ASTVผู้จัดการรายวัน- บอร์ดแอล.พี.เอ็น.ฯอนุมัติเพิ่มทุน “พรสันติ” 350-500 ล้านบาทจากเดิม 200ล้านบาท ปูทางรุกตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบรองรับกลุ่มลูกค้าห้องชุดขยายครอบครับในอนาคต พร้อมลุยลงทุนซื้อที่ดินพัฒนาโครงการปี53 รองรับความเสี่ยงด้านธุรกิจ หลังฟอร์มทีมทดสอบสนามที่ดินไม่ได้ใช้ประโยชน์จากโครงการคอนโดมิเนียมบริษัทแม่
นายโอภาส ศรีพยัฆค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวทางธุรกิจของ และเป็นการกระจายความเสี่ยงด้านธุรกิจในขณะเดียวกัน บริษัทจึงเตรียมแผนการขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเซ็กต์เมนต์อื่นๆ นอกเหนือจากการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมเพียงอย่างเดียว
โดยคณะกรรมการบริหารบริษัท แอล.พี.เอ็นฯมีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท พรสันติ จำกัด จากเดิม 200ล้านบาทเป็น350-500 ล้านบาท สำหรับบริษัทพรสันติ เป็นบริษัทลูกของ แอล.พี.เอ็น.ฯ โดย แอล.พี.เอ็น.ฯถือหุ้นทั้ง100% ซึ่งก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี2533 ด้วยทุน ซึ่งเดิมทำหน้าที่บริษัทที่เป็นหัวหอกหลักในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ป้อนเข้าสู่ตลาด
อย่างไรก็ตามหลังจากที่บริษัทดังกล่าวผ่านประสบการณ์ การบ่มเพาะมาช่วงหนึ่งแล้วประกอบในปัจจุบันการปรับตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์มีความรวดเร็วมากกว่าในอดีตทำให้ แอล.พี.เอ็น.ฯ เตรียมพร้อมในการลดความเสี่ยงและรองการรับขยายตัวทางธุรกิจของบริษัท ทำให้มีแผนจะนำบริษัทดังกล่าวมาเป็นส่วนหนึ่งในการขยายงาน และการลงทุนในภาคธุรกิจอสังหาอื่นๆ นอกเหนือจากคอนโดมิเนียม โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทดังกล่าวดำเนินการในรูปแบบการพัฒนาโครงการประเภทที่อยู่อาศัยทุกรูปยกเว้นคอนโดมิเนียม
“ในช่วงก่อนหน้านั้น บริษัทพรสันติ จะเข้ามาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภท ทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์ และโครงการประเภท ออฟฟิศเช่าต่างๆ ในพื้นที่ด้านข้างโครงการคอนโดมิเนียมของ แอล.พี.เอ็น.ฯซึ่งการพัฒนาโดยมาจากจะพัฒนาบนที่ดินที่เหลือจากการพัฒนาคอนโดฯ และไม่ได้ใช้ประโยชน์ จำนวนยูนิตที่พัฒนาก็ไม่มาก แต่จะพัฒนาในรูปแบบการศึกษาและเพิ่มประสบการณ์ในการก่อสร้างด้านที่อยู่อาศัยประเภทอื่นๆ ในขณะเดียวกันก็เป็นการค้นหาตัวเองด้วยว่าเหมาะสมกับกลุ่มที่อยู่อาศัยในตลาดใด รวมถึงเป็นการเตรียมทีมงานไปด้วยในตัว”
นายโอภาสกล่าวว่าต่อ แนวโน้มการขยายตัวของตลาดอสังหาฯในอนาคต นั้นผู้บริโภคอาจมีความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปได้ โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มลูกค้าเดิมที่ซื้อห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียม และต้องการที่อยู่อาศัยทีมีพื้นที่ใหญ่ขึ้น จากการขยายครอบครัว ซึ่งกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ถือเป็นฐานลูกค้าเดิมของบริษัทอยู่แล้ว ซึ่งในอนาคตกลุ่มลูกค้าดังกล่าวจะมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นและมีขนาดใหญ่มาก ซึ่งถือว่าเป็นตลาดสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทลูกดังกล่าวดำเนินการพัฒนาโครงการบนที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ของบริษัทมาโดยตลอด แต่หลังจากที่ได้มีการเพิ่มทุนและมีนโยบายให้ขยายการลงทุนจากบริษัทแม่แล้ว ทำให้ในปีหน้าบริษัทพรสันติ จะเริ่มซื้อที่ดินเข้ามาพัฒนาโครงการของตัวเอง หรืออาจจะร่วมกับบริษัทแม่ในการซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการควบคู่กันไปในพื้นที่โครงการเดียวกัน ซึ่งจะทำให้สามรถรองรับความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมมากขึ้น
“คาดว่าจากนี้ไปอีก 4-5 ปีบทบาทในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทอื่นๆ ที่นอกเหนือจากคอนโดมิเนียมของบริษัท แอล.พี.เอ็น.ฯแล้ว พรสันติ จะเป้ฯอีกบริษัทหนึ่งที่มีบทบาทชัดเจนและเน้นการขยายการพัฒนาโครงการประเภทที่อยู่อาศัยที่ชัดเจน”
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน พรสันติ มีโครงการอยู่ระหว่างการพัฒนาทั้งสิ้น 3 โครงการ โดยทุกโครงการเป็นการพัฒนาบนที่ดินส่วนเกิน และไม่ได้ใช้ประโยชน์ในโครงการพัฒนาคอนโดฯของแอล.พี.เอ็น. ประกอบด้วยโครงการออฟฟิศเช่า 6ชั้นในโครงการลุมพินี เพลส ปิ่นเกล้า 2 โครงการ อาคารพาณิชย์ 4 ยูนิตในที่ดินของโครงการคอนโดทาวน์ รามอินทราหลัก4 และโครงการทาวน์เฮาส์ซึ่งเป็นที่ดินในโครงการลุมพินี เพลส ศูนย์วัฒนธรรม 5ยูนิต
นายโอภาส ศรีพยัฆค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวทางธุรกิจของ และเป็นการกระจายความเสี่ยงด้านธุรกิจในขณะเดียวกัน บริษัทจึงเตรียมแผนการขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเซ็กต์เมนต์อื่นๆ นอกเหนือจากการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมเพียงอย่างเดียว
โดยคณะกรรมการบริหารบริษัท แอล.พี.เอ็นฯมีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท พรสันติ จำกัด จากเดิม 200ล้านบาทเป็น350-500 ล้านบาท สำหรับบริษัทพรสันติ เป็นบริษัทลูกของ แอล.พี.เอ็น.ฯ โดย แอล.พี.เอ็น.ฯถือหุ้นทั้ง100% ซึ่งก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี2533 ด้วยทุน ซึ่งเดิมทำหน้าที่บริษัทที่เป็นหัวหอกหลักในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ป้อนเข้าสู่ตลาด
อย่างไรก็ตามหลังจากที่บริษัทดังกล่าวผ่านประสบการณ์ การบ่มเพาะมาช่วงหนึ่งแล้วประกอบในปัจจุบันการปรับตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์มีความรวดเร็วมากกว่าในอดีตทำให้ แอล.พี.เอ็น.ฯ เตรียมพร้อมในการลดความเสี่ยงและรองการรับขยายตัวทางธุรกิจของบริษัท ทำให้มีแผนจะนำบริษัทดังกล่าวมาเป็นส่วนหนึ่งในการขยายงาน และการลงทุนในภาคธุรกิจอสังหาอื่นๆ นอกเหนือจากคอนโดมิเนียม โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทดังกล่าวดำเนินการในรูปแบบการพัฒนาโครงการประเภทที่อยู่อาศัยทุกรูปยกเว้นคอนโดมิเนียม
“ในช่วงก่อนหน้านั้น บริษัทพรสันติ จะเข้ามาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภท ทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์ และโครงการประเภท ออฟฟิศเช่าต่างๆ ในพื้นที่ด้านข้างโครงการคอนโดมิเนียมของ แอล.พี.เอ็น.ฯซึ่งการพัฒนาโดยมาจากจะพัฒนาบนที่ดินที่เหลือจากการพัฒนาคอนโดฯ และไม่ได้ใช้ประโยชน์ จำนวนยูนิตที่พัฒนาก็ไม่มาก แต่จะพัฒนาในรูปแบบการศึกษาและเพิ่มประสบการณ์ในการก่อสร้างด้านที่อยู่อาศัยประเภทอื่นๆ ในขณะเดียวกันก็เป็นการค้นหาตัวเองด้วยว่าเหมาะสมกับกลุ่มที่อยู่อาศัยในตลาดใด รวมถึงเป็นการเตรียมทีมงานไปด้วยในตัว”
นายโอภาสกล่าวว่าต่อ แนวโน้มการขยายตัวของตลาดอสังหาฯในอนาคต นั้นผู้บริโภคอาจมีความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปได้ โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มลูกค้าเดิมที่ซื้อห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียม และต้องการที่อยู่อาศัยทีมีพื้นที่ใหญ่ขึ้น จากการขยายครอบครัว ซึ่งกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ถือเป็นฐานลูกค้าเดิมของบริษัทอยู่แล้ว ซึ่งในอนาคตกลุ่มลูกค้าดังกล่าวจะมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นและมีขนาดใหญ่มาก ซึ่งถือว่าเป็นตลาดสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทลูกดังกล่าวดำเนินการพัฒนาโครงการบนที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ของบริษัทมาโดยตลอด แต่หลังจากที่ได้มีการเพิ่มทุนและมีนโยบายให้ขยายการลงทุนจากบริษัทแม่แล้ว ทำให้ในปีหน้าบริษัทพรสันติ จะเริ่มซื้อที่ดินเข้ามาพัฒนาโครงการของตัวเอง หรืออาจจะร่วมกับบริษัทแม่ในการซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการควบคู่กันไปในพื้นที่โครงการเดียวกัน ซึ่งจะทำให้สามรถรองรับความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมมากขึ้น
“คาดว่าจากนี้ไปอีก 4-5 ปีบทบาทในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทอื่นๆ ที่นอกเหนือจากคอนโดมิเนียมของบริษัท แอล.พี.เอ็น.ฯแล้ว พรสันติ จะเป้ฯอีกบริษัทหนึ่งที่มีบทบาทชัดเจนและเน้นการขยายการพัฒนาโครงการประเภทที่อยู่อาศัยที่ชัดเจน”
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน พรสันติ มีโครงการอยู่ระหว่างการพัฒนาทั้งสิ้น 3 โครงการ โดยทุกโครงการเป็นการพัฒนาบนที่ดินส่วนเกิน และไม่ได้ใช้ประโยชน์ในโครงการพัฒนาคอนโดฯของแอล.พี.เอ็น. ประกอบด้วยโครงการออฟฟิศเช่า 6ชั้นในโครงการลุมพินี เพลส ปิ่นเกล้า 2 โครงการ อาคารพาณิชย์ 4 ยูนิตในที่ดินของโครงการคอนโดทาวน์ รามอินทราหลัก4 และโครงการทาวน์เฮาส์ซึ่งเป็นที่ดินในโครงการลุมพินี เพลส ศูนย์วัฒนธรรม 5ยูนิต