ที่รัฐสภา วานนี้ (15 ต.ค.) กลุ่ม 40 ส.ว.นำโดย นาย ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี ร่วมกันแถลงข่าวคัดค้านการเช่ารถเมล์เอ็นจึวี 4 พันคัน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันแล้วนั้น กลุ่ม 40 ส.ว.ได้ติดตามเรื่องดังกล่าวแล้วพบว่ามติ ครม.นำความเห็นของสภาพัฒน์มาอ้างโดยไม่ครบถ้วน เพราะสภาพัฒน์ เห็นว่าการให้สัมปทานแก่เอกชนดีกว่าเช่าหรือซื้อเพราะมีความเสี่ยงต่ำ ครม.กลับอ้างเฉพาะเช่าดีกว่าซื้อทั้งที่สภาพัฒน์พิจารณาเพียงราคารถบวกกับดอกเบี้ยเท่านั้น แต่ไม่ได้นำเรื่องค่าซ่อมบำรุงวันละ 2,250 บาทมาพิจารณาประกอบ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่หมกเม็ดไว้ โดยจะแก้ไขได้โดยวิธีให้สัมปทานแก่เอกชนจะยุติปัญหาเรื่องนี้ ครม.กลับไม่นำมาพิจารณา เพราะโดยหลักการแล้วคณะกรรมการสภาพัฒน์ ให้ตั้งคณะการกำหนดราคากลางทั้งหมดขึ้นมาใหม่ ซึ่ง ครม.เห็นชอบ ดังนั้นการไปกำหนดวงเงิน 63,000 ล้านบาทในการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ไว้ก่อนที่จะมีราคากลางนั้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะคณะกรรมการอาจจะต้องปรับลดเงินลงอีก เป็นหมื่นล้านบาท จึงขอคัดค้านการให้ข่าวดังกล่าวเพราะอาจเข้าข่าย ล๊อคราคากลางไว้ล่วงหน้า
นายไพบูลย์ เตือนว่าการที่ครม.ที่ร่วมประชุมอนุมัติหลักการนี้ หากภายภาคหน้าเกิดมีคดีที่นำไปสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รัฐมนตรีจะไปอ้างกับศาลว่าไม่ได้อ่านรายละเอียด ลงมติไปตามประเพณีเพื่อให้พ้นผิดเหมือนคดีหวยบนดินไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ได้มีการทักท้วงกันอย่างต่อเนื่องและยาวนาน เพราะฉะนั้นรัฐมนตรีทุกคนจะต้องรับผิดชอบ ต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
ด้าน น.ส.สุมล กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีจริงใจในการแก้ปัญหาโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี เหมือนครั้งแรกที่รับปากกับประชาชน แต่ ท่านก็ซื้อเวลา เหมือนแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยโยนให้สภาพัฒน์ไปศึกษา ซึ่งสุดท้ายก็มีมติ ครม.อนุมัติ ให้เช่ารถเมล์เอ็นจีวี ซึ่งตนอยากให้รัฐบาลนำผลการศึกษาของสภาพัฒน์ มาเผยแพร่ ให้ประชาชนได้รับทราบว่าเป็นอย่างไร เพราะขณะนี้ทำให้ประชาชนสงสัยว่าการอนุมัติโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ครั้งนี้เป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทน ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยหรือไม่
นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ และรองประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า ที่นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะเปิดซองประมูลโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันในเดือน พ.ย.นี้ ขสมก. คงทำไม่ได้เพราะจากการที่คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.ได้เชิญตัวแทนสภาพัฒน์มาชี้แจง และได้ระบุว่าเมื่อ ครม.อนุมัติโครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คันแล้วยังไม่สามารถ เปิดซองประมูลให้เช่าได้ทันที เพราะ ขสมก.และกระทรวงคมนาคม จะต้องทำแผน รายละเอียดถึงการทำโครงการเกษียณของพนักงาน ขสมก.ทั้ง7,900 คน รวมทั้งปัญหาที่จอดรถเป็นปัญหาเรื่องขอกฎหมาย ทั้งยังโครงการสถานีเอ็นจีวีอีก
นายชาญชัย กล่าวว่า การที่ ขสมก. จะเปิดให้เช่ารถเมล์เอ็นจีวี นั้นไม่ใช่เรื่อง ง่ายๆ เพราะสภาพัฒน์ เสนอโครงการนี้เป็นเงื่อนไขให้ครม.เพื่อให้ ขสมก.ไปแก้ปัญหาความล้มเหลวขององค์กร ขสมก.ให้ได้เสียก่อน ค่อยมาดูว่าจะเช่าอย่างไร ถ้าเช่าก็ต้องใช้ พ.ร.บ.ร่วมทุนปี 2535 มาเป็นตัวกำหนดการจัดซื้อจัดจ้างอีกครั้งฃ
อย่างไรก็ตามขอย้ำว่าเรื่องนี้ถ้าครม.และนาย ปิยพันธ์ ทำผิดกฎหมาย และผิดระเบียบพัสดุ และปล่อยให้มีการทุจริตเกิดขึ้นอาจจะเข้าข่ายผิดมาตรา 157 ได้ และพ.ร.บ.องค์กร 2502
นายไพบูลย์ กล่าวว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันแล้วนั้น กลุ่ม 40 ส.ว.ได้ติดตามเรื่องดังกล่าวแล้วพบว่ามติ ครม.นำความเห็นของสภาพัฒน์มาอ้างโดยไม่ครบถ้วน เพราะสภาพัฒน์ เห็นว่าการให้สัมปทานแก่เอกชนดีกว่าเช่าหรือซื้อเพราะมีความเสี่ยงต่ำ ครม.กลับอ้างเฉพาะเช่าดีกว่าซื้อทั้งที่สภาพัฒน์พิจารณาเพียงราคารถบวกกับดอกเบี้ยเท่านั้น แต่ไม่ได้นำเรื่องค่าซ่อมบำรุงวันละ 2,250 บาทมาพิจารณาประกอบ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่หมกเม็ดไว้ โดยจะแก้ไขได้โดยวิธีให้สัมปทานแก่เอกชนจะยุติปัญหาเรื่องนี้ ครม.กลับไม่นำมาพิจารณา เพราะโดยหลักการแล้วคณะกรรมการสภาพัฒน์ ให้ตั้งคณะการกำหนดราคากลางทั้งหมดขึ้นมาใหม่ ซึ่ง ครม.เห็นชอบ ดังนั้นการไปกำหนดวงเงิน 63,000 ล้านบาทในการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ไว้ก่อนที่จะมีราคากลางนั้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะคณะกรรมการอาจจะต้องปรับลดเงินลงอีก เป็นหมื่นล้านบาท จึงขอคัดค้านการให้ข่าวดังกล่าวเพราะอาจเข้าข่าย ล๊อคราคากลางไว้ล่วงหน้า
นายไพบูลย์ เตือนว่าการที่ครม.ที่ร่วมประชุมอนุมัติหลักการนี้ หากภายภาคหน้าเกิดมีคดีที่นำไปสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รัฐมนตรีจะไปอ้างกับศาลว่าไม่ได้อ่านรายละเอียด ลงมติไปตามประเพณีเพื่อให้พ้นผิดเหมือนคดีหวยบนดินไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ได้มีการทักท้วงกันอย่างต่อเนื่องและยาวนาน เพราะฉะนั้นรัฐมนตรีทุกคนจะต้องรับผิดชอบ ต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
ด้าน น.ส.สุมล กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีจริงใจในการแก้ปัญหาโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี เหมือนครั้งแรกที่รับปากกับประชาชน แต่ ท่านก็ซื้อเวลา เหมือนแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยโยนให้สภาพัฒน์ไปศึกษา ซึ่งสุดท้ายก็มีมติ ครม.อนุมัติ ให้เช่ารถเมล์เอ็นจีวี ซึ่งตนอยากให้รัฐบาลนำผลการศึกษาของสภาพัฒน์ มาเผยแพร่ ให้ประชาชนได้รับทราบว่าเป็นอย่างไร เพราะขณะนี้ทำให้ประชาชนสงสัยว่าการอนุมัติโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ครั้งนี้เป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทน ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยหรือไม่
นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ และรองประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า ที่นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะเปิดซองประมูลโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันในเดือน พ.ย.นี้ ขสมก. คงทำไม่ได้เพราะจากการที่คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.ได้เชิญตัวแทนสภาพัฒน์มาชี้แจง และได้ระบุว่าเมื่อ ครม.อนุมัติโครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คันแล้วยังไม่สามารถ เปิดซองประมูลให้เช่าได้ทันที เพราะ ขสมก.และกระทรวงคมนาคม จะต้องทำแผน รายละเอียดถึงการทำโครงการเกษียณของพนักงาน ขสมก.ทั้ง7,900 คน รวมทั้งปัญหาที่จอดรถเป็นปัญหาเรื่องขอกฎหมาย ทั้งยังโครงการสถานีเอ็นจีวีอีก
นายชาญชัย กล่าวว่า การที่ ขสมก. จะเปิดให้เช่ารถเมล์เอ็นจีวี นั้นไม่ใช่เรื่อง ง่ายๆ เพราะสภาพัฒน์ เสนอโครงการนี้เป็นเงื่อนไขให้ครม.เพื่อให้ ขสมก.ไปแก้ปัญหาความล้มเหลวขององค์กร ขสมก.ให้ได้เสียก่อน ค่อยมาดูว่าจะเช่าอย่างไร ถ้าเช่าก็ต้องใช้ พ.ร.บ.ร่วมทุนปี 2535 มาเป็นตัวกำหนดการจัดซื้อจัดจ้างอีกครั้งฃ
อย่างไรก็ตามขอย้ำว่าเรื่องนี้ถ้าครม.และนาย ปิยพันธ์ ทำผิดกฎหมาย และผิดระเบียบพัสดุ และปล่อยให้มีการทุจริตเกิดขึ้นอาจจะเข้าข่ายผิดมาตรา 157 ได้ และพ.ร.บ.องค์กร 2502
