ASTVผู้จัดการรายวัน – ผู้บริหารพฤกษา เขย่าขวัญคู่แข่ง! ประกาศครองส่วนแบ่งตลาดทาวน์เฮาส์ให้ได้ 70-80% ภายใน 3 ปี หลัง 7 เดือนปี 52 ครองส่วนแบ่ง 65% ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมเปิดโฉมใหม่ทาวน์เฮาส์อีก 2 แบรนด์ หวังกินรวบทั้งตลาด เผยยอดขาย 10 เดือนแตะ 18,000 ล้านบาท คาดสิ้นปีทะลุ 20,000 ล้านบาท
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS เปิดเผยว่า ทาวน์เฮาส์เป็นสินค้าที่พฤกษามีความเชี่ยวชาญในตลาดนี้อย่างมาก ซึ่งในปัจจุบันมีแบรนด์ทาวนเฮาส์ 4 แบรนด์ ได้แก่ พฤกษา ราคาเฉลี่ย 8 แสนบาท, พฤกษา วิลล์ ราคา 1-1.5 ล้านบาท, เดอะคอนเน็กส์ ราคา 1.5-2 ล้านบาทและเดอะเพลน ซิตี้ ราคา 2 ล้านบาทขึ้นไป และภายในสิ้นปีนี้จะเปิดแบรนด์ทาวน์เฮาส์ใหม่เพิ่มอีก 2 แบรนด์
ทั้งนี้ ในปัจจุบันพฤกษามีส่วนแบ่งตลาดทาวน์เฮาส์ที่ 65% หรือประมาณ 10,000 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากเมื่อ 2 ปีก่อนที่มีส่วนแบ่งตลาด 35% โดยในปี 51 ยอดจดทะเบียนทาวน์เฮาส์ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 14,000 ยูนิต และในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวน 7,331 ยูนิต ซึ่งบริษัทตั้งเป้าที่จะครองส่วนแบ่งตลาดทาวน์เฮาส์ประมาณ 70-80% ภายใน 3-4 ปีข้างหน้า
“สาเหตุที่ทำให้พฤกษามีส่วนแบ่งตลาดทาวน์เฮาส์สูงถึง 65% ทั้งๆ ที่ภาพรวมของตลาดทาวน์เฮาส์ลดลง 16% ส่วนหนึ่งมาจากสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะกับผู้ประกอบการรายกลางและรายย่อย จนทำให้ไม่มีเงินลงทุนต่อเนื่อง ซึ่งผลดีไปตกที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดที่มีเม็ดเงินลงทุนและสถาบันการเงินยังปล่อยสินเชื่อให้ ” นายประเสริฐกล่าว
โดยเฉพาะพฤกษา วิลล์ที่บริษัทปรับรูปลักษณ์ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีจำนวน 25 โครงการกระจายทั่วกรุงเทพฯ จำนวน 4,500 ยูนิต มูลค่า 6,600 ล้านบาท ทั้งนี้เฉพาะแบรนด์พฤกษา วิลล์ บริษัทตั้งเป้ารายได้ทั้งปีจำนวน 3,200 ล้านบาท แต่คาดว่าทั้งปีน่าจะทำได้ 4,200 ล้านบาท และปีหน้าตั้งเป้ารายได้ 5,000 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 3 โครงการ ส่วนปีหน้าตั้งเป้าเปิด 30 โครงการ
สำหรับในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ เตรียมจะเปิดโครงการใหม่ ประมาณ 13-15 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานในช่วง 10 เดือน มียอดขายประมาณ 18,000 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีจะมียอดขายถึง 20,000 ล้านบาท ส่วนยอดรับรู้รายได้ทั้งปีตั้งไว้ที่ 17,000 ล้านบาท
นายประเสริฐกล่าวต่อว่า ปัจจุบันสำนักงานส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ได้อนุมัติโครงการบ้านบีโอไอ แนวราบ 14 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ จำนวน 7,000 ยูนิต มูลค่า 6,000 ล้านบาท เป็นส่วนของโครงการคอนโดฯ มูลค่า 1,000 ล้านบาท
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS เปิดเผยว่า ทาวน์เฮาส์เป็นสินค้าที่พฤกษามีความเชี่ยวชาญในตลาดนี้อย่างมาก ซึ่งในปัจจุบันมีแบรนด์ทาวนเฮาส์ 4 แบรนด์ ได้แก่ พฤกษา ราคาเฉลี่ย 8 แสนบาท, พฤกษา วิลล์ ราคา 1-1.5 ล้านบาท, เดอะคอนเน็กส์ ราคา 1.5-2 ล้านบาทและเดอะเพลน ซิตี้ ราคา 2 ล้านบาทขึ้นไป และภายในสิ้นปีนี้จะเปิดแบรนด์ทาวน์เฮาส์ใหม่เพิ่มอีก 2 แบรนด์
ทั้งนี้ ในปัจจุบันพฤกษามีส่วนแบ่งตลาดทาวน์เฮาส์ที่ 65% หรือประมาณ 10,000 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากเมื่อ 2 ปีก่อนที่มีส่วนแบ่งตลาด 35% โดยในปี 51 ยอดจดทะเบียนทาวน์เฮาส์ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 14,000 ยูนิต และในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวน 7,331 ยูนิต ซึ่งบริษัทตั้งเป้าที่จะครองส่วนแบ่งตลาดทาวน์เฮาส์ประมาณ 70-80% ภายใน 3-4 ปีข้างหน้า
“สาเหตุที่ทำให้พฤกษามีส่วนแบ่งตลาดทาวน์เฮาส์สูงถึง 65% ทั้งๆ ที่ภาพรวมของตลาดทาวน์เฮาส์ลดลง 16% ส่วนหนึ่งมาจากสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะกับผู้ประกอบการรายกลางและรายย่อย จนทำให้ไม่มีเงินลงทุนต่อเนื่อง ซึ่งผลดีไปตกที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดที่มีเม็ดเงินลงทุนและสถาบันการเงินยังปล่อยสินเชื่อให้ ” นายประเสริฐกล่าว
โดยเฉพาะพฤกษา วิลล์ที่บริษัทปรับรูปลักษณ์ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีจำนวน 25 โครงการกระจายทั่วกรุงเทพฯ จำนวน 4,500 ยูนิต มูลค่า 6,600 ล้านบาท ทั้งนี้เฉพาะแบรนด์พฤกษา วิลล์ บริษัทตั้งเป้ารายได้ทั้งปีจำนวน 3,200 ล้านบาท แต่คาดว่าทั้งปีน่าจะทำได้ 4,200 ล้านบาท และปีหน้าตั้งเป้ารายได้ 5,000 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 3 โครงการ ส่วนปีหน้าตั้งเป้าเปิด 30 โครงการ
สำหรับในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ เตรียมจะเปิดโครงการใหม่ ประมาณ 13-15 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานในช่วง 10 เดือน มียอดขายประมาณ 18,000 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีจะมียอดขายถึง 20,000 ล้านบาท ส่วนยอดรับรู้รายได้ทั้งปีตั้งไว้ที่ 17,000 ล้านบาท
นายประเสริฐกล่าวต่อว่า ปัจจุบันสำนักงานส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ได้อนุมัติโครงการบ้านบีโอไอ แนวราบ 14 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ จำนวน 7,000 ยูนิต มูลค่า 6,000 ล้านบาท เป็นส่วนของโครงการคอนโดฯ มูลค่า 1,000 ล้านบาท