ASTVผู้จัดการรายวัน- สมาคมโรงงานน้ำตาลทรายมั่นใจทิศทางราคาตลาดโลกยังสูงไปอีก 1-2 ปีคาดจะไม่ต่ำกว่า 14 เซนต์ต่อปอนด์หลังผลผลิตของโลกยังเพิ่มขึ้นไม่มากโดยเฉพาะจากอินเดีย แย้มข่าวดีชาวไร่อ้อยเตรียมรับเงินเพิ่มขั้นสุดท้ายปี 51/52 จ่อพันบาทต่อตันเห็นๆ ขณะที่ขั้นต้นฤดูใหม่จ่อไม่ต่ำกว่า 900 บาทต่อตัน หนุนชาวไร่อ้อยปลูกเพิ่ม
นายประกิต ประทีปะเสน ประธานคณะกรรมการประสานงาน 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลกที่ยังทรงตัวระดับสูงซึ่งขณะนี้ราคาส่งมอบล่วงหน้าต.ค.53 เฉลี่ยขณะนี้อยู่ประมาณ 20 เซนต์ต่อปอนด์คาดว่าราคาจะไม่ต่ำกว่า 14 เซนต์ต่อปอนด์ในอีก 1-2 ปีนี้เนื่องจากพิจารณาจากผลผลิตของอินเดียแล้วยังคงต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ทำให้ยังคงต้องการนำเข้าอยู่อีก เช่นเดียวกับประเทศจีน ประกอบกับมีการเข้ามาเก็งกำไรของกองทุน(เฮดฟันด์) ต่างๆ ดังนั้นจึงถือว่า1-2 ปีนี้เป็นปีทองของเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่จะหันมาปลูกอ้อยเพิ่มขึ้น
“บราซิลเองน่าจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นแต่คงไม่ครอบคลุมกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของโลกโดยเฉพาะจากอินเดียที่บริโภคถึง 23 ล้านกระสอบต่อปีและปีนี้คาดว่าจะผลิตได้เพียง 14 ล้านกระสอบเท่านั้น ส่วนไทยเองผลผลิตในฤดูการใหม่คงจะอยู่ราว 71-72 ล้านกระสอบภาพรวมทำให้เห็นว่าด้านปริมาณยังคงตึงตัวเมื่อเทียบกับความต้องการแต่การปลูกอ้อยเพิ่มต้องอาศัยเวลา 1ปีจึงเป็นปัจจัยที่ทำให้กองทุนมองเห็นโอกาสในการเก็งกำไร”นายประกิตกล่าว
นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี รองประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทไทยซูการณ์ มิลเลอร์ จำกัด กล่าวว่า จากการทำราคาขายน้ำตาลทรายดิบส่งออก(โควตาข.)ล่วงหน้าของบริษัทอ้อยและน้ำตาลทราย(อนท.)ไปแล้ว 72% รวมถึงของฝ่ายโรงงงานน้ำตาลที่อยู่ระดับใกล้เคียงกันเฉลี่ยราคาที่เสนอขายอยู่ที่กว่า 18 เซนต์ต่อปอนด์ดังนั้นส่วนที่เหลือคาดว่าจะเสนอขายไม่ต่ำกว่า 20 เซนต์ต่อปอนด์ได้ดังนั้นประเมินเบื้องต้นจะมีผลให้ราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 52/53 จะอยู่มากกว่า 900 บาทต่อตัน(ความหวาน10ซี.ซี.เอส) ส่วนราคาขั้นสุดท้ายฤดูการผลิตปี 51/52 จะอยู่ในระดับ 1,000 บาทต่อตัน
“ราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกสูงมากมีการปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 28 ปีมีผลให้เป็นโอกาสของชาวไร่ที่จะปลูกอ้อยเพิ่มขึ้นซึ่งพบว่าขณะนี้ที่เคยปลูกมันสำปะหลังเริ่มมาปลูกอ้อยเพิ่มแล้วซึ่งล่าสุดปี 52/53 มีการปลูกอ้อยเพิ่มขึ้น 6.4 ล้านไร่”นายสิริวุทธิ์กล่าว
สำหรับราคาเอทานอลแนวโน้มไตรมาส 4 เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 24 บาทต่อลิตรเนื่องจากล่าสุดการประมูลซื้อแป้งมันเพื่อผลิตเอทานอลราคาเสนออยู่ที่ประมาณ 8 บาทต่อกิโลกรัมคิดเป็นการผลิตเอทานอลแล้วราคาจะอยู่ราว 22-23 บาทต่อลิตร อย่างไรก็ตามการซื้อขายระหว่างผู้ค้าน้ำมันกับผู้ผลิตเอทานอลล่าสุดทางผู้ค้าน้ำมันพยายามที่จะเจรจาให้อยู่ในระดับไม่เกิน 23 บาทต่อลิตร
นายประกิต ประทีปะเสน ประธานคณะกรรมการประสานงาน 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลกที่ยังทรงตัวระดับสูงซึ่งขณะนี้ราคาส่งมอบล่วงหน้าต.ค.53 เฉลี่ยขณะนี้อยู่ประมาณ 20 เซนต์ต่อปอนด์คาดว่าราคาจะไม่ต่ำกว่า 14 เซนต์ต่อปอนด์ในอีก 1-2 ปีนี้เนื่องจากพิจารณาจากผลผลิตของอินเดียแล้วยังคงต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ทำให้ยังคงต้องการนำเข้าอยู่อีก เช่นเดียวกับประเทศจีน ประกอบกับมีการเข้ามาเก็งกำไรของกองทุน(เฮดฟันด์) ต่างๆ ดังนั้นจึงถือว่า1-2 ปีนี้เป็นปีทองของเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่จะหันมาปลูกอ้อยเพิ่มขึ้น
“บราซิลเองน่าจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นแต่คงไม่ครอบคลุมกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของโลกโดยเฉพาะจากอินเดียที่บริโภคถึง 23 ล้านกระสอบต่อปีและปีนี้คาดว่าจะผลิตได้เพียง 14 ล้านกระสอบเท่านั้น ส่วนไทยเองผลผลิตในฤดูการใหม่คงจะอยู่ราว 71-72 ล้านกระสอบภาพรวมทำให้เห็นว่าด้านปริมาณยังคงตึงตัวเมื่อเทียบกับความต้องการแต่การปลูกอ้อยเพิ่มต้องอาศัยเวลา 1ปีจึงเป็นปัจจัยที่ทำให้กองทุนมองเห็นโอกาสในการเก็งกำไร”นายประกิตกล่าว
นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี รองประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทไทยซูการณ์ มิลเลอร์ จำกัด กล่าวว่า จากการทำราคาขายน้ำตาลทรายดิบส่งออก(โควตาข.)ล่วงหน้าของบริษัทอ้อยและน้ำตาลทราย(อนท.)ไปแล้ว 72% รวมถึงของฝ่ายโรงงงานน้ำตาลที่อยู่ระดับใกล้เคียงกันเฉลี่ยราคาที่เสนอขายอยู่ที่กว่า 18 เซนต์ต่อปอนด์ดังนั้นส่วนที่เหลือคาดว่าจะเสนอขายไม่ต่ำกว่า 20 เซนต์ต่อปอนด์ได้ดังนั้นประเมินเบื้องต้นจะมีผลให้ราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 52/53 จะอยู่มากกว่า 900 บาทต่อตัน(ความหวาน10ซี.ซี.เอส) ส่วนราคาขั้นสุดท้ายฤดูการผลิตปี 51/52 จะอยู่ในระดับ 1,000 บาทต่อตัน
“ราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกสูงมากมีการปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 28 ปีมีผลให้เป็นโอกาสของชาวไร่ที่จะปลูกอ้อยเพิ่มขึ้นซึ่งพบว่าขณะนี้ที่เคยปลูกมันสำปะหลังเริ่มมาปลูกอ้อยเพิ่มแล้วซึ่งล่าสุดปี 52/53 มีการปลูกอ้อยเพิ่มขึ้น 6.4 ล้านไร่”นายสิริวุทธิ์กล่าว
สำหรับราคาเอทานอลแนวโน้มไตรมาส 4 เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 24 บาทต่อลิตรเนื่องจากล่าสุดการประมูลซื้อแป้งมันเพื่อผลิตเอทานอลราคาเสนออยู่ที่ประมาณ 8 บาทต่อกิโลกรัมคิดเป็นการผลิตเอทานอลแล้วราคาจะอยู่ราว 22-23 บาทต่อลิตร อย่างไรก็ตามการซื้อขายระหว่างผู้ค้าน้ำมันกับผู้ผลิตเอทานอลล่าสุดทางผู้ค้าน้ำมันพยายามที่จะเจรจาให้อยู่ในระดับไม่เกิน 23 บาทต่อลิตร
