xs
xsm
sm
md
lg

6 ชีวิตหนีตายข้ามจังหวัดถูกนายทุนใหญ่แย่งที่ ส.ป.ก.4-01 - ใช้แบ็คโฮขยี้บ้านพังยับ ร้อง DSI เงียบฉี่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครศรีธรรมราช - พ่อแม่ลูกรวม 6 ชีวิตหนีตายหัวซุกหัวซุนจากจังหวัดชุมพรมาลี้ภัยที่ จ.นครศรีธรรมราช หลังถูกนายทุนอิทธิพลตามราวีแย่งที่ นำกำลังคนติดอาวุธพร้อมรถแบ็คโฮไถบดขยี้บ้านพร้อมทรัพย์ยับทั้งหลัง สวนปาล์มอีก 18 ไร่ราบเรียบ เสียหายหลานล้านบาท เข้าแจ้งความร้องดีเอสไอ.เรื่องยังเงียบ แฉนายทุนตระกูลดังมีนักการเมืองระดับชาติหนุนหลัง

วันนี้(25 ส.ค.) ที่ชมรมนักข่าวจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีนายชัยพัฒน์ หรือเอก อริยะวงศ์ไพบูลย์ อายุ 45 ปี และนางวัลภา หรืออ้อ พัฒนสม อายุ 31 ปี ภูมิลำเนาเดิมอยู่เลขที่ 124/1 หมู่ 5 ต. ทรัพย์อนนต์ (สลุย) อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแสงตะวัน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยบุตรชายอายุ 2 ขวบ และบุตรสาวอายุ 4 เดือน เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือกรณีถูกนายทุนอิทธิพลคุกคาม ข่มขู่ฆ่าและใช้รถแม็กโฮบุกไถดันสวนปาล์มจำนวน 18 ไร่ บ้านพร้อมทรัพย์สินในบ้านถูกรถแม็กโฮไถดันจนพังราบเรียบเสียหายย่อยยับมูลค่าหลายล้านบาท จนต้องหอบหิ้วลูก 3 คนพร้อมแม่รวม 6 ชีวิตหนีตายมาเช่าบานอยู่ที่หมู่บ้านแสงตะวันลากูน่า ต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

นายชัยพัฒน์ เปิดเผยว่า แต่งงานอยู่กินกับนางวัลภา จนมีบุตรด้วยกัน 3 คนวัย 4 ขวบ 2 ขวบ และ 4 เดือน โดยปลูกบ้านอยู่บนที่ดินของนางปาลิตา เจริญจริง แม่ของนางวัลภา ริมถนนเพชรเกษม บริเวณตลาดอ่างทอง ซึ่งเดิมเป็นที่ดินที่ป่าสงวนแห่งชาติหนองน้ำเขียว ซึ่งทางราชการได้แจก สปก.4-01 ให้นางปาลิตา แม่ของนางวัลภา ตามเอกสาร สปก.แปลงที่ 1 เลขที่ 712/1 ,712/2 และ 712/3 เนื้อที่รวม 18 ไร่ ซึ่งได้ปลูกปาล์มเต็มพื้นที่ 18 ไร่ อาศัยอยู่รวม 6 ชีวิตประกอบด้วย ตนและนางวัลภา ภรรยาพร้อมลูก ๆ 3 คน รวมทั้งนางปาลิตา แม่ของนางวัลภา ด้วย

ต่อมาพื้นที่ดังกล่าวเจริญมีชุมชนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นตลาดอ่างทอง ซึ่งเป็นทำเลทองริมถนนเพชรเกษม (เอเชีย 41) ได้มีนายทุนอิทธิพลในพื้นที่มาติดต่อซื้อที่ดินในราคา 2 ล้านบาท แต่นางปาลิตา ไม่ยอมขาย นายทุนคนเดิมพยายามตามรบเร้าขอซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว โดยเสนอราคาสูงถึง 5 ล้านบาท แต่นางปาลิตา ไม่ยอมขายเพราะตามกฎหมายที่ดิน สปก.4-01 ที่ได้รับแจกทางรัฐบาลนั้นห้ามไม่ให้มีการซื้อขายแต่ตกทอดเป็นมรดกให้ลูกหลานทำมาหากินได้

นายทุนได้ประกาศว่าหากไม่ยอมขายที่ดินแปลงดังกล่าว เขาจะทำทุกอย่างทั้งทางกฎหมายและนอกกฎหมายไม่ให้ครอบครัวของนางปาลิตา อาศัยอยู่ในพื้นที่ได้ หลังจากนั้นนายทุนได้ดำเนินการทุกวิถีทางทั้งข่มขู่ปองร้ายต่าง ๆ นาๆ จนในที่สุดเมื่อเร็วๆนี้นายทุนมาอ้างว่าที่ดินแปลงดังกล่าวมีเอกสารสิทธิ์ น.ส. 3 ก.หน้าที่ 27 เลขที่ 134 ระบุชื่อเจ้าของที่ดินคือนางเพียร จุลรักษ์ เนื้อที่รวม 25 ไร่ โดยนายทุนอ้างว่าได้ซื้อที่ดินจากนางเพียร เรียบร้อยแล้ว จึงขอให้ครอบครัวของตนย้ายออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด

อ้างว่าครอบครัวของตนบุกรุกที่ดินของเขา ตนและครอบครัวยืนยันว่าจะไม่ย้ายหนีไปไหน เพราะนางปาลิตา ได้ครอบครองทำกินและอาศัยอยู่ในที่ดินแปลงดังกล่าวมานานเกือบ 30 ปี ที่สำคัญเป็นที่ดินที่รัฐดำเนินการตามนโยบายปฏิรูปที่ดินทำกินเพื่อเกษตรกรรม หรือ สปก.4-01 และรัฐบาลแจกให้นางปาลิตา ดังนั้น น.ส.3 ก.ที่นายทุนเอามาอ้างนั้นเชื่อว่าเป็นการปลอมแปลงหรือออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เมื่อครอบครัวของตนยืนยันไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่ นายทุน ถึงกับประกาศขู่ฆ่าให้ตายยกครอบครัว 6 ชีวิต

ต่อมาในคืนวันที่ 21 ส.ค. ที่ผ่านมาเวลาประมาณ 21.30 น. กลุ่มนายทุนได้ยกพวกมีอาวุธปืนสงครามครบมือนำรถแบ๊คโฮบุกเข้ามาไถดันพื้นที่สวนปาล์มจนราบเรียบและยังไถดันบ้านจนพังเสียหายยับเยิน ซึ่งนายทุนมีเจตนาจะใช้รถแบ๊คโฮไถดันพังบ้านและฝังครอบครัวของตนทั้ง 6 ชีวิต โชคดีที่ตนและนำลูกเมียพร้อมนางปาลิตา หลบหนีออกจากบ้านได้ทัน และพากันหลบหนีหัวซุกหัวซุนออกจากพื้นที่ก่อนจะตัดสินใจมาเช่าบ้านในหมู่บ้านแสงตะวันลากูน่า อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยไม่เหลือทรัพย์สินใดๆ เลย ทั้งบ้าน ทรัพย์สินภายในบ้านและสวนปาล์มถูกนายทุนใช้รถแม็กโฮไถดันทำลายเสียหายทั้งหมด รวมมูลค่าหลายล้านบาท และหากครอบครัวของตนอยู่ในบ้านในคืนดังกล่าวคงตายหมู่ยกครอบครับไปแล้ว” นายชัยพัฒน์กล่าว

ทางด้านนางวัลภา พัฒนสม ภรรยาของนายชัยพัฒน์ กล่าวว่า ตนได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าแซะ จ.ชุมพร แต่ดูเหมือนตำรวจเขาไม่สนใจใยดีในการดำเนินการเอาผิดกับนายทุน เนื่องจากนายทุนกลุ่มนี้มีอิทธิพลในพื้นที่ภาคใต้หลายจังหวัด อีกทั้งยังมีนักการเมืองระดับชาติและระดับท้องถิ่นหนุนหลังอยู่ นอกจากนี้นางปาลิตา ได้ตัดสินใจเดินทางเข้าร้องเรียนกับกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอ. และทางดีเอสไอ.ได้ทำหนังสือที่ ยธ. เลขที่ 1800/232 แจ้งว่าเรื่องที่นางปาสลิตา ร้องเรียนอยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอน หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป

“ตนและครอบครัวคิดไม่ถึงว่าในยุคนี้จะมีอิทธิพลใหญ่คับฟ้าถึงเพียงนี้ คุกคามข่มขู่ขับไล่เพื่อแย่งที่ดินเอาดื้อๆ พฤติกรรมต่างๆ เหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป เจ้าหน้าที่บ้านเมืองทุกระดับทั้งจังหวัดชุมพรทราบเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี และในขณะนี้นายทุนอิทธิพลดังกล่าวระดมเครื่องจักรกล พร้อมกำลังคนเข้าไปยึดครองและไถปรับพื้นที่อย่างเปิดเผย โดยไม่มีใครกล้าขัดขวาง

ตนจึงต้องหันมาพึ่งสื่อมวลชนในจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้ช่วยเหลือโดยขอเรียกร้องไปยังรัฐมนตรีในกระทรวงที่เกี่ยวข้องรวมทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือรอบครัวของผมด้วย อย่างน้อยที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดิน ส.ป.ก.ที่ได้รับแจกรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เมื่อกว่า 10 ปีก่อน หากรัฐบาลแจกเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก.4-01 ให้ประชาชนได้อาศัยทำกิน แต่วันดีคืนดีกลับมีนายทุนนำเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก. มาอ้างเป็นเจ้าของที่ดินพร้อมใช้อิทธิพลเถื่อนขับไล่ประชาชนเช่นนี้บ้านเมืองมีรัฐบาลมีกฎหมายไว้เพื่ออะไร
“นางวัลภา กล่าว

กำลังโหลดความคิดเห็น