ชาววังกระทะ ปากช่อง ยกพลร้องดีเอสไอ ตรวจสอบที่ ส.ป.ก.4-01 ที่ถูกสวมสิทธิ์ นำชื่อของบุคคลภายนอกไปใส่ ขณะที่ชาวบ้านซึ่งทำกินมาช่วงลูกชั่วหลานจนเป็นมรดกตกทอดกลับไม่มีชื่อ ซ้ำยังมีการขายต่อให้บุคคลอื่น เชื่อ เจ้าหน้าที่ทุจริต ขอให้ดีเอสไอลุยสอบ
วันนี้ (20 ส.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น.นายพรศิวะ ธนโชตกิตติพงษ์ ตัวแทนพร้อมกลุ่มชาวบ้านเกษตรกรจากตำบลวังกระทะ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เดินทางมาร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมเกี่ยวกับเอกสารสิทธิในที่ดินทำกินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร หรือ ส.ป.ก.4-01
นายพรศิวะ เปิดเผยว่า ที่ดินทำกินดั้งเดิมส่วนนี้ ได้รับการตกทอดมาจากบิดา มารดา ที่ได้ทำการบุกเบิกทำประโยชน์และทิ้งไว้ให้ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2537 รัฐบาลได้ประกาศให้เขตพื้นที่เป็นเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร หรือ ส.ป.ก.4-01 จนต่อมาทางเจ้าหน้าที่รัฐได้เข้ามาทำการจัดสรรที่ดิน แต่ไม่ได้แจ้งให้ชาวบ้านได้รับทราบ ซึ่งต่อมาทางกลุ่มชาวบ้านเกษตรกรก็ได้พากันไปขอออกเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก.4-01 ซึ่งทางกลุ่มชาวบ้านมีสิทธิ์โดยตรงในการขอเอกสารสิทธิ์ โดยทางกลุ่มได้ทำหนังสือและเดินทางเพื่อตามเรื่องต่อสำนักงานตั้งแต่เมื่อปี 2537 จนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่เคยให้ความร่วมมือแต่อย่างใด
นายพรศิวะ กล่าวต่อว่า จากการที่ทางกลุ่มมีความพยายามที่จะขอเอกสารสิทธิ์ แต่กลับถูกข่มขู่จากทางเจ้าหน้าที่ ฝ่ายกฎหมาย ของสำนักงานเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร หรือ ส.ป.ก.4-01 และได้บอกว่าที่ดินดังกล่าว ไม่ใช่ที่ดินของทางกลุ่มเรา ต่อมาทางกลุ่มของเราจึงได้ไปทำการตรวจสอบในฐานข้อมูลราชาวดี ซึ่งจะมีรายชื่อของบุคคลที่ระบุว่าใครมีสิทธิ์ครอบครองพื้นที่นั้น ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ พบว่า มีการนำชื่อบุคคลอื่นเข้าไปใส่ไว้ในแปลงที่ดินของทางกลุ่มเรา อีกทั้งยังพบอีกว่า รายชื่อของบุลคลส่วนใหญ่จะเป็นรายชื่อของคนในกรุงเทพมหานคร จนเมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ทางฝ่ายปฏิรูปที่ดินได้สั่งมอบหมายให้ทางเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบรังวัดตำแหน่งที่ดิน พร้อมกับสอบถามทั้งผู้ใหญ่บ้านและกำนันก็ได้ข้อมูลว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของทางกลุ่มเกษตรกรของเรา และได้รายงานไปถึงหัวหน้าฝ่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อพิจารณาหาข้อสรุป
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มยังได้พบว่า มีเจ้าหน้าที่มีการทำธุรกรรมในที่ดินดังกล่าว ทางกลุ่มจึงได้ทำหนังสือคัดสำเนาตรวจสอบแฟ้มรายชื่อที่ทับซ้อนในที่ดิน พบว่า ถูกบุคคลที่เอารายชื่อมาใส่ไว้ในแปลงได้ทำการซื้อขายต่อไปยังบุคคลอื่น ทางกลุ่มจึงได้มาร้องเรียนกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้ช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยความเป็นธรรม
วันนี้ (20 ส.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น.นายพรศิวะ ธนโชตกิตติพงษ์ ตัวแทนพร้อมกลุ่มชาวบ้านเกษตรกรจากตำบลวังกระทะ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เดินทางมาร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมเกี่ยวกับเอกสารสิทธิในที่ดินทำกินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร หรือ ส.ป.ก.4-01
นายพรศิวะ เปิดเผยว่า ที่ดินทำกินดั้งเดิมส่วนนี้ ได้รับการตกทอดมาจากบิดา มารดา ที่ได้ทำการบุกเบิกทำประโยชน์และทิ้งไว้ให้ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2537 รัฐบาลได้ประกาศให้เขตพื้นที่เป็นเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร หรือ ส.ป.ก.4-01 จนต่อมาทางเจ้าหน้าที่รัฐได้เข้ามาทำการจัดสรรที่ดิน แต่ไม่ได้แจ้งให้ชาวบ้านได้รับทราบ ซึ่งต่อมาทางกลุ่มชาวบ้านเกษตรกรก็ได้พากันไปขอออกเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก.4-01 ซึ่งทางกลุ่มชาวบ้านมีสิทธิ์โดยตรงในการขอเอกสารสิทธิ์ โดยทางกลุ่มได้ทำหนังสือและเดินทางเพื่อตามเรื่องต่อสำนักงานตั้งแต่เมื่อปี 2537 จนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่เคยให้ความร่วมมือแต่อย่างใด
นายพรศิวะ กล่าวต่อว่า จากการที่ทางกลุ่มมีความพยายามที่จะขอเอกสารสิทธิ์ แต่กลับถูกข่มขู่จากทางเจ้าหน้าที่ ฝ่ายกฎหมาย ของสำนักงานเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร หรือ ส.ป.ก.4-01 และได้บอกว่าที่ดินดังกล่าว ไม่ใช่ที่ดินของทางกลุ่มเรา ต่อมาทางกลุ่มของเราจึงได้ไปทำการตรวจสอบในฐานข้อมูลราชาวดี ซึ่งจะมีรายชื่อของบุคคลที่ระบุว่าใครมีสิทธิ์ครอบครองพื้นที่นั้น ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ พบว่า มีการนำชื่อบุคคลอื่นเข้าไปใส่ไว้ในแปลงที่ดินของทางกลุ่มเรา อีกทั้งยังพบอีกว่า รายชื่อของบุลคลส่วนใหญ่จะเป็นรายชื่อของคนในกรุงเทพมหานคร จนเมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ทางฝ่ายปฏิรูปที่ดินได้สั่งมอบหมายให้ทางเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบรังวัดตำแหน่งที่ดิน พร้อมกับสอบถามทั้งผู้ใหญ่บ้านและกำนันก็ได้ข้อมูลว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของทางกลุ่มเกษตรกรของเรา และได้รายงานไปถึงหัวหน้าฝ่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อพิจารณาหาข้อสรุป
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มยังได้พบว่า มีเจ้าหน้าที่มีการทำธุรกรรมในที่ดินดังกล่าว ทางกลุ่มจึงได้ทำหนังสือคัดสำเนาตรวจสอบแฟ้มรายชื่อที่ทับซ้อนในที่ดิน พบว่า ถูกบุคคลที่เอารายชื่อมาใส่ไว้ในแปลงได้ทำการซื้อขายต่อไปยังบุคคลอื่น ทางกลุ่มจึงได้มาร้องเรียนกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้ช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยความเป็นธรรม