ASTVผู้จัดการรายวัน - เคแบงก์ยันปีหน้าลุยสินเชื่อบุคคลอีกรอบ หลังชะลอทำการตลาดทำให้ฐานสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 9 พันล้านบาท ตั้งเป้าเติบโตยอดสินเชื่อ 47% เน้นลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ มีความทันสมัย ที่ต้องการใช้สินเชื่อมีอยู่ในตลาด 11 ล้านราย
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจลูกค้าบุคคลและเครือข่ายบริการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เปิดเผยว่า ในปี 2553 ธนาคารจะเดินหน้าขยายแผนทางด้านสินเชื่อบุคคลมากขึ้น จากเดิมที่ธนาคารได้ชะลอการทำการตลาดสินเชื่อบุคคลมาเป็นช่วงระยะเวลาพอสมควร เนื่องจากที่ผ่านมาสภาพเศรษฐกิจของประเทศมีการชะลอตัวลงอย่างรุนแรงและมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา ประกอบกับตัวธนาคารกสิกรไทยเองก็ยอมรับว่ายังไม่มีระบบป้องกันความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการปล่อยสินเชื่อบุคคลให้กับลูกค้า ทำให้ฐานสินเชื่อบุคคลคงค้างของธนาคารอยู่ในระดับที่ต่ำคือ 9 พันล้านบาท
แต่ทั้งนี้ ในปัจจุบันธนาคารยืนยันว่าได้มีการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ทั้งตัวพนักงานและกฎเกณฑ์ นโยบายที่เกี่ยวกับการอนุมัติสินเชื่อมาเป็นระยะเวลาหลายปี รวมไปถึงหัวใจหลักที่จะต้องใช้ควบคู่กับการพิจารณาคุณสมบัติลูกค้าคือระบบต่างๆในการป้องกันความเสี่ยงที่จะช่วยให้ธนาคารมีความมั่นใจในตัวลูกค้ามากขึ้น อาทิ เครดิตสกอริ่ง และข้อมูลเครดิตสกอ ที่จะเป็นการวัดพฤติกรรมของลูกค้าที่มาสมัครขอสินเชื่อกับธนาคาร ซึ่งจะสามารถบอกได้ว่าลูกค้าคนดังกล่าวมีประวัติอยู่เกณฑ์ดีหรือไม่ทั้งจากในอดีตที่เคยใช้บริการสินเชื่อกับสถาบันการเงินอื่นจนถึงปัจจุบัน
"โดยธนาคารได้ตั้งเป้าหมายเติบโตยอดการปล่อยสินเชื่อบุคคลเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ไว้ที่ 47% ซึ่งถือว่าเป็นเป้าหมายที่สูงมาก เมื่อเทียบกับตัวเลขเป้าหมายด้านอื่นที่อยู่ในธุรกิจสินเชื่อรายย่อยไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยตั้งเป้าหมายอยู่ที่ 13% ส่วนสินเชื่อบัตรเครดิตอยู่ที่ 7% ซึ่งธนาคารก็เชื่อว่าสถาบันการเงินที่เป็นธนาคารพาณิชย์และนอนแบงก์ (สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร) ก็จะหันกลับมารุกขยายตลาดสินเชื่อบุคคลมากขึ้นเช่นกัน จากเดิมที่มีการชะลอทำการตลาดหรือหยุดทำไปเลย เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมของไทยในปีหน้าจะดีขึ้นอย่างแน่นอน ส่งผลให้ลูกค้าที่มีความต้องการขอสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น
สำหรับลูกค้าเป้าหมายที่ธนาคารจะเน้นเติบโตสินเชื่อบุคคลนั้นจะเป็นลูกค้ารุ่นใหม่ มีรายได้ขั้นต่ำต่อเดือนอยู่ที่ 1 หมื่นบาท ตามที่เกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดไว้ ซึ่งจะเข้าข่ายเป็นนักศึกษาจบใหม่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน และมีความต้องการใช้สินเชื่อ โดยพบว่าจำนวนลูกค้าดังกล่าวที่มีคุณสมบัติตรงตามเป้าหมายของธนาคารและมีความต้องการสินเชื่อมีอยู่ในตลาดปัจจุบัน 11 ล้านราย ที่ธนาคารได้ทำการศึกษาและทดลองตลาดมาบ้างแล้ว
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจลูกค้าบุคคลและเครือข่ายบริการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เปิดเผยว่า ในปี 2553 ธนาคารจะเดินหน้าขยายแผนทางด้านสินเชื่อบุคคลมากขึ้น จากเดิมที่ธนาคารได้ชะลอการทำการตลาดสินเชื่อบุคคลมาเป็นช่วงระยะเวลาพอสมควร เนื่องจากที่ผ่านมาสภาพเศรษฐกิจของประเทศมีการชะลอตัวลงอย่างรุนแรงและมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา ประกอบกับตัวธนาคารกสิกรไทยเองก็ยอมรับว่ายังไม่มีระบบป้องกันความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการปล่อยสินเชื่อบุคคลให้กับลูกค้า ทำให้ฐานสินเชื่อบุคคลคงค้างของธนาคารอยู่ในระดับที่ต่ำคือ 9 พันล้านบาท
แต่ทั้งนี้ ในปัจจุบันธนาคารยืนยันว่าได้มีการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ทั้งตัวพนักงานและกฎเกณฑ์ นโยบายที่เกี่ยวกับการอนุมัติสินเชื่อมาเป็นระยะเวลาหลายปี รวมไปถึงหัวใจหลักที่จะต้องใช้ควบคู่กับการพิจารณาคุณสมบัติลูกค้าคือระบบต่างๆในการป้องกันความเสี่ยงที่จะช่วยให้ธนาคารมีความมั่นใจในตัวลูกค้ามากขึ้น อาทิ เครดิตสกอริ่ง และข้อมูลเครดิตสกอ ที่จะเป็นการวัดพฤติกรรมของลูกค้าที่มาสมัครขอสินเชื่อกับธนาคาร ซึ่งจะสามารถบอกได้ว่าลูกค้าคนดังกล่าวมีประวัติอยู่เกณฑ์ดีหรือไม่ทั้งจากในอดีตที่เคยใช้บริการสินเชื่อกับสถาบันการเงินอื่นจนถึงปัจจุบัน
"โดยธนาคารได้ตั้งเป้าหมายเติบโตยอดการปล่อยสินเชื่อบุคคลเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ไว้ที่ 47% ซึ่งถือว่าเป็นเป้าหมายที่สูงมาก เมื่อเทียบกับตัวเลขเป้าหมายด้านอื่นที่อยู่ในธุรกิจสินเชื่อรายย่อยไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยตั้งเป้าหมายอยู่ที่ 13% ส่วนสินเชื่อบัตรเครดิตอยู่ที่ 7% ซึ่งธนาคารก็เชื่อว่าสถาบันการเงินที่เป็นธนาคารพาณิชย์และนอนแบงก์ (สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร) ก็จะหันกลับมารุกขยายตลาดสินเชื่อบุคคลมากขึ้นเช่นกัน จากเดิมที่มีการชะลอทำการตลาดหรือหยุดทำไปเลย เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมของไทยในปีหน้าจะดีขึ้นอย่างแน่นอน ส่งผลให้ลูกค้าที่มีความต้องการขอสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น
สำหรับลูกค้าเป้าหมายที่ธนาคารจะเน้นเติบโตสินเชื่อบุคคลนั้นจะเป็นลูกค้ารุ่นใหม่ มีรายได้ขั้นต่ำต่อเดือนอยู่ที่ 1 หมื่นบาท ตามที่เกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดไว้ ซึ่งจะเข้าข่ายเป็นนักศึกษาจบใหม่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน และมีความต้องการใช้สินเชื่อ โดยพบว่าจำนวนลูกค้าดังกล่าวที่มีคุณสมบัติตรงตามเป้าหมายของธนาคารและมีความต้องการสินเชื่อมีอยู่ในตลาดปัจจุบัน 11 ล้านราย ที่ธนาคารได้ทำการศึกษาและทดลองตลาดมาบ้างแล้ว