xs
xsm
sm
md
lg

เรือนหอก็ไม่เสร็จ แถมต้องแบกภาระหนี้ต่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดร.ปัณณ์ อนันอภิบุตร
บ้านคือหนึ่งในปัจจัยสี่ ในการดำรงชีวิตของมนุษย์ เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มนุษย์ ขาดไม่ได้เลย และการจะมีบ้านหรือที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองได้แต่ละหลัง ในชีวิตของคนเรานั้นต้องใช้ระยะเวลาสะสมเงินทองนานกว่าครึ่งชีวิต เพื่อจะซื้อหรือสร้างบ้านเป็นของตนเอง บางคนยอมเป็นหนี้เกือบทั้งชีวิตเพื่อให้มีบ้าน
 
แต่กลับมีคนกลุ่มหนึ่งที่พยายามหากินบนความเหนื่อยยากของผู้บริสุทธิ์! ฉกฉวยเอาทรัพย์สิน เงินทองของคนที่ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินโดยสุจริตมาค่อนชีวิต แบบชนิดที่ไม่มีจิตสำนึก ไม่รู้สึกหรือสะทกสะท้านต่อความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับเหยื่อที่ตนเองฉกฉวยเอาทรัพย์สินเงินทอง แต่คนกลุ่มนี้ กลับยังลอยนวล และใช้ชีวิตอยู่ในสังคมแบบสุขสบาย

เคสของนายศิวัช ภูธนแสงทอง เจ้าของบริษัท ภูธนแสงทอง จำกัด และยังมีอำนาจอยู่ในหลายบริษัทในเครือ เป็นกรณีที่น่าศึกษา เหตุใด “ โจรใส่สูท ” ที่หลอกเหยื่อลูกค้ามาสร้างบ้านกับบริษัทในเครือ ยังลอยนวลอยู่!

แต่สำหรับเหยื่อกว่า 33 ชีวิต ที่ตั้งโต๊ะแถลงข่าวแฉพฤติกรรมของภูธนแสงทอง แม้จะสามารถ”กระชาก”หน้ากากโจร ให้สังคมได้รับรู้ แต่เมื่อหันหลังมา”บ้าน” ซึ่งหวังจะเป็นวิมานในชีวิต กลับยังทุกข์ทรมานต่อ!

“ ดร.ปัณณ์ อนันอภิบุตร” หนึ่งในเครือข่ายผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการตกเหยื่อรับสร้างบ้านกับบริษัทในเครือภูธนแสงทอง ได้ถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเสียใจและไม่เคยคิดมาก่อนว่า จะมาพบกับปัญหานี้กับตัวเอง เพราะที่ผ่านมาตั้งใจเก็บเงินเก็บทองที่หาได้จากการทำงานโดยสุจริต และตั้งใจว่าจะสร้างบ้านซักหลังไว้เป็นเรือนหอในวันแต่งงาน หลังจากที่คบหาดูใจกับแฟนมากว่า 5ปี

เดิมทีไม่คิดจะสร้างบ้าน แต่จะซื้อทาวน์โฮมเพื่อใช้เป็นเรือนหอ แต่ได้ปรึกษากับแม่แฟน ก็อยากให้มีบ้านเดี่ยว เพื่อมีพื้นที่ให้หลานๆได้วิ่งเล่น มีห้องไว้รองรับเด็กๆเมื่อโตขึ้น ดังนั้น แม่ของแฟนจึงให้ที่ดินมา 1 แปลงเพื่อปลูกบ้านเป็นเรือนหอ ซึ่งในช่วงแรกก่อนตัดสินใจใช้บริการสร้างบ้านกับบริษัทดังกล่าว(ในเครือภูธนแสงทอง) แม้จะได้ศึกษาและเก็บข้อมูลบริษัทสร้างบ้านหลายๆ ราย จนกระทั่งต้องมาเจอกับบริษัท ภูธนแสงทอง ซึ่งสาเหตุที่ตัดสินใจใช้บริการบริษัทนี้ เพราะแบบบ้านถูกใจและได้รับส่วนลดสูง

“ ที่สำคัญคือ นาย ศิวัช ภูธนแสงทอง เจ้าของบริษัท ถือว่าเป็นบุคคลที่โน้มน้าวจิตใจคนเก่งมาก ทำให้ตกลงสร้างบ้านกับบริษัทนี้ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา คือ ความช้ำใจที่ถูกหลอกให้ทำ สัญญาสร้างบ้านและต้องจ่ายเงินไปจำนวนมาก แต่ความคืบหน้าในการก่อสร้างกลับไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ เท่านั้นไม่พอ ยังมีการขอเบิกเงินล่วงหน้าโดยอ้างเหตุผลสารพัด เพื่อให้เราต้องจ่ายเงินเพิ่ม และสุดท้ายก็ไม่ยอมก่อสร้างต่อ ทำให้ต้องติดตามเร่งงานโดยตลอด ซึ่งในที่สุดเมื่อความคืบหน้าในการก่อสร้างไม่เกิด เราจึงจำเป็นต้องบอกเลิกสัญญา โดยที่เราไม่สามารถเรียกร้องอะไรคืนได้เลย” ดร.ปัณณ์ กล่าวถึงเล่ห์เหลี่ยมของนายศิวัช และว่า

เสียใจมาก เชื่อว่าเรื่องของบ้านนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสิ่งหนึ่งในชีวิต การตัดสินใจผิดครั้งนี้ถือว่าเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ เรื่องอย่างนี้หากเป็นไปได้ ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครอีก เพราะเป็นเรื่องที่เจ็บปวดสำหรับคนที่มีความฝันว่า ซักวันจะมีบ้านเป็นของตนเอง และเมื่อเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นไม่ใช่เพียงแค่เราเท่านั้นที่เสียใจ แต่ทุกคนที่เป็นญาติ เป็นแฟนและครอบครับของเรา ต่างก็เสียใจทุกคน

“อยากรู้จริงๆว่าหัวใจเค้า(ศิวัช) ทำด้วยอะไร ทำไมจึงเหี้ยมอย่างนี้ ทำกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้ลงคอ ทั้งๆ ที่รู้ว่า บ้านคือสิ่งสำคัญของชีวิตครอบครับ ศิวัชคุณมีหัวใจของคนมัย นอกจากนี้ ในวันบอกเลิกสัญญาเอง นายศิวัช บอกกับผมว่า เค้ากลัวเรื่องบาปกรรมเหมือนกัน แต่จริงๆ ผมรู้ว่าเค้าไม่ได้รู้สึกอย่างที่พูด เพราะถ้าเค้ารู้สึกอย่างที่พูด เค้าจะไม่ไปทำกับคนอื่นให้เดือดร้อน ”

ดร.ปัณณ์ กล่าวถึงผลเสียจากการใช้บริการรับสร้างกับบริษัทฉ้อโกงว่า หลังจากที่ตัดสินใจบอกเลิกสัญญาก่อสร้างบ้านกับบริษัท ภูธนแสงทองฯไป วันนี้ ผมยังคงเจอปัญหาและภาระจากการก่อสร้างบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการหาเงินมาชำระค่างวดเงินกู้กับสถาบันการเงิน ภาระที่ต้องหาเงินก้อนใหม่มารื้อโครงสร้างบ้านเดิม เพราะการก่อสร้างทั้งหมดไม่ได้คุณภาพ รวมถึงต้องหาเงินมาก่อสร้างบ้านต่อด้วย

วันนี้ผมน่าจะได้แต่งงานและมีเรือนหอแล้ว แต่ผลจากการประกอบอาชีพแบบทำมาหากินบนความเดือดร้อนของคนอื่นของบริษัทภูธนแสงทอง ทำให้ผมยังไม่ได้แต่งงาน ยังไม่แม้กระทั่งเรือนหอหรือบ้าน แถมยังมีภาระอีกมากแถมมาด้วย วันนี้ จึงอยากฝากถึงคนที่ทำอาชีพแบบนี้ให้รู้ว่า ความเสียใจของคนถูกทำลายความฝันนั้นเจ็บปวดแค่ไหน
กำลังโหลดความคิดเห็น