ตลาดหุ้นเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ ดัชนีวันศุกร์(16ต.ค.) ดีดกลับ 24 จุด ปิดที่ 717.12 จุด วอลุ่มซื้อขายเฉียด 3 หมื่นล้าน ต่างชาติส่งสัญญาณกลับมาซื้อสุทธิ 535 ล้านบาท นายกฯเตือนนักลงทุนกลั่นกรองข่าวที่ได้รับอย่างถี่ถ้วน พร้อมสั่ง “กรณ์”เร่งหาตัวไอ้โม่งปล่อยข่าวลือทั้งในและนอกประเทศ ด้านก.ล.ต.รับลูก รุกขอแรงตำรวจสันติบาลแกะรอยข้อมูลรายบุคคล แถมสอบสำนักข่าวต่างแดน โบรกฯเชื่อมั่นดัชนีเริ่มดีดกลับ ชี้สัปดาห์หน้าหลายปัจจัยบวกช่วยสนับสนุน เช่น ผลดำเนินงานบจ.ไตรมาส 3 การประชุมกนง.
ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์(16ต.ค.)ที่ผ่านมา ดัชนีเริ่มกลับมาสู่แดนบวกอีกครั้ง โดยบวกเพิ่มถึง 24.40 จุด หรือ 3.52% ปิดที่ระดับ 717.12 จุด มูลค่าการซื้อขาย 29,770.23 ล้านบาท ภาพรวมมาจากนักลงทุนต่างประเทศเริ่มกลับมาซื้อสุทธิ 535.43 ล้านบาท เช่นเดียวกับกลุ่มสถาบันซึ่งซื้อสุทธิ 348.71 ล้านบาท จึงเป็นการขายทำกำไรของกลุ่มนักลงทุนทั่วไปที่ขายสุทธิ 884.14 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การรีบาวน์ของดัชนีหุ้น 24 จุดครั้งนี้ ยังน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของดัชนีที่ปรับตัวลดลงไป 54 จุดในช่วง 2 วันที่ผ่านมา โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 717.12จุด และต่ำสุดที่ระดับ 695.74 จุด แต่ก็เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า ตลาดฯเริ่มที่จะเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว จากแรงขายของต่างชาติดูที่สงบลง แม้โดยรวมวอลุ่มเทรดจะหดหายไป
มาร์คแนะคนซื้อหุ้นกลั่นกรองข้อมูล
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวลือที่ทำให้ตลาดหุ้นตกถึง 50 จุดว่า เท่าที่ทราบขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯเริ่มปรับตัวขึ้นแล้ว ซึ่งจริงๆแล้ว อยากจะบอกคนที่ซื้อขายในตลาดหุ้นจะต้องใช้วิจารณญานในการกลั่นกรองข้อมูลส่วนข้อมูลต่างๆ ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) จะต้องช่วยกันติดตาม และหากมีใครไปดำเนินการที่จงใจทำให้เกิดปัญหาก็ถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งจะต้องดำเนินการ เพราะฉะนั้นก็จะต้องมีการตรวจสอบว่ามีลักษณะของการปล่อยข่าวและทำให้เกิดปัญหา ขัดกับกฎหมายหลักทรัพย์หรือไม่ ถ้าใช่ตลาดหลักทรัพย์ฯก็ต้องดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุการณ์ผ่านมา 2 วันแล้ว รัฐบาลได้ตรวจสอบข้อมูลหรือไม่ เพราะข่าวอย่างนี้มีผลต่อนักลงทุนต่างประเทศ นายกฯ กล่าวว่า ตนก็คุยกับ รมว.คลัง ซึ่งก็มีการพาดพิงถึงบุคคลในบริษัทต่าง ๆ และก็มีการตรวจสอบกันอยู่
ส่วนจะมีกระบวนการในด้านการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะต้องมีการตรวจสอบจากข่าวที่ออกมาก่อน และเมื่อเชื่อมโยงถึงใครก็ว่ากันอีกที โดยเรื่องนี้ต้องให้หน่วยงานกำกับทางตลาดหลักทรัพย์ เป็นผู้ยืนยันมาก่อนว่าในการซื้อขายมีความผิดปกติหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องอย่างไร ส่วนการบริหารจัดการในเรื่องของข่าวสารนั้น จริงๆ แล้วหน่วยงานเหล่านี้เขาก็พยายามทำอยู่ ซึ่งเรื่องอย่างนี้มันเป็นวิจารณญานของคนที่ซื้อขาย ว่าไปฟังใคร เชื่อหรือไม่ อย่างไร ซึ่งบางทีก็เป็นเรื่องยากที่จะให้ทุกฝ่ายหรือทางการไปให้ข่าวสารตลอดเวลา และเราเองก็ไม่สามารถไปบังคับได้อยู่แล้วว่าเขาจะเชื่อ หรือไม่เชื่อใคร ขณะที่ตัวคนปล่อยข่าวนั้น ส่วนใหญ่คนที่ถูกพาดพิงก็จะปฏิเสธอยู่แล้วว่าไม่ได้ดำเนินการ
รุกสอบการให้ข่าวสื่อ ตปท.
เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะมีผลกระทบกับเสถียรภาพโดยรวมของประเทศหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จริง ๆ อยากให้ทุกคนมีความหนักแน่น ตนก็ยืนยันว่าบ้านเมืองของเรามีระบบ ดังนั้นเรื่องของข่าวลือ มันเป็นเรื่องที่มีอยู่ตลอดเวลา และเราก็ไปห้ามคนคิด คนพูดไม่ได้ แต่เราต้องพยายามอยู่กับเหตุและผล และเชื่อมั่นในกระบวนการ กลไกของเรา ส่วนส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยไปถึงสัปดาห์หน้าหรือไม่ ยังตอบได้ยาก เพราะของอย่างนี้ก็มีความผันผวน แต่ตนอยากให้ทุกคนเก็บเกี่ยวเรื่องนี้เป็นบทเรียน เพราะการลดลงไป 50 กว่าจุดใน 2 วันโดยที่ไม่มีความชัดเจนในเรื่องปัจจัยพื้นฐานมันก็เป็นเรื่องที่ต้องคิด
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีสำนักข่าวต่างประเทศบางสำนักที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างจะรุนแรงเกี่ยวกับบ้านเมืองและสถาบัน รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กำลังมีการตรวจสอบอยู่ ถ้าเป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริต ไม่ขัดต่อกฎหมายก็มีสิทธิทำได้
ด้าน นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่าแรงเทขายหุ้นที่เกิดขึ้น 2 วันก่อนหน้านี้มาจากปัจจัยของการตรวจสอบฐานการลงทุนในตลาด และกระแสข่าวลือ และจากการตรวจสอบเบื้องต้น ก็ไม่พบการซื้อขายที่ผิดปกติ
ก.ล.ต.เดินหน้าล่าไอ้โม่งปล่อยข่าว
นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ก.ล.ต.ได้ประสานงานไปผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลในการตรวจสอบกระแสข่าวลือที่ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยทรุดตัวลงอย่างหนักในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา รวมถึงการซื้อขายหุ้นของบุคคลต่างๆ โดยกำลังพิจารณาว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือไม่
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามข้อมูลในเบื้องต้น ก.ล.ต.พบว่าการซื้อขายหุ้นในช่วงที่ผ่านมามีการกระจายไปในหุ้นหลายตัว และกระจายในวงกว้างทั้งนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ ก.ล.ต.และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กำลังวางแนวทางการสืบหาข้อมูลในรูปแบบต่างๆ
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ต้นตอการปล่อยข่าวลือดังกล่าวมาจากต่างประเทศ นายธีระชัย กล่าวว่า การเผยแพร่ข่าวในต่างประเทศเกี่ยวกับกระแสข่าวลือในตลาดหุ้นไทยนั้น เกิดขึ้นภายหลังจากดัชนีตลาดหุ้นอ่อนตัวลงไปแล้ว โดยพบว่า รายงานข่าวดังกล่าวที่รายงานในต่างประเทศเกิดขึ้นในเวลาประมาณ 15.00 น.ของวันที่ 14 ตุลาคม 2552 ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ตลาดหุ้นมีปฏิกิริยาต่อข่าวลือไปแล้ว แต่ก็กำลังให้ทางสันติบาลตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
ดันแผนพัฒนาตลาดทุนเสนอ ครม.
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่าที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยวานนี้ (16 ต.ค.) ได้อนุมัติแผนพัฒนาตลาดทุนของประเทศ เพื่อเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ หรือ ครม.เศรษฐกิจ ภายใน 1 เดือน พร้อมกับแผนพัฒนาตลาดเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ได้จัดทำแผนแม่บทพัฒนาระบบสถาบันการเงินฉบับที่ 2
"เรามีเป้าหมายชัดเจนที่จะทำให้ตลาดเงินและตลาดทุนของไทยเป็นเครื่องมือในการยกระดับโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินและการลงทุน ช่วยลดต้นทุนทางการเงิน และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ หลังจากนำเสนอแผนการพัฒนาตลาดทุนเข้าสู่การประชุม ครม.เศรษฐกิจแล้ว จะเสนอแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบเพื่อรองรับการจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนต่อไป" นายกรณ์กล่าว
ขณะที่การปรับโครงสร้างตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการแปรสภาพ เพื่อจัดทำแผนการดำเนินงานของตลาด ในระยะ 3 ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาใช้เงินงบประมาณที่เหมาะสม
สัปดาห์หน้ามีหลายสัญญาณบวก
ขณะที่ นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า แนวโน้มของดัชนีฯ ในสัปดาห์หน้า( 19-22 ต.ค. 52) มีโอกาสที่ดัชนีฯ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยมองว่ามีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปถึง 724 จุด เพราะปัจจัยพื้นฐานของประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและด้านอื่นๆ ถือว่าแข็งแกร่ง รวมถึงนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลหลังกระแสข่าวลือไม่เป็นความจริง ประกอบกับ คาดการณ์ผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 3/2552 อาทิ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่จะทยอยประกาศออกมาในช่วงสัปดาห์หน้า รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ซึ่งคาดว่าจะออกมาดี และช่วยหนุน Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้นไทย
นอกจากนี้ต้องติดตามการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ซึ่งคาดว่ากนง.น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.25% และไม่น่าจะสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดฯ รวมทั้งจับตาการรายงานตัวเลขการส่งออก เชื่อว่าจะออกมาดี เพราะพิจารณาดูจากการรายงานของต่างประเทศ พบว่า ตัวเลขการลดลงอยู่ในภาวะที่ชะลอตัว
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในวันนี้(17ต.ค.) นั้นคงเป็นเพียงปัจจัยกดดันในระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังคงเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังคงมีโอกาสที่จะทะยานเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ เทรดดิ้งหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ,กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มพลังงงาน โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 700 จุด แนวต้าน 724 จุด
นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ (16ต.ค.)รีบาวน์ขึ้นหลังจากที่ตลาดฯได้ปรับตัวลงแรง แต่ก็ยังไปได้แค่ประมาณ 20 จุด ทั้งนี้ ตลาดฯเริ่มที่จะเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แรงขายของต่างชาติดูจะสงบลงมาก ทำให้ยจึงมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้บ้าง แต่ภาพโดยรวมจะเห็นได้ว่า วอลุ่มเทรดได้หายไป หากตลาดฯกลับเข้าสู่ภาวะปกติก็น่าจะกลับไปลงทุนด้วยการอ้างอิงตัวหุ้น และปัจจัยจากต่างประเทศ เป็นหลัก ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียอยู่ในทิศทางอ่อนลงเล็กน้อยถึงทรงตัว
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า (19ต.ค.) ตลาดหุ้นไทยคงจะปรับตัวขึ้นได้บ้างในช่วงต้น ๆ แต่ภาพโดยรวมยังเป็นลักษณะของการแกว่งไซต์เวย์ เพราะยังมีความไม่แน่ใจเกี่ยวกับการเทรดของนักลงทุนต่างชาติ พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 690-700 จุด แนวต้าน 720-730 จุด
ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์(16ต.ค.)ที่ผ่านมา ดัชนีเริ่มกลับมาสู่แดนบวกอีกครั้ง โดยบวกเพิ่มถึง 24.40 จุด หรือ 3.52% ปิดที่ระดับ 717.12 จุด มูลค่าการซื้อขาย 29,770.23 ล้านบาท ภาพรวมมาจากนักลงทุนต่างประเทศเริ่มกลับมาซื้อสุทธิ 535.43 ล้านบาท เช่นเดียวกับกลุ่มสถาบันซึ่งซื้อสุทธิ 348.71 ล้านบาท จึงเป็นการขายทำกำไรของกลุ่มนักลงทุนทั่วไปที่ขายสุทธิ 884.14 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การรีบาวน์ของดัชนีหุ้น 24 จุดครั้งนี้ ยังน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของดัชนีที่ปรับตัวลดลงไป 54 จุดในช่วง 2 วันที่ผ่านมา โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 717.12จุด และต่ำสุดที่ระดับ 695.74 จุด แต่ก็เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า ตลาดฯเริ่มที่จะเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว จากแรงขายของต่างชาติดูที่สงบลง แม้โดยรวมวอลุ่มเทรดจะหดหายไป
มาร์คแนะคนซื้อหุ้นกลั่นกรองข้อมูล
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวลือที่ทำให้ตลาดหุ้นตกถึง 50 จุดว่า เท่าที่ทราบขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯเริ่มปรับตัวขึ้นแล้ว ซึ่งจริงๆแล้ว อยากจะบอกคนที่ซื้อขายในตลาดหุ้นจะต้องใช้วิจารณญานในการกลั่นกรองข้อมูลส่วนข้อมูลต่างๆ ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) จะต้องช่วยกันติดตาม และหากมีใครไปดำเนินการที่จงใจทำให้เกิดปัญหาก็ถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งจะต้องดำเนินการ เพราะฉะนั้นก็จะต้องมีการตรวจสอบว่ามีลักษณะของการปล่อยข่าวและทำให้เกิดปัญหา ขัดกับกฎหมายหลักทรัพย์หรือไม่ ถ้าใช่ตลาดหลักทรัพย์ฯก็ต้องดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุการณ์ผ่านมา 2 วันแล้ว รัฐบาลได้ตรวจสอบข้อมูลหรือไม่ เพราะข่าวอย่างนี้มีผลต่อนักลงทุนต่างประเทศ นายกฯ กล่าวว่า ตนก็คุยกับ รมว.คลัง ซึ่งก็มีการพาดพิงถึงบุคคลในบริษัทต่าง ๆ และก็มีการตรวจสอบกันอยู่
ส่วนจะมีกระบวนการในด้านการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะต้องมีการตรวจสอบจากข่าวที่ออกมาก่อน และเมื่อเชื่อมโยงถึงใครก็ว่ากันอีกที โดยเรื่องนี้ต้องให้หน่วยงานกำกับทางตลาดหลักทรัพย์ เป็นผู้ยืนยันมาก่อนว่าในการซื้อขายมีความผิดปกติหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องอย่างไร ส่วนการบริหารจัดการในเรื่องของข่าวสารนั้น จริงๆ แล้วหน่วยงานเหล่านี้เขาก็พยายามทำอยู่ ซึ่งเรื่องอย่างนี้มันเป็นวิจารณญานของคนที่ซื้อขาย ว่าไปฟังใคร เชื่อหรือไม่ อย่างไร ซึ่งบางทีก็เป็นเรื่องยากที่จะให้ทุกฝ่ายหรือทางการไปให้ข่าวสารตลอดเวลา และเราเองก็ไม่สามารถไปบังคับได้อยู่แล้วว่าเขาจะเชื่อ หรือไม่เชื่อใคร ขณะที่ตัวคนปล่อยข่าวนั้น ส่วนใหญ่คนที่ถูกพาดพิงก็จะปฏิเสธอยู่แล้วว่าไม่ได้ดำเนินการ
รุกสอบการให้ข่าวสื่อ ตปท.
เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะมีผลกระทบกับเสถียรภาพโดยรวมของประเทศหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จริง ๆ อยากให้ทุกคนมีความหนักแน่น ตนก็ยืนยันว่าบ้านเมืองของเรามีระบบ ดังนั้นเรื่องของข่าวลือ มันเป็นเรื่องที่มีอยู่ตลอดเวลา และเราก็ไปห้ามคนคิด คนพูดไม่ได้ แต่เราต้องพยายามอยู่กับเหตุและผล และเชื่อมั่นในกระบวนการ กลไกของเรา ส่วนส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยไปถึงสัปดาห์หน้าหรือไม่ ยังตอบได้ยาก เพราะของอย่างนี้ก็มีความผันผวน แต่ตนอยากให้ทุกคนเก็บเกี่ยวเรื่องนี้เป็นบทเรียน เพราะการลดลงไป 50 กว่าจุดใน 2 วันโดยที่ไม่มีความชัดเจนในเรื่องปัจจัยพื้นฐานมันก็เป็นเรื่องที่ต้องคิด
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีสำนักข่าวต่างประเทศบางสำนักที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างจะรุนแรงเกี่ยวกับบ้านเมืองและสถาบัน รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กำลังมีการตรวจสอบอยู่ ถ้าเป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริต ไม่ขัดต่อกฎหมายก็มีสิทธิทำได้
ด้าน นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่าแรงเทขายหุ้นที่เกิดขึ้น 2 วันก่อนหน้านี้มาจากปัจจัยของการตรวจสอบฐานการลงทุนในตลาด และกระแสข่าวลือ และจากการตรวจสอบเบื้องต้น ก็ไม่พบการซื้อขายที่ผิดปกติ
ก.ล.ต.เดินหน้าล่าไอ้โม่งปล่อยข่าว
นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ก.ล.ต.ได้ประสานงานไปผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลในการตรวจสอบกระแสข่าวลือที่ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยทรุดตัวลงอย่างหนักในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา รวมถึงการซื้อขายหุ้นของบุคคลต่างๆ โดยกำลังพิจารณาว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือไม่
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามข้อมูลในเบื้องต้น ก.ล.ต.พบว่าการซื้อขายหุ้นในช่วงที่ผ่านมามีการกระจายไปในหุ้นหลายตัว และกระจายในวงกว้างทั้งนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ ก.ล.ต.และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กำลังวางแนวทางการสืบหาข้อมูลในรูปแบบต่างๆ
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ต้นตอการปล่อยข่าวลือดังกล่าวมาจากต่างประเทศ นายธีระชัย กล่าวว่า การเผยแพร่ข่าวในต่างประเทศเกี่ยวกับกระแสข่าวลือในตลาดหุ้นไทยนั้น เกิดขึ้นภายหลังจากดัชนีตลาดหุ้นอ่อนตัวลงไปแล้ว โดยพบว่า รายงานข่าวดังกล่าวที่รายงานในต่างประเทศเกิดขึ้นในเวลาประมาณ 15.00 น.ของวันที่ 14 ตุลาคม 2552 ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ตลาดหุ้นมีปฏิกิริยาต่อข่าวลือไปแล้ว แต่ก็กำลังให้ทางสันติบาลตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
ดันแผนพัฒนาตลาดทุนเสนอ ครม.
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่าที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยวานนี้ (16 ต.ค.) ได้อนุมัติแผนพัฒนาตลาดทุนของประเทศ เพื่อเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ หรือ ครม.เศรษฐกิจ ภายใน 1 เดือน พร้อมกับแผนพัฒนาตลาดเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ได้จัดทำแผนแม่บทพัฒนาระบบสถาบันการเงินฉบับที่ 2
"เรามีเป้าหมายชัดเจนที่จะทำให้ตลาดเงินและตลาดทุนของไทยเป็นเครื่องมือในการยกระดับโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินและการลงทุน ช่วยลดต้นทุนทางการเงิน และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ หลังจากนำเสนอแผนการพัฒนาตลาดทุนเข้าสู่การประชุม ครม.เศรษฐกิจแล้ว จะเสนอแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบเพื่อรองรับการจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนต่อไป" นายกรณ์กล่าว
ขณะที่การปรับโครงสร้างตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการแปรสภาพ เพื่อจัดทำแผนการดำเนินงานของตลาด ในระยะ 3 ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาใช้เงินงบประมาณที่เหมาะสม
สัปดาห์หน้ามีหลายสัญญาณบวก
ขณะที่ นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า แนวโน้มของดัชนีฯ ในสัปดาห์หน้า( 19-22 ต.ค. 52) มีโอกาสที่ดัชนีฯ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยมองว่ามีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปถึง 724 จุด เพราะปัจจัยพื้นฐานของประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและด้านอื่นๆ ถือว่าแข็งแกร่ง รวมถึงนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลหลังกระแสข่าวลือไม่เป็นความจริง ประกอบกับ คาดการณ์ผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 3/2552 อาทิ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่จะทยอยประกาศออกมาในช่วงสัปดาห์หน้า รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ซึ่งคาดว่าจะออกมาดี และช่วยหนุน Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้นไทย
นอกจากนี้ต้องติดตามการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ซึ่งคาดว่ากนง.น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.25% และไม่น่าจะสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดฯ รวมทั้งจับตาการรายงานตัวเลขการส่งออก เชื่อว่าจะออกมาดี เพราะพิจารณาดูจากการรายงานของต่างประเทศ พบว่า ตัวเลขการลดลงอยู่ในภาวะที่ชะลอตัว
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในวันนี้(17ต.ค.) นั้นคงเป็นเพียงปัจจัยกดดันในระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังคงเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังคงมีโอกาสที่จะทะยานเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ เทรดดิ้งหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ,กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มพลังงงาน โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 700 จุด แนวต้าน 724 จุด
นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ (16ต.ค.)รีบาวน์ขึ้นหลังจากที่ตลาดฯได้ปรับตัวลงแรง แต่ก็ยังไปได้แค่ประมาณ 20 จุด ทั้งนี้ ตลาดฯเริ่มที่จะเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แรงขายของต่างชาติดูจะสงบลงมาก ทำให้ยจึงมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้บ้าง แต่ภาพโดยรวมจะเห็นได้ว่า วอลุ่มเทรดได้หายไป หากตลาดฯกลับเข้าสู่ภาวะปกติก็น่าจะกลับไปลงทุนด้วยการอ้างอิงตัวหุ้น และปัจจัยจากต่างประเทศ เป็นหลัก ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียอยู่ในทิศทางอ่อนลงเล็กน้อยถึงทรงตัว
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า (19ต.ค.) ตลาดหุ้นไทยคงจะปรับตัวขึ้นได้บ้างในช่วงต้น ๆ แต่ภาพโดยรวมยังเป็นลักษณะของการแกว่งไซต์เวย์ เพราะยังมีความไม่แน่ใจเกี่ยวกับการเทรดของนักลงทุนต่างชาติ พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 690-700 จุด แนวต้าน 720-730 จุด