“ภูมิใจไทย” เอาจนได้ ครม.อนุมัติเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน “มาร์ค” อ้างผลศึกษาสถาพัฒน์ เช่าเสี่ยงน้อยกว่าซื้อ แถมได้กำไร สั่งการบ้าน 3 ข้อคมนาคม เออรี่รีไทร์พนักงาน –จัดหาสถานีอู่ – จัดซื้อจัดจ้างโปร่งใส ขู่ทำไม่ได้ต้องพับโครงการ “คมนาคม”บอกทำเสร็จภายใน 2 ปี
วันที่ 29 ก.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ครม.ได้มีการพิจารณาผลการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)ในโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4000 คัน โดยสภาพัฒน์ได้ทำการสรุปว่าการเช่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าการซื้อ ครม.จึงมีมติเห็นชอบให้เดินหน้าโครงการเช่ารถเมล์ ซึ่งมีประเด็นที่ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการเสนอเรื่องกลับมาให้เห็นแผนที่ชัดเจน โดยจะมีเรื่องสำคัญ 3 เรื่องที่ต้องดำเนินการ คือ 1.โครงการนี้จะคุ้มค่าและให้ ขสมก.เปลี่ยนแปลงได้คือการใช้ระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ และต้องมีการลดพนักงาน จัดทำโครงการเพื่อให้เกิดการจูงใจให้เกิดการเกษียณอายุก่อนกำหนด ฉะนั้นตรงนี้กระทรวงคมนาคมจะต้องทำแผนออกมาให้ชัดเจนว่าจะลดจำนวนพนักงานผ่านโครงการนี้ อยู่ที่ตัวเลข 6,000-7,000 คน ได้แล้วเสร็จภายในเมื่อไหร่ หากไปเดินหน้าโครงการนี้แล้ว ปรากฏว่าพนักงานก็ไม่ลดในที่สุดก็ไม่ได้แก้ปัญหา ขสมก.ซึ่งต้องไปจัดทำมา เพราะต้องมีการเสนอของบประมาณในการจัดโครงการให้พนักงานเกษียณอายุก่อนกำหนด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่าประเด็นที่ 2 ถ้าจะทำรถเมล์ 4000 คัน และใช้เอ็นจีวี ต้องมีการเพิ่มจำนวนอู่ เพราะต้องมีสถานีที่จะเติมเอ็นจีวีได้ ต้องไปทำแผนให้เห็นชัดเจน ว่าอู่หรือสถานีเอ็นจีวีที่จัดทำเพิ่มขึ้น สามารถรองรับรถได้กี่คันภายในระยะเวลาเท่าไหร่ เพราะถ้าไปเช่ารถมา แล้วไม่มีอู่ให้เติมเอ็นจีวีก็ไม่มีประโยชน์ ส่วนที่ 3 คือการจัดซื้อจัดจ้างต้องมีความโปร่งใสมากที่สุด เนื่องจากเป็นเรื่องที่ประชาชนห่วงใยเฉพาะฉะนั้นสิ่งที่ต้องไปทำมี 2 เรื่องคือ 1.ต้องมีคณะกรรมการที่มากำหนดราคากลาง 2.การที่ต้องให้มีการจัดซื้อจัดจ้างให้มีการแข่งขันมากที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม จัดทำเป็นแผน เสนอกลับมายังครม.ต่อไป เพื่อเดินหน้าโครงการดังกล่าว ส่วนเงื่อนไขอื่นที่เคยพิจารณาไปแล้ว เช่น ให้เป็นรถที่ประกอบในไทย ก็ยังให้คงเดิมอยู่ รวมถึงการลดตัวเลขที่เป็นประมาณการวงเงินที่เคยทำไว้สมัย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี ก็ให้นำไปประกอบการพิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่าโครงการนี้จะแล้วเสร็จเมื่อไหร่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกระทรวงคมนาคมทำแผนเสนอกลับมา แต่ถ้าตามความเป็นจริงกว่ารถจะเข้ามาและมีอู่รองรับทั้ง 4000 คัน ก็ไม่เร็ว จริงๆแล้วแนวน่าจะเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ทั้งเรื่องความพร้อมของอู่และการลดพนักงาน เมื่อถามต่อว่ากระทรวงคมนาคมมีความมั่นใจมากแค่ไหนว่าเรื่องการปลดพนักงานจะไม่เป็นปัญหา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าทำไม่ได้โครงการนี้ก็เดินไม่ได้ เพราะเราคงไม่ไปเอารถติดระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์มาใช้แล้วพบว่าใช้ต้นทุนทั้งอิเล็กทรอนิกส์ แต่ยังใช้ต้นทุนพนักงานเท่าเดิม ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ส่วนความโปร่งใสตามแนวทางที่สภาพัฒน์ เสนอมาก็คือต้องมีคณะกรรมการไปกำหนดราคากลาง การจัดซื้อจัดจ้าง ต้องเปิดให้มีการแข่งขันมากที่สุด ถือเป็นหลักประกันที่ดีที่สุด จะได้ราคาสมเหตุสมผล ซึ่งเป็นมติครม. อย่างที่บอกกระทรวงคมนาคมต้องไปจัดทำรายละเอียดในทุกเรื่องมาถึงตรงนี้ต้องบอกว่าการเช่าเสี่ยงน้อยกว่าการซื้อ เนื่องจากรถที่หมุนเวียนอยู่ในขณะนี้ ถ้าซื้อต้องซื้อมาอีก และดูจากประวัติ ขสมก.จะพบว่าค่าซ่อมบำรุงมักจะแพงกว่า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องของเวลากระทรวงคมนาคมต้องไปทำปฏิทินมาเลย ส่วนหนี้สินเดิมต้องไปแก้ปัญหาต่างหากอยู่แล้ว ถ้าเอาหนี้สินเดิมมาดูด้วยโครงการอะไรก็เป็นไปไม่ได้ทั้งนั้น ซึ่งกระทรวงคมนาคมพยายามให้เสร็จภายใน 2 ปี นอกจากนี้ในเรื่องบประมาณเป็นเรื่องของ ขสมก.ซึ่งจากที่สภาพัฒน์ทำการศึกษามาที่ได้มีการปรับตัวเลข มีการประมาณการของผู้ที่จะใช้ในการปรับลดลงมา 10 เปอร์เซ็นต์ก็ยังยืนยันว่าได้กำไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าดูเหมือนเวลานี้นายกฯให้ความสนใจการเมืองมากกว่าเศรษฐกิจ นายอภิสิทธิ์ ปฏิเสธว่าไม่ได้สนใจการเมืองมากกว่าเศรษฐกิจ ที่พูดการเมืองเพราะสื่อมาถา
พท.ซัดเหมือนปล่อย “โจรสลัดการเมือง”ปล้น
นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการจัดหารถโดยสารประจำทางที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวีด้วยวิธีการเช่าจำนวน4,000คันโดยรถโดยสารในโครงการส่วนใหญ่จะเป็นรถที่ประกอบขึ้นในประเทศจะมีเวลาในการดำเนินโครงการ10ปีใช้งบประมาณทั้งสิ้น6.6หมื่นล้านบาทว่าเท่าที่ดูพฤติกรรมการใช้งบประมาณของรัฐบาลชุดนี้ จนมีการกล่าวหาว่ารัฐพายเรือให้โจรนั่ง ถ้าเป็นโจรที่ปล้นเพื่อดำรงชีวิตครอบครัวโจรแต่วันนี้รัฐบาลกำลังพายเรือให้โจรสลัดการเมืองที่ปล้นทุกอย่างเอาไปกองไว้ในที่มิดชิด น่าเป็นห่วงงบประมาณประจำปี 2552และ2553 รวมทั้ง พ.ร.ก.เงินกู้และพ.ร.บ.เงินกู้ที่มีวงเงินจำนวนมหาศาล กำลังจะถูกโจรสลัดเข้ามาปล้นกันอย่างมหาศาล
นายศักดา กล่าวอีกว่า ถ้านายกรัฐมนตรี มีภาวะผู้นำ ที่จะนำรัฐนาวา ฝ่าฟันอุปสรรค จะต้องกล้าตัดสินใจ อย่าให้โจรสลัดมาปล้นชาติซ้ำเติม เพราะทุกวันนี้สังคมโลกมองประเทศไทยว่าไม่มีประชาธิปไตยแล้ว ยังถูกครอบงำจากโจรสลัดปล้นชาติ หากยังเป็นเช่นนี้ประเทศไทย คงไปไม่รอดแน่ หากยังไม่สามารถแสดงภาวะผู้นำในการแก้ไขปัญหาวิกฤติของชาติ เพราะใช้โวหารแก้ปัญหาไม่ได้ ต้องใช้วิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง ทุกวันนี้อยากถามว่าทุกอย่างในประเทศดีขึ้นไหม ความเป็นอยู่ ปากท้องของประชาชนดีขึ้นหรือไม่ ปัญหาหนี้สินของประเทศ ใครจะรับผิดชอบโดยเฉพาะเพียงแค่โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี ไม่ใช่เรื่องเล็กๆซึ่งสังคมเชื่อว่าไม่โปร่งใสอย่างแน่นอน มีผู้ได้รับผลประโยชน์กินกันยาว เป็นการบีบบังคับเป็นลูกโซ่โยงใยกันไปหมด ยิ่งกว่ามะเร็งร้ายที่เกิดขึ้นในระบอบประชาธิปไตย ทำให้คน 63ล้านต้องรับกรรม ซึ่งต้องจับตาดูต่อไป
“หากอนาคตเกิดความเสียหาย ใครจะรับผิดชอบ หากเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ คงหวังพึ่งพระสยามเทวาธิราช จุดธูปจุดเทียน ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยประเทศ ถ้าใครปล้นประเทศชาติ ก็ขอให้มีอันเป็นไป”นายศักดา ย้ำ
เมื่อเวลา 16.00 น. วันเดัยวกัน ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถึงโครงการเช่ารถเมล์ เอ็นจีวี 4,000 คัน วงเงิน 63,000 ล้านบาทว่า เริ่องนี้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า รัฐบาลเหมาะสมกับฉายา “รัฐบาลต่างตอบแทน” เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการอนุมัติงบประมาณให้กับกระทรวงกลาโหมไปแล้ว มาวันนี้ก็ยังอนุมัติโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันอีก ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าการอนุมัติงบประมาณให้กับกระทรวงกลาโหมนั้นก็เพื่อกลุ่มสีเขียยว ส่วนโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันก็เพื่อพรรคการเมืองที่ดูแลโครงการนี้อยู่ ดังนั้นการดำเนินการของรัฐบาลจึงเป็นเพียงเพื่อซื้อเวลา ต่ออายุให้รัฐบาลอยู่ได้ต่อไปเท่านั้น
ปชป.จับตาเต็มที่หวั่นแอบโกง
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ครม.มีมติให้เช่ารถเมล์ปรับอากาศเอ็นจีวี 4,000 คัน ว่า ตนในนาม ส.ส.กทม.จะจับตาดูในเรื่องดังกล่าวแม้ ครม.จะอนุมัติแล้วก็ตาม แต่จะไม่ให้เกิดการทุจริตเกิดขึ้น ไม่ว่าทางใดก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น การเช่าที่จอดรถที่ควรให้เอกชนเป็นผู้รับภาระไปเพราะถือว่าได้เช่าไปแล้ว