ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์” กำหนดนโยบายนำเข้าอาหารสัตว์ปี 2553 แล้ว คงนโยบายเหมือนปีก่อน รอชง “พรทิวา” ไฟเขียว หลังเอกชนออกมาขู่ฟ้องศาลปกครอง เหตุทำให้วางแผนทำธุรกิจไม่ได้
นายยรรยง พวงราช รักษาการปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลวัตถุดิบอาหารสัตว์ว่า ที่ประชุมมีมติกำหนดนโยบายการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ 3 ชนิดสำหรับปี 2553 ได้แก่ กากถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปลาป่น เหมือนกับปีที่ผ่านมา โดยจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายอาหาร ที่มีนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์เป็นประธานในเร็วๆ นี้ และจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐนตรี (ครม.) ภายในเดือนต.ค.เพื่อกำหนดเป็นนโยบายการนำเข้าต่อไป
ทั้งนี้ เงื่อนไขการนำเข้ากากถั่วเหลือง จะให้นำเข้าได้โดยเสรี ไม่จำกัดปริมาณ ในอัตราภาษีนำเข้า 2% แต่มีเงื่อนไขให้ผู้นำเข้าจะต้องรับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองในประเทศในสัดส่วนเท่ากับปริมาณที่นำเข้ากากถั่วเหลือง เพื่อไม่ให้ผู้ปลูกถั่วเหลืองในประเทศได้รับผลกระทบ ส่วนผู้นำเข้าได้เพิ่มเป็น 8 สมาคม โดยเพิ่มสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ จากปีก่อนที่ให้นำเข้าได้ 7 สมาคม เช่น สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ สมาคมผู้เลี้ยงเป็ด เป็นต้น
“ที่ประชุมให้คงอัตราภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองที่ 2% เหมือนปีก่อน เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ โดยคาดว่า ปี 2553 จะนำเข้าประมาณ 2.15 ล้านตัน ซึ่งใกล้เคียงกับปีนี้ สำหรับราคากากถั่วเหลืองนำเข้าปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 15.90-16.15 บาท ขณะที่ในประเทศกิโลกรัมละ 17.30-17.40 บาท”นายยรรยงกล่าว
สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ให้นำเข้าได้ไม่จำกัดปริมาณ และให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้นำเข้า ระเวลาการนำเข้าระหว่างวันที่ 1 มี.ค.-30 มิ.ย.2553 และจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด โดยมีความชื้น 14-15% ขณะที่ปลาป่น ให้นำเข้าได้ไม่จำกัดปริมาณและระยะเวลาการนำเข้า แต่ต้องนำเข้าปลาป่นที่มีโปรตีนตั้งแต่ 60% ส่วนการนำเข้าปลาป่นจากประเทศอาเซียน
ภายใต้กรอบเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) จะไม่เสียอัตราภาษีนำเข้า จากเดิมที่ต้องเสีย 5%
ก่อนหน้านี้ เอกชนกำลังพิจารณาดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลปกครองข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กรณีที่กระทรวงพาณิชย์ในฐานะที่ดูแลและกำหนดนโยบายการนำเข้ากากถั่วเหลือง ภายใต้คณะกรรมการนโยบายอาหาร ยังไม่มีการดำเนินการจัดประชุมเพื่อกำหนดนโยบายในการนำเข้าสำหรับปี 2553 ทั้งๆ ที่ควรจะมีการดำเนินการล่วงหน้า 3 เดือนก่อนสิ้นปีเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อม ทั้งกรมการค้าต่างประเทศ และกรมศุลกากร รวมทั้งภาคเอกชนที่จะได้วางแผนการนำเข้าและการผลิตได้อย่างถูกต้อง และยังได้มีหนังสือถึงรมว.พาณิชย์ อธิบดีกรมการค้าภายใน รวมถึงนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี จำนวน 4 ฉบับ ตั้งแต่เดือนก.ค.2552 เพื่อขอให้มีการเร่งรัดประชุมคณะกรรมการนโยบายอาหารเพื่อกำหนดนโยบายการนำเข้ากากถั่วเหลืองสำหรับปี 2553 แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับแต่อย่างใด
นายยรรยง พวงราช รักษาการปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลวัตถุดิบอาหารสัตว์ว่า ที่ประชุมมีมติกำหนดนโยบายการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ 3 ชนิดสำหรับปี 2553 ได้แก่ กากถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปลาป่น เหมือนกับปีที่ผ่านมา โดยจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายอาหาร ที่มีนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์เป็นประธานในเร็วๆ นี้ และจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐนตรี (ครม.) ภายในเดือนต.ค.เพื่อกำหนดเป็นนโยบายการนำเข้าต่อไป
ทั้งนี้ เงื่อนไขการนำเข้ากากถั่วเหลือง จะให้นำเข้าได้โดยเสรี ไม่จำกัดปริมาณ ในอัตราภาษีนำเข้า 2% แต่มีเงื่อนไขให้ผู้นำเข้าจะต้องรับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองในประเทศในสัดส่วนเท่ากับปริมาณที่นำเข้ากากถั่วเหลือง เพื่อไม่ให้ผู้ปลูกถั่วเหลืองในประเทศได้รับผลกระทบ ส่วนผู้นำเข้าได้เพิ่มเป็น 8 สมาคม โดยเพิ่มสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ จากปีก่อนที่ให้นำเข้าได้ 7 สมาคม เช่น สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ สมาคมผู้เลี้ยงเป็ด เป็นต้น
“ที่ประชุมให้คงอัตราภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองที่ 2% เหมือนปีก่อน เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ โดยคาดว่า ปี 2553 จะนำเข้าประมาณ 2.15 ล้านตัน ซึ่งใกล้เคียงกับปีนี้ สำหรับราคากากถั่วเหลืองนำเข้าปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 15.90-16.15 บาท ขณะที่ในประเทศกิโลกรัมละ 17.30-17.40 บาท”นายยรรยงกล่าว
สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ให้นำเข้าได้ไม่จำกัดปริมาณ และให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้นำเข้า ระเวลาการนำเข้าระหว่างวันที่ 1 มี.ค.-30 มิ.ย.2553 และจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด โดยมีความชื้น 14-15% ขณะที่ปลาป่น ให้นำเข้าได้ไม่จำกัดปริมาณและระยะเวลาการนำเข้า แต่ต้องนำเข้าปลาป่นที่มีโปรตีนตั้งแต่ 60% ส่วนการนำเข้าปลาป่นจากประเทศอาเซียน
ภายใต้กรอบเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) จะไม่เสียอัตราภาษีนำเข้า จากเดิมที่ต้องเสีย 5%
ก่อนหน้านี้ เอกชนกำลังพิจารณาดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลปกครองข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กรณีที่กระทรวงพาณิชย์ในฐานะที่ดูแลและกำหนดนโยบายการนำเข้ากากถั่วเหลือง ภายใต้คณะกรรมการนโยบายอาหาร ยังไม่มีการดำเนินการจัดประชุมเพื่อกำหนดนโยบายในการนำเข้าสำหรับปี 2553 ทั้งๆ ที่ควรจะมีการดำเนินการล่วงหน้า 3 เดือนก่อนสิ้นปีเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อม ทั้งกรมการค้าต่างประเทศ และกรมศุลกากร รวมทั้งภาคเอกชนที่จะได้วางแผนการนำเข้าและการผลิตได้อย่างถูกต้อง และยังได้มีหนังสือถึงรมว.พาณิชย์ อธิบดีกรมการค้าภายใน รวมถึงนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี จำนวน 4 ฉบับ ตั้งแต่เดือนก.ค.2552 เพื่อขอให้มีการเร่งรัดประชุมคณะกรรมการนโยบายอาหารเพื่อกำหนดนโยบายการนำเข้ากากถั่วเหลืองสำหรับปี 2553 แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับแต่อย่างใด