กลุ่ม 40 ส.ว. ผนึกภาคีเครือข่ายต้านขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก จัดสัมมนาใหญ่-เตรียมเปิดข้อมูลลับนายทหารไทยขายชาติ เชื่อส่งผลสะเทือนมติ กก.มรดกโลก
เมื่อเวลา 11.30 น.วานนี้ (16 ต.ค.) ที่รัฐสภา กลุ่ม 40 ส.ว.นำโดย นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา พร้อมด้วยนายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา และนาย เทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระ ร่วมกันแถลงถึงการจัดเสวนา คณะกรรมการมรดกโลก ชนวนความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ว่า จากความขัดแย้งกรณีเขาพระวิหาร ที่เกิดขึ้นระหว่างไทย-กัมพูชา เป็นเหตุให้มีนายทหารทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บ และเสียชีวิต 6 นาย ซึ่งต้นเหตุเกิดมาจากการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ได้ขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งเป็นการยั่วยุ และสนับสนุนให้เกิดความรุนแรง โดยมีความไม่ชอบมาพากลที่ นางฟรังซัวส์ ริวิเยร์ ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส รองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายวัฒนธรรมองค์การยูเนสโก้ และเป็นผู้ลงนามเป็นพยานในแถลงการณ์ร่วมวันที่ 22 พ.ค.51 อย่างที่ไม่เคยมีประเพณีปฏิบัติมาก่อน เป็นการขึ้นทะเบียนมรดกโลกอย่างผิดระเบียบ คณะอนุกรรมาธิการด้านการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชนพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการดำเนินการของรัฐ และภาคีเครือข่ายผู้ติดตามสถานการณ์ปราสาทเขาพระวิหาร จะจัดสัมมนาดังกล่าวขึ้นในวันที่ 20 ต.ค.นี้
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ในการสัมมนาดังกล่าวจะมีการเปิดเอกสารลับ ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ของคณะกรรมการมรดกโลก ที่มีความไม่ชอบมาพากล ซึ่งเป็นเอกสารที่ยังไม่เคยเปิดเผยมาก่อน โดยภายหลังการสัมมนาจะทำจดหมายถึงองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) องค์การยูเนสโก คณะกรรมการมรดกโลก และรัฐบาล ตลอดจนสื่อมวลชนต่างประเทศ ที่มาร่วมทำข่าวการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ชะอำ-หัวหิน เพื่อได้รับทราบ
ทั้งนี้ ทางผู้จัดสัมมนาเชื่อว่า การยื่นจดหมายออกไปเป็นประเด็นสาธารณะจะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแน่นอน เพราะแสดงให้เห็นถึงการฉ้อฉล การปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ยึดหลักธรรมาภิบาล ซึ่งกลุ่ม ส.ว.และผู้จัดสัมมนา ยังคัดค้านการแต่งตั้งฝ่ายกัมพูชาเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการมรดกโลกด้วย เพราะหากมีการแต่งตั้งจริง จะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา ขั้นสูงสุด
ด้านนายเทพมนตรี กล่าวว่า เราได้พบเอกสารบางอย่างระหว่างที่นายสุวิทย์คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะไปร่วมประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ที่ประเทศสเปน พบว่ามีการส่งมอบรูปภาพ และการวางกำลังของกองทัพไทย โดยมีนายทหารบางคนของไทย ที่แอบส่งข้อมูลและภาพถ่ายฝูงบินเอฟ 16 และอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ทหารไทยจะนำขึ้นไปตรึงกำลังบนเขาพระวิหารไปให้กัมพูชา ถือว่าประเทศไทยมีไส้ศึก ที่เป็นนายทหารของไทยเอง และนายทหารคนนี้ยังรับราชการอยู่
เมื่อเวลา 11.30 น.วานนี้ (16 ต.ค.) ที่รัฐสภา กลุ่ม 40 ส.ว.นำโดย นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา พร้อมด้วยนายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา และนาย เทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระ ร่วมกันแถลงถึงการจัดเสวนา คณะกรรมการมรดกโลก ชนวนความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ว่า จากความขัดแย้งกรณีเขาพระวิหาร ที่เกิดขึ้นระหว่างไทย-กัมพูชา เป็นเหตุให้มีนายทหารทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บ และเสียชีวิต 6 นาย ซึ่งต้นเหตุเกิดมาจากการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ได้ขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งเป็นการยั่วยุ และสนับสนุนให้เกิดความรุนแรง โดยมีความไม่ชอบมาพากลที่ นางฟรังซัวส์ ริวิเยร์ ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส รองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายวัฒนธรรมองค์การยูเนสโก้ และเป็นผู้ลงนามเป็นพยานในแถลงการณ์ร่วมวันที่ 22 พ.ค.51 อย่างที่ไม่เคยมีประเพณีปฏิบัติมาก่อน เป็นการขึ้นทะเบียนมรดกโลกอย่างผิดระเบียบ คณะอนุกรรมาธิการด้านการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชนพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการดำเนินการของรัฐ และภาคีเครือข่ายผู้ติดตามสถานการณ์ปราสาทเขาพระวิหาร จะจัดสัมมนาดังกล่าวขึ้นในวันที่ 20 ต.ค.นี้
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ในการสัมมนาดังกล่าวจะมีการเปิดเอกสารลับ ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ของคณะกรรมการมรดกโลก ที่มีความไม่ชอบมาพากล ซึ่งเป็นเอกสารที่ยังไม่เคยเปิดเผยมาก่อน โดยภายหลังการสัมมนาจะทำจดหมายถึงองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) องค์การยูเนสโก คณะกรรมการมรดกโลก และรัฐบาล ตลอดจนสื่อมวลชนต่างประเทศ ที่มาร่วมทำข่าวการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ชะอำ-หัวหิน เพื่อได้รับทราบ
ทั้งนี้ ทางผู้จัดสัมมนาเชื่อว่า การยื่นจดหมายออกไปเป็นประเด็นสาธารณะจะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแน่นอน เพราะแสดงให้เห็นถึงการฉ้อฉล การปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ยึดหลักธรรมาภิบาล ซึ่งกลุ่ม ส.ว.และผู้จัดสัมมนา ยังคัดค้านการแต่งตั้งฝ่ายกัมพูชาเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการมรดกโลกด้วย เพราะหากมีการแต่งตั้งจริง จะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา ขั้นสูงสุด
ด้านนายเทพมนตรี กล่าวว่า เราได้พบเอกสารบางอย่างระหว่างที่นายสุวิทย์คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะไปร่วมประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ที่ประเทศสเปน พบว่ามีการส่งมอบรูปภาพ และการวางกำลังของกองทัพไทย โดยมีนายทหารบางคนของไทย ที่แอบส่งข้อมูลและภาพถ่ายฝูงบินเอฟ 16 และอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ทหารไทยจะนำขึ้นไปตรึงกำลังบนเขาพระวิหารไปให้กัมพูชา ถือว่าประเทศไทยมีไส้ศึก ที่เป็นนายทหารของไทยเอง และนายทหารคนนี้ยังรับราชการอยู่