ASTVผู้จัดการรายวัน - เคทีซีขายหุ้นกู้อีกล็อต อายุ 4 ปี จ่ายดอกเบี้ยปีที่ 1-3 อัตรา 5.5% ต่อปี และปีที่ 4 อัตรา 6.0% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ระบุเพื่อปรับสัดส่วนหนี้ระยะสั้น-ยาวและเป็นเงนทุนหมุนเวียน เปิดจองวันที่ 2-4 พฤศจิกายนนี้ ที่"CIMBT-TMB-SCIB"
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมกับ 3 สถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดจำหน่ายหุ้นกู้อายุ 4 ปี ให้กับผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน โดยปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 5.5% ต่อปี และปีที่ 4 อัตราดอกเบี้ย 6.0% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขายขั้นต่ำที่ 1 แสนบาท และเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณของ 1 แสนบาท เปิดจองซื้อตั้งแต่วันที่ 2-4 พฤศจิกายน 2552 ระหว่างเวลา 08.30 น.- 15.30 น. โดยเป็นหุ้นกู้ระบุชื่อผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ชำระคืนเงินต้นครั้งเดียวเมื่อครบกำหนดไถ่ถอน โดยบริษัทจะนำเงินทุนที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ใช้ในการปรับสัดส่วนเงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาว และเป็นเงินทุนหมุนเวียนสนับสนุนธุรกิจปัจจุบัน รวมทั้งรองรับธุรกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นของเคทีซี ทั้งนี้ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ไว้ที่ระดับ BBB+
“เคทีซีมีกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 202 ล้านบาท ด้วยจำนวนสมาชิกรวม 2.15 ล้านบัญชี จำนวนบัตรเครดิตกว่า 1.63 ล้านบัตร ยอดลูกหนี้บัตรเครดิตสุทธิ 35,028 ล้านบาท และสินเชื่อบุคคล “เคทีซี แคช” กว่า 5.14 แสนบัญชี และยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคล “เคทีซี แคช” สุทธิ เท่ากับ 10,979 ล้านบาท”
ทั้งนี้ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 5,500 ล้านบาทของ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” พร้อมทั้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ“คงที่” โดยบริษัทจะนำเงินส่วนใหญ่ที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระหนี้เดิมที่จะครบกำหนดและใช้ในการปรับโครงสร้างเงินกู้ อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความสามารถของคณะผู้บริหารและระบบการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถดำรงสถานภาพที่แข็งแกร่งในธุรกิจบัตรเครดิต ในการให้อันดับเครดิตดังกล่าวยังพิจารณาถึงการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากผู้ถือหุ้นใหญ่คือธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 49.45% ณ วันที่ 2 เมษายน 2552
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากสภาพการแข่งขันที่รุนแรง ตลอดจนปัจจัยทางธุรกิจที่ไม่เอื้ออำนวย และความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการขยายสินเชื่อ และกระทบต่อคุณภาพสินทรัพย์และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมกับ 3 สถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดจำหน่ายหุ้นกู้อายุ 4 ปี ให้กับผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน โดยปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 5.5% ต่อปี และปีที่ 4 อัตราดอกเบี้ย 6.0% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขายขั้นต่ำที่ 1 แสนบาท และเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณของ 1 แสนบาท เปิดจองซื้อตั้งแต่วันที่ 2-4 พฤศจิกายน 2552 ระหว่างเวลา 08.30 น.- 15.30 น. โดยเป็นหุ้นกู้ระบุชื่อผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ชำระคืนเงินต้นครั้งเดียวเมื่อครบกำหนดไถ่ถอน โดยบริษัทจะนำเงินทุนที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ใช้ในการปรับสัดส่วนเงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาว และเป็นเงินทุนหมุนเวียนสนับสนุนธุรกิจปัจจุบัน รวมทั้งรองรับธุรกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นของเคทีซี ทั้งนี้ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ไว้ที่ระดับ BBB+
“เคทีซีมีกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 202 ล้านบาท ด้วยจำนวนสมาชิกรวม 2.15 ล้านบัญชี จำนวนบัตรเครดิตกว่า 1.63 ล้านบัตร ยอดลูกหนี้บัตรเครดิตสุทธิ 35,028 ล้านบาท และสินเชื่อบุคคล “เคทีซี แคช” กว่า 5.14 แสนบัญชี และยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคล “เคทีซี แคช” สุทธิ เท่ากับ 10,979 ล้านบาท”
ทั้งนี้ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 5,500 ล้านบาทของ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” พร้อมทั้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ“คงที่” โดยบริษัทจะนำเงินส่วนใหญ่ที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระหนี้เดิมที่จะครบกำหนดและใช้ในการปรับโครงสร้างเงินกู้ อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความสามารถของคณะผู้บริหารและระบบการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถดำรงสถานภาพที่แข็งแกร่งในธุรกิจบัตรเครดิต ในการให้อันดับเครดิตดังกล่าวยังพิจารณาถึงการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากผู้ถือหุ้นใหญ่คือธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 49.45% ณ วันที่ 2 เมษายน 2552
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากสภาพการแข่งขันที่รุนแรง ตลอดจนปัจจัยทางธุรกิจที่ไม่เอื้ออำนวย และความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการขยายสินเชื่อ และกระทบต่อคุณภาพสินทรัพย์และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต