xs
xsm
sm
md
lg

ศาลเบรกผุด รง.มาบตาพุด 76 โครงการ 4 แสน ล.กระอัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ชาวมาบตาพุดเฮ!รอบสอง ศาลปกครองกลางสั่งระงับโครงการหรือกิจกรรมทั้ง 76 โครงการในพื้นที่ มูลค่ารวม 4 แสนล้านบาท ระบุการอนุมัติโครงการมีแนวโน้มไม่ชอบด้วยกฎหมาย และโครงการส่วนใหญ่ได้รับอนุมัติหลังกม.รัฐธรรมนูญปี 50 บังคับใช้ โดยเพิกเฉยต่อมาตรา 67 ที่บัญญัติไว้ ด้านกนอ.เตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาล หวั่นถูกฟ้องร้อง “ส.อ.ท.” ชี้นักลงทุนสับสน เตรียมนำเรื่องถกในที่ประชุมกกร.สัปดาห์หน้า

วานนี้ ( 29 ก.ย.) ศาลปกครองกลาง ที่มีนายภานุพันธ์ ชัยรัต ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลาง เป็นตุลาการเจ้าของสำนวนได้มีคำสั่งบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาโดยสั่งระงับโครงการหรือกิจกรรมรวม 76 โครงการที่กำลังดำเนินการในพื้นที่ ต.มาบตาพุด อ.บ้านฉาง และใกล้เคียง จ.ระยองไว้จนกว่าศาลฯจะมีคำพิพากษา ยกเว้น โครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับใบอนุญาตก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2550 โครงการหรือกิจกรรมที่ไม่ได้กำหนดให้เป็นประเภทโครงการหรือกิจกรรมที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ 16 มิ.ย. 52 ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ

ศาลพิเคราะห์เห็นว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสอง มีเจตนารมณ์ให้มีการกำหนดประเภทและขนาดของโครงการ หรือกิจกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงไว้เป็นการล่วงหน้า เพื่อแต่ละโครงการหรือกิจกรรมดังกล่าวจะได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ตามหลักการป้องกันล่วงหน้า ไม่มีเจตนารมณ์ให้มีการออกใบอนุญาตโครงการหรือกิจกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงก่อน แล้วใช้หลักการควบคุมหรือหลักการเยียวยาหากเกิดความเสียหายขึ้นในภายหลัง

ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงพบว่า หลังวันที่ 24 ส.ค. 50 ที่รัฐธรรมนูญ มีผลใช้บังคับ กลับมีการออกใบอนุญาตให้แก่โครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ โดยไม่มีกำหนดว่าโครงการหรือกิจกรรมใดเป็นโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ รวมทั้งไม่มีการดำเนินการตามมาตรา 67 ของรัฐธรรมนูญก่อน

ศาลจึงเห็นว่า เป็นกรณีที่มีปัญหาความน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวกับความรับผิดชอบของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

“เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ปัญหามลพิษจากการประกอบกิจการของโรงงานอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษสูงซึ่งรวมกันอยู่ในพื้นที่มาบตาพุดอันเป็นแหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ที่สุดของประเทศมีอยู่จริง และส่งผลกระทบต่อชุมชนอย่างต่อเนื่อง โดยสถานการณ์ของปัญหามลพิษมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น จึงมีเหตุจำเป็นและเป็นการยุติธรรม สมควรตามหลักนิติธรรม หลักการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และหลักการบริหารงานของรัฐอย่างยั่งยืนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จึงสมควรกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาคดีโดยระงับระงับโครงการหรือกิจกรรมรวม 76 โครงการไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ยกเว้น โครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับใบอนุญาตก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 50 โครงการหรือกิจกรรมที่ไม่ได้กำหนดให้เป็นประเภทโครงการหรือกิจกรรมที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ 16มิ.ย. 52 ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 67วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ”

**กนอ.เตรียมยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน

นายประสาน ตันประเสริฐ ประธานคณะกรรมการบริหารการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (บอร์ดกนอ.) กล่าวว่า หลังจากมีคำสั่งศาลปกครองเกี่ยวกับคำสั่งระงับโครงการหรือกิจกรรมชั่วคราว 76 โครงการ มูลค่า 4 แสนล้านบาทนั้น กนอ.กำลังเตรียมข้อมูลเพื่อยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฯภายใน 30 วัน เนื่องจากกนอ.ได้ออกใบอนุญาตประกอบกิจการให้กับ 2 บริษัทคือ บริษัท อาดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัดและบริษัท สยามแผ่นเหล็กวิลาส จำกัด ไปเมื่อเร็วๆ นี้ตามการตีความของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งผลจากคำสั่งศาลฯอาจส่งผลให้ 2 บริษัทฟ้องร้องต่อกนอ.ได้

**ถก กกร.สัปดาห์หน้า

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)กล่าวว่า คำสั่งศาลปกครองที่ออกมานั้นจะมีการนำไปหารือถึงผลกระทบต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)ในสัปดาห์หน้าเพื่อที่จะนำเสนอต่อรัฐบาลพิจารณาต่อไป แต่ต้องการให้รัฐบาลเร่งชี้แจงถึงความชัดเจนในคำสั่งศาลปกครองล่าสุดเนื่องจากระยะที่ผ่านมามีการตัดสินหลายคดีสร้างความสับสนต่อนักลงทุนอย่างมาก

** เล็งยื่นฟ้อง ก.อุตฯ ประกาศคุม 8 กิจการ

นายสุทธิ อัชฌาสัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวว่า กรณีที่ศาลปกครองมีคำสั่งดังกล่าวทำให้ภาคประชาชนมีความหวังมากขึ้น ซึ่งขั้นตอนขณะนี้เครือข่ายอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลที่จะยื่นฟ้องกระทรวงอุตสาหกรรมที่ได้ประกาศบัญชีรายชื่อ 8 กิจการที่เข้าข่ายกระทบสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างร้ายแรงภายในเดือนต.ค.นี้เนื่องจากเห็นว่าประกาศดังกล่าวแม้จะทำให้สอดคล้องกับมาตรา 67 แห่งรัฐธรรมนูญปี 2550 แต่เป็นการเอื้อต่อพรรคพวกตนเองเนื่องจากไม่ยอมรับฟังความเห็นจากภาคประชาชนโดยใช้ข้อมูลจากต่างประเทศอ้างอิงทั้งที่วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนไทยต่างจากต่างชาติ
  
กำลังโหลดความคิดเห็น