xs
xsm
sm
md
lg

"มาร์ค"หงอ"ยี้ห้อย" ให้เช่า NGV 4 พันคัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-เช่าเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน“ภูมิใจไทย”ฉลุย หลังเนวินหลุดคดีติดปีกเหนือ “มาร์ค” จัดม็อบสหภาพฯ ทำทีกดดัน ครม. อนุมัติ ตามเกม อ้างผลศึกษาสศช.สรุปเช่าเสี่ยงน้อยกว่าซื้อ ไม่ขาดทุน “โสภณ”เร่งตั้งกรรมการตรวจทีโออาร์ฟอกโปร่งใส ก่อนเปิดประมูลในสิ้นปี ครม.ตีบทแตกสั่งทำแผนปฏิบัติการทำงาน เผยข้อเสนอสศช. ชี้ชัดโครงการสุดเสี่ยงขาดทุนแต่ครม.เมิน ด้านเพื่อไทยเหน็บครม.มาร์คต่างตอบแทน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ (29 ก.ย.) ว่า ที่ประชุมมติเห็นชอบให้เดินหน้า โครงการจัดหารถโดยสารปรับอากาศใหม่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (CNG) จำนวน 4,000 คันขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) หลังจากได้พิจารณาผลการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งสรุปว่าการเช่ามีความเสี่ยงน้อยกว่า

โดยมี 3 ประเด็นที่สำคัญที่กระทรวงคมนาคมจะต้องจัดทำแผนที่ชัดเจนและเสนอกลับมาอีกครั้ง คือ 1.โครงการนี้จะคุ้มค่าและให้ขสมก.เปลี่ยนแปลงได้คือการใช้ระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ และต้องมีการลดพนักงาน จัดทำโครงการเพื่อให้เกิดการจูงใจให้เกิดการเกษียณอายุก่อนกำหนด (Early Retire) ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะต้องทำแผนที่ชัดเจนว่าจะลดจำนวนพนักงานซึ่งมีประมาณ 6,000-7,000 คนได้แล้วเสร็จภายในเมื่อใด เพราะต้องมีการเสนอของบประมาณสำหรับพนักงานเกษียณอายุก่อนกำหนด ซึ่งหากเดินหน้าโครงการแล้ว ปรากฎว่าพนักงานก็ไม่ลดในที่สุดก็ไม่ได้แก้ปัญหาขสมก.

ประเด็นที่ 2 ต้องมีการเพิ่มจำนวนอู่ เพราะต้องมีสถานีที่จะเติมก๊าซเอ็นจีวีได้ เพื่อความชัดเจน ว่าอู่หรือสถานีเอ็นจีวีที่จัดทำเพิ่มขึ้น สามารถรองรับรถได้กี่คันภายในระยะเวลาเท่าไร เพราะหากเช่ารถมา ดำเนินการแล้วไม่มีอู่ให้เติมเอ็นจีวีก็ไม่มีประโยชน์ ประเด็นที่ 3 คือการจัดซื้อจัดจ้างต้องมีความโปร่งใสมากที่สุด เนื่องจากเป็นเรื่องที่ประชาชนกังวล

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ดังนั้นจะต้องมีคณะกรรมการที่มากำหนดราคากลาง และต้องให้มีการจัดซื้อจัดจ้างให้มีการแข่งขันมากที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะจัดทำแผน เสนอกลับมายังครม.อีกครั้ง ส่วนเงื่อนไขอื่นๆ ไม่เปลี่ยนแปลงจากที่เคยพิจารณาแล้ว เช่น เป็นรถที่ประกอบในไทย รวมถึงการลดตัวเลขที่เป็นประมาณการวงเงินที่เคยเสนอไว้สมัยพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี ก็ให้นำไปประกอบการพิจารณา

“โครงการจะแล้วเสร็จเมื่อไรนั้น ขึ้นอยู่กับกระทรวงคมนาคมทำแผนเสนอกลับมา แต่ในความเป็นจริงคงต้องใช้เวลาในการจัดหารถและจำทำอู่รองรับรถทั้ง 4000 คัน และสภาพัฒน์เสนอให้มีคณะกรรมการกำหนดราคากลาง การจัดหา ต้องเปิดให้มีการแข่งขันมากที่สุด จะเป็นหลักประกันที่ดีที่สุด ได้ราคาสมเหตุสมผล ครม.จึงให้ กระทรวงคมนาคม ไปทำรายละเอียดทุกเรื่อง และทำปฏิทินเวลาการดำเนินงานทั้งหมด”นายอภิสิทธิ์กล่าว

ส่วนการปลดพนักงานจะเป็นปัญหา หรือไม่นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าทำไม่ได้โครงการนี้ก็เดินไม่ได้ เพราะรถใหม่จะมีระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ใช้ซึ่งการบริหารเมื่อลงทุน ด้านระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ไปแล้วยังมีต้นทุนพนักงานเท่าเดิม โครงการก็คงไม่เป็นตามวัตถุประสงค์ของโครงการ

**”โสภณ”ตั้ง กก.ชุบโครงการสุดโปร่งใส

นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ครม.เห็นชอบโครงการจัดหารถโดยสารปรับอากาศใหม่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (NGV) จำนวน 4,000 คันขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) วงเงิน 63,000 ล้านบาท ด้วยการเช่าตามที่กระทรวงคมนาคมเคยเสนอ ซึ่งปรับลดลงจากแผนเดิมที่ 64,853.20 ล้านบาท

โดยต่อจากนี้กระทรวงคมนาคมจะทำแผนปฏิบัติการโครงการอย่างละเอียด เช่น การใช้งบประมาณสำหรับโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด, จำนวนพนักงานที่จะเข้าโครงการ ,การบริหารอู่จอดรถ, กรอบเวลาการทำงาน เป็นต้น และจะต้องตั้ง คณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากหน่วยงานภายนอก เพื่อตรวจสอบความโปร่งใสของร่างเงื่อนไขการประมูล (TOR) อีกครั้ง โดยจะเร่งสรุปทั้ง 2 เรื่องเพื่อรายงานครม.ให้เร็วที่สุด และเร่งเปิดประมูลคาดว่าการจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติการใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือนและน่าจะเปิดประมูลได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยหลังจากลงนามสัญญารถล็อตแรกประมาณ 1,500 คันจะเริ่มทยอยเข้ามาภายใน 15 เดือนโดยทั้ง 4,000 คันจะเข้ามาครบภายใน 24 เดือน

“กรรมการที่ตั้งขึ้นมาจะตรวจสอบร่าง TOR ที่จัดทำไว้แล้วมีเงื่อนไขอะไรที่ยังไม่เหมาะสม จะต้องปรับแก้อะไรอีกหรือไม่ เพื่อไม่ให้ ล็อกสเปค ส่วนแผนปฏิบัติการจะทำเป็นปฏิทินตารางการทำงาน ซึ่งการที่ครม.อนุมัติโครงการเพราะผมรับปากเรื่องความโปร่งใส พร้อมให้ตรวจสอบได้ คนกรุงเทพฯ จะได้ใช้บริการรถเมล็เอ็นจีวี โครงการนี้ในรัฐบาลนี้แน่นอน และโครงการนี้ หากเดินหน้าแล้วทำให้ขสมก.ขาดทุนน้อยลงก็ต้องถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว” นายโสภณ กล่าว

**จัดตั้งม็อบสหภาพฯ ขสมก.กดดัน

ก่อนการประชุมครม. ได้มีพนักงาน ขสมก. กว่า 500 คน เดินทางมาชุมนุมหน้ารวมตัวประท้วงที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อคัดค้านข้อเสนอสศช.ที่ให้เอกชนรับสัมปทานทั้งหมด ใน 155 เส้นทาง เพราะเห็นว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าให้ ขสมก.ดำเนินการเอง ซึ่งการประท้วงของพนักงานทำให้ประชาชนผู้ใช้บริการขสมก.ได้รับความเดือดร้อนเพราะจำนวนรถที่น้อยลง

โดยนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เจรจากับตัวแทนสหภาพฯ ขสมก.โดยยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอ ของ สศช. และจะรายงานต่อที่ประ ชุมครม.ด้วย สหภาพฯจึงสลายการชุมนุมไป

ส่วนนายโสภณ กล่าวว่า ไม่มีหน้าที่ไปชี้แจงหรือทำความเข้าใจกับสหภาพฯ เพราะเป็นรัฐมนตรีมีหน้าที่กำกับนโยบาย ส่วนงานภายในอื่นๆ ต้องให้ผู้บริหารแต่ละสังกัดไปจัดการเอง

**สศช.ชี้โครงการสุดเสี่ยงขาดทุน

รายงานข่าวแจ้งว่า จากความเห็นของสศช.ระบุชัดเจนว่า โครงการมีความเสี่ยงหลายประการที่อาจทำให้ผลตอบแทนไม่เป็นไปตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ เช่น ความเสี่ยงในการดำเนินโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดของพนักงาน 7,009 คน ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณ 6,143 ล้านบาท , ความเสี่ยงด้านจำนวนผู้โดยสารที่ต้องแข่งขันกับรถตู้โดยสาร รถร่วมเอกชน เป็นต้น

แม้ว่าผลตอบแทนโครงการตามสมมุติฐานการคำนวนของขสมก.อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิที่อัตราส่วนลด10% จำนวน 7,773 ล้านบาท แต่การที่ต้องใช้งบในโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดอีก 6,143 ล้านบาททำให้มูลค่าส่วนเพิ่มเหลือเยง 1,630 ล้านบาท ทำให้มีความเสี่ยงสูง รวมกับภาระหนี้สินที่รัฐต้องเข้ามาจัดการจำนวน 62,499 ล้านบาท หากไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผน ขสมก.จะขาดทุนเฉลี่ยถึง 4,192 ล้านบาทต่อปี

สำหรับการเดินรถ 4,000 คันใน 155 เส้นทาง มีการประมาณการตัวเลขผู้ใช้บริการประมาณ 1.3 ล้านคนต่อวัน หรือมี 330 คนต่อวันต่อคัน ซึ่งเมื่อรวมรายได้จากการบริการเดินรถและรายได้อื่นๆ แล้ว ปีแรกที่เปิดให้บริการจะมีรายได้จำนวน 13,225.036 ล้านบาท หรือ เฉลี่ย 9,058 บาทต่อคันต่อวัน

** “เพื่อไทย”เหน็บ“มาร์ค”“รัฐบาลต่างตอบแทน”

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทย ถึงโครงการเช่ารถเมล์ เอ็นจีวี 4,000 คัน วงเงิน 63,000 ล้านบาทว่า เริ่องนี้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า รัฐบาลเหมาะสมกับฉายา “รัฐบาลต่างตอบแทน” เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการอนุมัติงบประมาณให้กับกระทรวงกลาโหมไปแล้วมาวันนี้ก็ยังอนุมัติโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันอีก ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าการอนุมัติงบประมาณให้กับกระทรวงกลาโหมนั้นก็เพื่อกลุ่มสีเขียยว ส่วนโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันก็เพื่อพรรคการเมืองที่ดูแลโครงการนี้อยู่ ดังนั้นการดำเนินการของรัฐบาลจึงเป็นเพียงเพื่อซื้อเวลาต่ออายุให้รัฐบาลอยู่ได้ต่อไปเท่านั้น

**”ปิยะพันธ์”ตอกย้ำวิธีเช่าดีที่สุด

ด้านนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานกรรมการขสมก.กล่าวว่า กรณีที่สศช. สรุปความเห็นโครงการจัดหารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา โดยระบุทางเลือกดีที่สุดนอกเหนือจากวิธีเช่าและซื้อ เช่น การให้เอกชนเข้ามาสัมปทานเดินรถ 155 เส้นทางทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑลนั้น ปฏิบัติได้ยาก

ส่วนในอนาคตมีการโอนการบริหารการเดินรถทั้งหมดไปให้เอกชนดูแล โดย ขสมก.จะเหลือบทบาทเป็นเพียงผู้กำกับดูแลด้านความปลอดภัย หรือเรคกูเลเตอร์เท่านั้น แนวทางดังกล่าวก็จะมีความเสี่ยง เนื่องจากภาครัฐไม่มีรถในการบริหารงาน ขณะเดียวกันจะเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะคุมให้เพดานค่าโดยสารอยู่ในเพดานที่ไม่ส่งผลกระทบก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชน

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบความเห็นของ สศช.ที่เสนอให้คณะรัฐมนตรี ยังมีการระบุด้วยว่า การดำเนินการจัดหารถนั้น วิธีเช่าเหมาะสมกว่าวิธีการจัดซื้อ ซึ่งเรื่องนี้สอดคล้องกับผลการศึกษาและแนวทางที่ ขสมก.ดำเนินการมา ส่วนหลังจากคณะรัฐมนตรีพิจารณาข้อเสนอ สศช.แล้ว เชื่อว่าจะมีแนวทางที่เหมาะสม โดยอาจไม่ปฏิบัติตามข้อเสนอของ สศช.ก็ได้โดยเฉพาะการที่จะให้เอกชนเป็นผู้สัมปทานเดินรถทั้งหมด

“หากเลือกใช้วิธีให้เอกชนเข้ามาเป็นผู้เดินรถทั้ง 155 เส้นทาง จะเกิดภาระที่ต้องดำเนินการนำพนักงาน ขสมก.มาเข้าโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดกว่า 10,000 คน ขณะที่ ขสมก.ยังไม่สามารถจัดหารถใหม่ได้ และการที่จะให้พนักงานกว่า 7,000 คน เข้าโครงการขณะนี้จะทำให้ขาดแคลนบุคลากรได้” นายปิยะพันธ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น