xs
xsm
sm
md
lg

นักการเมืองชั่ว+ขรก.เลว? ปริศนางาบไทยเข้มแข็ง สธ. 8 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วิทยา แก้วภราดัย
ยามนี้ “วิทยา แก้วภราดัย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)อาจต้องหน้าชื่นอกตรม ข่มตาไม่หลับ เพราะเสือ สิงห์ กระทิง แรด จ้องงาบและทึ้งงบก้อนโต 8.6 หมื่นล้านบาทจากโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของ สธ.

เรียกว่า งานเข้าระลอกใหญ่หนักเสียยิ่งกว่าภัยธรรมชาติอย่างไข้หวัดใหญ่ 2009 หลายเท่า

กระทั่งทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องเปิดเกม “เคลียร์” ความโปร่งใสด้วยการที่ทีมที่ปรึกษา รมว.สธ.ทั้ง 8 คน ไขก๊อกออก

ตั้งแต่นายพิเชฏฐ พัฒนโชติ นายเฉลิม วัชรกานนท์ นพ.อุระพงษ์ เวศกิจกุล นพ.บุญจง ชูชัยแสงรัตน์ นพ.ธวัช สุนทรจารย์ น.ส.ประกายดาว เขมะจันตรี นายบุญมา เตชะวนิช นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ รวมถึงนายสุรเชษฐ์ แวอะแซ ผู้ช่วย รมว.สธ. นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู เลขานุการฯ รมว.สธ.

ด้วยกลิ่นหอมหวนของงบประมาณมหาศาล มากกว่างบประมาณปกติที่ สธ.ได้รับถึง 50 เท่า แม้เงินจะยังไม่มี แต่แผนการต่างๆ เริ่มส่อกลิ่นไม่ดี ส่งสัญญาณร้าย ไม่ต่างจากช่วงทุจริตยา 1,400 ล้านบาท แถมการกระจายงบประมาณลงไปสู่ระดับจังหวัด โยนให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) จัดการกันเอง ยิ่งทำให้การทุจริตคอรัปชั่นมีความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

ขบวนการจับตาทุจริตส่วนหนึ่งต้องยกให้ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบทที่ออกมาเปิดโปงถึงการเตรียมจัดซื้อเครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยระบบแสงอัลตราไวโอเลตระบบปิด ราคาเครื่องละ 40,000 บาท ที่ซื้อแจกจำนวน 800 เครื่อง รวม 32 ล้านบาท เป็นการตั้งราคาสูงเกินจริง และทางส่วนกลางเป็นผู้เสนอให้โดยที่โรงพยาบาลไม่ได้ร้องขอ

จากนั้นมีครุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่น่าสงสัยอีกหลายรายการทั้งเครื่องช่วยหายใจ 1.2 ล้าน แต่ตั้งงบไว้ 1.5 ล้าน รถพยาบาลฉุกเฉินที่ตั้งงบฯไว้ 1.8 ล้านบาท ทั้งๆ ที่สามารถจัดซื้อได้ในราคา 1.7 ล้านบาทเท่านั้น การก่อสร้างหอพักพยาบาลแฟลตพักพยาบาลขนาด 24 ยูนิต ซึ่งเดิมในปี 2552 กำหนดราคากลางไว้ที่ 6.7 ล้าน บาท กลับมีการกำหนดราคากลางเพิ่มขึ้นมาเป็น 9.57 ล้านบาท การก่อสร้างโรงพยาบาลชุมชนขนาด 30 เตียง ที่เสาธงราคาสูงจนน่าตกใจ 4.95 แสนบาท

ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีเครื่องตรวจสารชีวเคมีในเลือดที่ปกติแค่ซื้อน้ำยา บริษัทเจ้าของน้ำยาจะนำเครื่องมือมาติดตั้งให้ จึงไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องมาใช้แต่อย่างใด การซื้อเครื่องของบริษัทใด บริษัทหนึ่งก็ไม่ต่างจากการล็อกสเปก เพื่อจะได้ผูกกับการใช้น้ำยาของบริษัทนั้นตามด้วยเครื่องตรวจวัดปริมาณเม็ดในเลือดราคาเครื่องละ 8 แสนบาท ซึ่งจัดซื้อให้โรงพยาบาลชุมชน 16 แห่ง และปิดท้ายด้วยการล็อกสเปกครุภัณฑ์อย่างน้อย 3 รายการ คือ เครื่องช่วยหายใจ เครื่องดมยาสลบ และเครื่องติดตามการทำงานของหัวใจหรือเซ็นทรัลโมนิเตอร์

ในความมืดมนของ สธ.ยามนี้ ดูเหมือนจะมีคีย์แมนสำคัญ 2 คน คือ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ (สนย.) ซึ่งรับผิดชอบโครงการไทยเข้มแข็งในส่วนของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ซึ่งพยายามออกมาอธิบายแจกแจงเกี่ยวกับงบประมาณส่วนนี้ โดยล่าสุดก็ออกมายอมรับว่า เกิดความผิดพลาดขึ้นในระหว่างการจัดทำรายการครุภัณฑ์เสนอของบประมาณ ส่งผลให้รายการครุภัณฑ์ชนิดเดียวกัน มีราคาต่างกัน

ทว่า คำถามที่ตามมาก็คือ น่าจะมีอะไรมากกว่า ความพลาดพลั้งธรรมดา

ขณะที่จิ๊กซอว์ที่สำคัญอีกคน คือ นพ.สุชาติ เลาบริพัตร ผู้อำนวยการสำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค (สบภ.) ที่ถูกวางตัวในการบริหารจัดการจากคณะผู้บริหารชุดก่อน ซึ่งมีข้อมูลหลุดออกมาว่า การที่บรรจุเครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยแสงอัลตราไวโอเลตเข้าไปในรายการครุภัณฑ์ เพราะผู้บริหารระดับสูงกว่าสั่งมา

แม้ว่าจะยังไม่เปิดเผยผู้อยู่เบื้องหลัง แต่แน่นอนว่า คงไม่ใช่ข้าราชการตัวเล็กๆ คนหรือสองคนเท่านั้น แต่น่าจะมีฝูงแร้งช่วยกันทึ้งเค้กก้อนโต ไม่ว่าจะคนชื่อ ย่อ “ต” “ม” “ป” “ล” หรือ “ส” ซึ่งผู้ที่อยู่ในข่ายน่าสงสัยไม่พ้นนักการเมืองและข้าราชการเก่าลายครามที่อยากไว้ลายหาเงินไว้ใช้ยามเกษียณ

และล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา นายวิทยาก็ออกมายอมรับว่ามีไอ้โม่งสั่งล็อกสเปกจริง โดยจะเปิดเผยข้อมูลในวันที่ 12ต.ค.นี้ ขณะที่แพทย์ชนบทเองก็ตบเท้าเข้าพบ "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรี พร้อมกระซิบชื่อว่า นักการเมืองมีเอี่ยว 4-5 คน โดยมีทั้งคน ปชป. และ ภท.ร่วมขบวนการ กระทั่งทำให้นายกฯ ถึงกับสั่งรายงานสายตรงไม่ต้องผ่าน รมว.สธ.

นี่จึงเป็นเพียงปฐมบทของมหากาพย์งาบไทยเข้มแข็ง ที่แค่โหมโรงก็ไม่อาจกระพริบตาได้เลยทีเดียว
กำลังโหลดความคิดเห็น