ดีเป็นเงาตามตัว
นายอมร กล่าวว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีรัฐบาลแห่งชาตินั้น ในขั้นแรกจะต้องให้ สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกในปัจจุบันไว้ แต่ต้องยกเลิกอำนาจของ พรรคการเมืองในการมีมติให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส.พ้นออกจากตำแหน่ง และให้นายกรัฐมนตรีมาจากบุคคลภายนอกได้ แต่บุคคลดังกล่าวจะต้องเป็นกลาง ทางสังคม ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีก็จะมีอำนาจแต่งตั้งรัฐมนตรีจากบุคคล ที่พรรคการเมืองต่างๆ เสนอขึ้นมาเพื่อจัดตั้งเป็นรัฐบาลแห่งชาติต่อไป
นอกจากนี้ควรเพิ่มมาตรการให้ ส.ส.ลงมติไม่ไว้วางใจในตัวนายกรัฐมนตรีได้ ส่วนยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องยกเลิกระบบเผด็จการโดยพรรคการเมือง เสียก่อน และสร้างระบบสถาบันการเมืองที่รัฐบาลมีเสถียรภาพอย่างแท้จริงพล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีต ผบ.สูงสุด ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมเสวนาเรื่อง รัฐธรรมนูญที่เหมาะสมกับประเทศไทยว่า การบรรยายนำโดย ศ.ดร.อมร จันทรสมบูรณ์ ที่เป็นนักกฎหมายมหาชนที่หลายคนยอมรับ โดยท่าน มองว่า รัฐธรรมนูญข้อหลักที่น่าจะแก้อย่างเร่งด่วน มี 3 มาตรา คือ 1.มาตราให้ส.ส.สังกัดพรรคการเมือง 2.มาตราให้ส.ส.อยู่ในความควบคุมของพรรค 3.นายกรัฐมนตรีต้องมาจากส.ส. เพราะมาตราเหล่านี้เป็นข้อกำหนดว่าใครจะเป็นผู้มีอำนาจ เพราะจะให้อำนาจเผด็จการกับบ้างกลุ่มไม่ได้ และข้อสำคัญคือ ไม่มีประเทศไหนในโลก ที่ไม่มีข้อนี้เลยแม้แต่ข้อเดียว ซึ่งทั้ง 3 มาตราทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ขณะนี้เพราะ ใครๆ พยายามแย่งกัน เพื่อให้ได้อำนาจเผด็จการรัฐสภา ส่วนรัฐบาลแห่งชาติ ไม่ได้มีการพูดถึง แต่รัฐบาลแห่งชาติเป็นแนวทางที่ดีและหลายคนเห็นด้วย แต่เป็นไปได้ยาก
"หากข้อหลักของกติกาบ้านเมือง หรือระบบของบ้านเมืองอยู่ในหลักที่เหมาะสม ถึงแม้จะมีผลเสียเกิดขึ้น แต่ก็น้อย เราเดินซ้ำแล้วซ้ำอีก และยอมที่จะเดินในวงจรอุบาทว์เก่าๆ และไม่เคยคิดว่าเกิดเพราะอะไร คลำกันอยู่ แต่ไม่ถูกจุด ซึ่งเชื่อว่ารัฐธรรมนูญมีผลในเรื่องหลักๆ และเกิดจากคนด้วย ถ้าคนดีมากๆ ระบบไม่ดีเท่าไร ไปได้สบาย แต่ถ้าคนเลวมากๆ จะทำระบบให้ดีคงยาก หากคนกลางๆ ระบบจะช่วยได้มาก เพราะระบบเลวก็แย่ ทั้งนี้การสร้างระบบใช้เงินน้อยมาก รัฐธรรมนูญ ทำให้ดีแล้วประโยชน์จะสู่บ้านเมืองเรา เราแก้เรื่องอื่นแทบแย่ แต่ถ้ารัฐธรรมนูญไม่เอื้อจะแก้ได้ยาก"
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่า รัฐธรรมนูญ 50 ในยุค คมช. เกิดความผิดพลาด พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ไม่ได้เกิดเฉพาะ คมช. แต่เกิดมาตั้งแต่ปี 2517 และค่อยๆ กลืนเข้าไปเรื่อยๆ จนขณะนี้สมบูรณ์แบบ คือ เผด็จการโดยพรรคเมืองที่ได้อำนาจ
ส่วนที่ฝ่ายการเมืองวิ่นฝุ่นตลบเพื่อจับขั้วตั้งรัฐบาลนั้น พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ไม่มีความเห็น แต่เรื่องฝุ่นตลบในเมืองไทย ตนเห็นมาหลายตลบ นึกว่า ฝุ่นตลบเสร็จจะมีม้าขาวออกมาหลัง ฝุ่น แต่อาจจะเป็นสีอื่นก็ได้ ขณะนี้สิ่งที่ดีที่สุด คือ ขอให้ทุกคน นึกถึงความเสียสละเพื่อบ้านเมือง หากคนเสียสละไม่พอ ฝุ่นตลบคงไม่พอ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นด้วยหรือไม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ขอไม่แสดงความคิดเห็น แต่ขอให้ได้คนที่ดีที่สุด และทีมที่ดีสุดช่วยกันเสียสละเพื่อบ้านเมือง เมื่อถามถึงกรณีที่ทหารพยายามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า พูดไปคงไม่เหมาะ แต่ในตอนที่ตนดำรงตำแหน่งคิดว่า การวางตัวเป็นกลางสำคัญที่สุด เมื่อเกษียณออกมาแล้ว คงพูดในรายละเอียดไม่ได้ ส่วนจะฝากอะไรถึงพล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.หรือไม่นั้นพล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ไม่มีอะไรเพราะท่านเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว
"ต้องไปถามท่านโดยตรง ต้องคุยกับท่านเพราะความชัดเจนอยู่ที่ท่าน ท่านอาจจะมีอะไรชี้แจง และไม่ได้เป็นอย่างที่คนหลายคนคิดก็เป็นได้ หรือเราอาจจะเข้าใจผิด แต่สมัยที่ผมเป็นผบ.สูงสุด พยายามทำให้ทุกอย่างเป็นกลางอย่างเต็มที่ เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งปกติถ้ากองทัพไม่เป็นกลางก็ยุ่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวผบ.เหล่าทัพพอสมควร ดังนั้นทุกคนควรจะยืนให้ดี ยืนเพื่อสร้างสรรค์ แต่ถ้าจะยืนเอียงสักหน่อย ต้องชี้แจงให้โปร่งใส เพื่อให้คนเข้าใจว่ามีความจำเป็นอย่างไร ซึ่งผมเชื่อว่า หากมีเหตุผล ทุกคนเขาจะฟัง แต่โดยทั่วไป ดีที่สุดคือยืนให้ดีในที่ที่ควรจะยืน ไม่ยากเย็นอะไร"
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่จะแก้วิกฤติชาติควรมีลักษณะอย่างไร พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ควรเป็นคนที่ดี เสียสละ เข้มแข็ง เมื่อถามว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เหมาะสมหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ท่าทาง คุณสมบัติ ท่านไม่เลว ทั้งนี้ในที่สุดเมื่อฝุ่นตลบหายไปแล้วออกมาเป็นใครต้องช่วยกัน ไม่เช่นนั้นจะแย่ไปใหญ่ ส่วนจะมีกลุ่มเสื้อแดงออกมาสร้างความวุ่นวายหรือไม่ ตนเดาไม่ออก เพราะเกี่ยวกับความคิดเห็นของคนหลายฝ่าย