พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ปฎิเสธที่จะวิจารณ์ ครม.รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี โดยกล่าวว่า เป็นเรื่องของนายกฯ ในการดำเนินการ ส่วนที่หลายฝ่ายเกรงว่ารัฐบาลชุดใหม่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาของชาติได้นั้น ในส่วนของตนมองว่าหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาของชาติ ไม่ใช่หน้าที่รัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว ต้องอาศัยความร่วมมือจากข้าราชการประจำ และประชาชนทั่วไปต้องช่วยกันกอบกู้สถานการณ์ที่มีปัญหาอยู่ให้ลุล่วง
ส่วนการที่ นายกรัฐมนตรี ควบตำแหน่ง รมว.กลาโหมด้วยนั้น คงไม่มีปัญหา เพราะท่านใดก็ได้ที่มาดูแล กองทัพก็ต้องทำตามหน้าที่ ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นทหาร หรือพลเรือนก็สามารถทำงานร่วมกับทหารได้ และ ตนไม่ได้มองว่าการที่ รมว.กลาโหมที่เป็นพลเรือนจะนำการเมืองมาแทรกแซงกองทัพอย่างที่มองกัน
พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ผบ.ทอ.กล่าวถึง ครม.ชุดใหม่ว่า ตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวพันกับตัวบุคคลทางด้านการเมืองทำให้ไม่รู้จัก ที่แต่งตั้งมาคิดว่ารู้จักประมาณ 15 % ส่วนจะนำพาประเทศชาติจะไปรอดหรือไม่นั้นคิดว่าประเทศเราไม่เคยล่มจม แต่อาจชะงักงันบ้าง จนถึงวันนี้ประเทศไทยยังมีความเจริญเติบโตในทางเศรษฐกิจ จีดีพี ยังอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้ ด้านการให้เครดิตของประเทศในเรื่องการคอรัปชั่นก็ดีขึ้น ต้องใช้เวลา
สำหรับ นายสุชาติ ธาดาดำรงเวช รมว.คลังใหม่ ก็เป็นนักวิชาการเก่า อายุไม่มาก ความคิดความอ่านอาจจะเป็นแนวอย่างคนรุ่นใหม่ หากได้ทีมที่ปรึกษาที่ดี และได้รับฟังผู้มีประสบการณ์อื่ๆ บ้าง ท่านก็คงสามารถพาชาติให้เจริญไปได้เหมือนกันทางด้านเศรษฐกิจ
ส่วนที่ รมว.กลาโหมไม่ได้เป็นทหารจะมีปัญหาในการทำงานร่วมกับกองทัพหรือไม่นั้น พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า มีข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่งคือ เวลาไม่มีครม.ปลัดกระทรวงสามารถปฏิบัติหน้าที่แทนรัฐมนตรีได้หลายกระทรวง ที่ผ่านมา หลายช่วงก็เป็นเช่นนั้น นั่นหมายความว่าปลัดกระทรวงทุกกระทรวงสามารถ เป็นฝ่ายอำนวยการของรัฐมนตรีได้ ถ้าท่านใช้ให้ถูกต้อง คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา ทั้งนี้ เราต้องให้เกียรติ และให้เวลาท่านบ้างเล็กน้อย ในการโชว์หรือแสดงให้เห็นถึงฝีมือ แต่ต้องไม่มาก เพราะว่ากระทรวงทุกกระทรวงต้องขับเคลื่อนอะไรหลายอย่าง
“ความจริงถ้ามีหน้าห้อง ซึ่งมีทั้งฝ่าย เสธ.ที่ดี หรือเลขาฯ ที่ดีๆ กลั่นกรองงาน โดยไม่ดึงเรื่องไม่ดึงงาน เรื่องจะออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะเรื่องถูกกลั่นกรองจากกองทัพ และ กลั่นกรองที่กองบัญชาการทหารสูงสุด รวมไปถึงสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ที่มีสำนักนโยบายและแผนกรองอีก หากมีอะไรสงสัยเรียกถามได้ งานจะไปเร็วมาก ถ้าผมเป็นอธิบดีไม่ควรล้วงไปที่แผนกหรือฝ่าย กระทรวงกลาโหม มีกองบัญชาการกองทัพไทย และ มีสำนักงานปลัดกระรวงกลาโหมเป็นหน่วยระดับเดียวกัน เหล่าทัพต่างๆอยู่ข้างล่าง เพราะฉะนั้นเป็นหน้าที่ของปลัดกระทรวงกลาโหม และผบ.สูงสุด รัฐมนตรีก็จะกำกับในเรื่องนโยบายและการพัฒนาทางทหารจะทำอย่างไร”
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าทีมงานฝ่ายเสธ. จาก ตท.10 ดึงงานให้ช้า ถือว่า การเมืองเข้ามาล้วงลูกใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ก็ไม่ถึงขั้นนั้น แต่บางที ท่านอาจจะระมัดระวังว่าผู้บังคับบัญชา หรือ เจ้านายจะเสียหาย หรือบกพร่อง ก็เลยทำให้ต้องใช้เวลากลั่นกรองมาก และบางทีมาก บางเรื่องเดือนครึ่ง บางเรื่องสองเดือน ซึ่งทำให้การใช้งบประมาณ และเสียหายกับประเทศ และคิดว่า ตอนนี้ทุกกระทรวงเป็นเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน ไม่ต้องลงลึกว่าเป็นรุ่นไหนอย่างไร อย่าไปมองลบมาก อย่างตนมองคือไม่อยากให้ผู้บังคับบัญชาเสียหายถ้ามีข้อบกพร่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่าเกรงหรือไม่ว่าจะมีรมว.กลาโหม เงาเพราะ รมว.กลาโหม พลเรือนจะมีคนอยู่เบื้องหลังในการจัดทิศทางกองทัพหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ก็ไม่ทราบเหมือนกัน บางครั้งเราอาจมองภาพในทางลบ แต่ถ้ามองภาพในทางบวก ทุกคนก็จะมีฝ่ายอำนวยการที่จะต้องให้คำแนะนำ แต่ต้องเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาหรือผู้นำสูงสุด ต้องเป็นคนตัดสิน ตกลงใจ เมื่อถามย้ำว่า ไม่สมควรให้ รมว.กลาโหม มาล้วงลูกโดยปล่อยให้กองทัพดำเนินการไปเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ก็คล้าย ๆอย่างนั้น จะทำให้เกิดความสะดวกสบายใจมากที่สุดสำหรับผู้ปฏิบัติ
ส่วนการเข้ามาในรัฐบาลของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ มาตามใบสั่งการเมือง หรือ เข้ามาช่วยกองทัพ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่บทบาทของท่าน อยู่ในกองทัพมายาวนานและไปทำงานการเมืองด้วย ท่านคงมองเห็นความสำคัญของ 2 องค์กรนี้เและทำให้ดีที่สุด เมื่อถามว่า คิดว่าไม่ทำตามใบสั่งการเมืองใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เราไม่รู้ว่ามีใบสั่งหรือไม่ เมื่อถามว่า นายสมชาย เป็นนายกฯ ตัวจริงหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ตัวจริงซิ เพราะโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้วไม่จริงได้ไง
ส่วนการที่ นายกรัฐมนตรี ควบตำแหน่ง รมว.กลาโหมด้วยนั้น คงไม่มีปัญหา เพราะท่านใดก็ได้ที่มาดูแล กองทัพก็ต้องทำตามหน้าที่ ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นทหาร หรือพลเรือนก็สามารถทำงานร่วมกับทหารได้ และ ตนไม่ได้มองว่าการที่ รมว.กลาโหมที่เป็นพลเรือนจะนำการเมืองมาแทรกแซงกองทัพอย่างที่มองกัน
พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ผบ.ทอ.กล่าวถึง ครม.ชุดใหม่ว่า ตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวพันกับตัวบุคคลทางด้านการเมืองทำให้ไม่รู้จัก ที่แต่งตั้งมาคิดว่ารู้จักประมาณ 15 % ส่วนจะนำพาประเทศชาติจะไปรอดหรือไม่นั้นคิดว่าประเทศเราไม่เคยล่มจม แต่อาจชะงักงันบ้าง จนถึงวันนี้ประเทศไทยยังมีความเจริญเติบโตในทางเศรษฐกิจ จีดีพี ยังอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้ ด้านการให้เครดิตของประเทศในเรื่องการคอรัปชั่นก็ดีขึ้น ต้องใช้เวลา
สำหรับ นายสุชาติ ธาดาดำรงเวช รมว.คลังใหม่ ก็เป็นนักวิชาการเก่า อายุไม่มาก ความคิดความอ่านอาจจะเป็นแนวอย่างคนรุ่นใหม่ หากได้ทีมที่ปรึกษาที่ดี และได้รับฟังผู้มีประสบการณ์อื่ๆ บ้าง ท่านก็คงสามารถพาชาติให้เจริญไปได้เหมือนกันทางด้านเศรษฐกิจ
ส่วนที่ รมว.กลาโหมไม่ได้เป็นทหารจะมีปัญหาในการทำงานร่วมกับกองทัพหรือไม่นั้น พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า มีข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่งคือ เวลาไม่มีครม.ปลัดกระทรวงสามารถปฏิบัติหน้าที่แทนรัฐมนตรีได้หลายกระทรวง ที่ผ่านมา หลายช่วงก็เป็นเช่นนั้น นั่นหมายความว่าปลัดกระทรวงทุกกระทรวงสามารถ เป็นฝ่ายอำนวยการของรัฐมนตรีได้ ถ้าท่านใช้ให้ถูกต้อง คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา ทั้งนี้ เราต้องให้เกียรติ และให้เวลาท่านบ้างเล็กน้อย ในการโชว์หรือแสดงให้เห็นถึงฝีมือ แต่ต้องไม่มาก เพราะว่ากระทรวงทุกกระทรวงต้องขับเคลื่อนอะไรหลายอย่าง
“ความจริงถ้ามีหน้าห้อง ซึ่งมีทั้งฝ่าย เสธ.ที่ดี หรือเลขาฯ ที่ดีๆ กลั่นกรองงาน โดยไม่ดึงเรื่องไม่ดึงงาน เรื่องจะออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะเรื่องถูกกลั่นกรองจากกองทัพ และ กลั่นกรองที่กองบัญชาการทหารสูงสุด รวมไปถึงสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ที่มีสำนักนโยบายและแผนกรองอีก หากมีอะไรสงสัยเรียกถามได้ งานจะไปเร็วมาก ถ้าผมเป็นอธิบดีไม่ควรล้วงไปที่แผนกหรือฝ่าย กระทรวงกลาโหม มีกองบัญชาการกองทัพไทย และ มีสำนักงานปลัดกระรวงกลาโหมเป็นหน่วยระดับเดียวกัน เหล่าทัพต่างๆอยู่ข้างล่าง เพราะฉะนั้นเป็นหน้าที่ของปลัดกระทรวงกลาโหม และผบ.สูงสุด รัฐมนตรีก็จะกำกับในเรื่องนโยบายและการพัฒนาทางทหารจะทำอย่างไร”
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าทีมงานฝ่ายเสธ. จาก ตท.10 ดึงงานให้ช้า ถือว่า การเมืองเข้ามาล้วงลูกใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ก็ไม่ถึงขั้นนั้น แต่บางที ท่านอาจจะระมัดระวังว่าผู้บังคับบัญชา หรือ เจ้านายจะเสียหาย หรือบกพร่อง ก็เลยทำให้ต้องใช้เวลากลั่นกรองมาก และบางทีมาก บางเรื่องเดือนครึ่ง บางเรื่องสองเดือน ซึ่งทำให้การใช้งบประมาณ และเสียหายกับประเทศ และคิดว่า ตอนนี้ทุกกระทรวงเป็นเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน ไม่ต้องลงลึกว่าเป็นรุ่นไหนอย่างไร อย่าไปมองลบมาก อย่างตนมองคือไม่อยากให้ผู้บังคับบัญชาเสียหายถ้ามีข้อบกพร่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่าเกรงหรือไม่ว่าจะมีรมว.กลาโหม เงาเพราะ รมว.กลาโหม พลเรือนจะมีคนอยู่เบื้องหลังในการจัดทิศทางกองทัพหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ก็ไม่ทราบเหมือนกัน บางครั้งเราอาจมองภาพในทางลบ แต่ถ้ามองภาพในทางบวก ทุกคนก็จะมีฝ่ายอำนวยการที่จะต้องให้คำแนะนำ แต่ต้องเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาหรือผู้นำสูงสุด ต้องเป็นคนตัดสิน ตกลงใจ เมื่อถามย้ำว่า ไม่สมควรให้ รมว.กลาโหม มาล้วงลูกโดยปล่อยให้กองทัพดำเนินการไปเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ก็คล้าย ๆอย่างนั้น จะทำให้เกิดความสะดวกสบายใจมากที่สุดสำหรับผู้ปฏิบัติ
ส่วนการเข้ามาในรัฐบาลของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ มาตามใบสั่งการเมือง หรือ เข้ามาช่วยกองทัพ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่บทบาทของท่าน อยู่ในกองทัพมายาวนานและไปทำงานการเมืองด้วย ท่านคงมองเห็นความสำคัญของ 2 องค์กรนี้เและทำให้ดีที่สุด เมื่อถามว่า คิดว่าไม่ทำตามใบสั่งการเมืองใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เราไม่รู้ว่ามีใบสั่งหรือไม่ เมื่อถามว่า นายสมชาย เป็นนายกฯ ตัวจริงหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ตัวจริงซิ เพราะโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้วไม่จริงได้ไง